ปลัดสุทธิพงษ์ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 เมืองกรุงเก่า เน้นย้ำ น้อมนำพระบรมราโชวาท บ่มเพาะเด็กให้เป็นคนดี รู้หน้าที่ มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

ปลัดสุทธิพงษ์ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 เมืองกรุงเก่า เน้นย้ำ น้อมนำพระบรมราโชวาท บ่มเพาะเด็กให้เป็นคนดี รู้หน้าที่ มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

วันนี้ (14 ม.ค. 66) เวลา 09:00 น. ณ บริเวณศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หลังเก่า) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2566 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และมอบจักรยาน จำนวน 1,910 คัน ให้กับเด็กนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งปล่อยเเถวปั่นจักรยานเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้แนวคิด “ปันน้ำใจเพื่อน้อง พร้อมกันปั่น” โดยได้รับความเมตตาจากพระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพรหมนิวาส วรวิหาร ร่วมในพิธี โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี นายกกชัย ฉายรัศมีกุล นายไพรัตน์ เพชรยวน นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล ผู้นำชุมชน เด็ก นักเรียน เยาวชน พ่อ เเม่ และผู้ปกครอง รวมกว่า 4,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม
.
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ เป็นเครื่องตอกย้ำว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ และจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้าง บ่มเพาะทักษะให้กับเด็ก ๆ เช่นเดียวกับนานาประเทศทั่วโลก โดยผู้ใหญ่ทุกท่านต้องให้ความสำคัญกับเด็กซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคตต่อไป ทั้งนี้ การปลูกฝังสิ่งดี ๆ ให้กับเด็ก เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องให้ความสำคัญ มิใช่เฉพาะครู อาจารย์ เพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องหมายถึงทุก ๆ คน เริ่มตั้งแต่ที่บ้าน โดยท่านผู้ปกครองและสมาชิกในครอบครัว ทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณลุง คุณป้า คุณน้า คุณอา ซึ่งมีความใกล้ชิดที่สุดกับเด็กนักเรียน รวมถึงสังคม ชุมชน ได้แก่ ผู้นำชุมชน และเพื่อนบ้าน ที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนได้ เพื่อบ่มเพาะ ดูแลให้เด็กเเละเยาวชนเติบโตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดี เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่งของประเทศชาติ
.
“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ความว่า “เด็กทุกคนเติบโตขึ้นได้ ด้วยอาศัยการโอบอุ้มช่วยเหลือ ทั้งจากผู้ใหญ่และสังคม การรู้และเห็นความดีของผู้ที่ได้โอบอุ้มช่วยเหลือนั้น นับเป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง ชื่อว่าความกตัญญู เด็ก ๆ จึงควรเรียนรู้ และสร้างสมอบรมคุณธรรมข้อนี้ ให้บริบูรณ์” อันมีนัยที่สำคัญว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนว่า เด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้โดยพวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ทุกคน ทั้งที่เป็นผู้ปกครอง ปู่ ย่า ตา ยาย คุณพ่อ คุณแม่ ต้องให้การโอบอุ้มดูแล รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ที่อยู่ในสังคม ก็ต้องช่วยกันดูแล ต้องช่วยกันสอนให้เด็ก ๆ รู้จักคติธรรมในการรู้จักบุญคุณคน รู้จักบุญคุณของผู้ใหญ่ที่โอบอุ้มดูแล กล่าวคือ “มีความกตัญญูกตเวที” นั่นเอง โดยในส่วนของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับวันเด็กแห่งชาติเป็นอย่างยิ่ง ได้กรุณามอบคำขวัญวันเด็กในปีนี้ ว่า “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” กล่าวคือ ทุกคนมีหน้าที่ ในฐานะเด็กนักเรียน ก็มีหน้าที่ต้องเรียนรู้ต้องศึกษาเพื่อจะเติบใหญ่ไปเป็นกำลังสำคัญของชาติ ดังนั้น ในวันนี้ก็ต้องรู้จักแบ่งเวลาศึกษาหาความรู้ แบ่งเวลาช่วยพ่อแม่ทำงาน แบ่งเวลาเล่นกับเพื่อนฝูง ซึ่งการแบ่งเวลานี้เเสดงถึงความมีระเบียบวินัยเเละความรับผิดชอบต่อหน้าที่ อันจะเป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กเเละเยาวชนทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่วเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้เด็ก ๆ ทุกคน มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียน หมั่นฝึกฝนตนเอง ควบคู่การทำกิจกรรมส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ ทักษะชีวิต อันจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต เพื่อที่จะนำความรู้ และทักษะต่าง ๆ ไปใช้ในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข และเพื่อเป็นพลังที่สำคัญในการสร้างความเจริญ ความมั่นคงของชาติไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคน และขออำนวยอวยพรให้เด็กและเยาวชนทุกคน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยต่อไป

“ขอขอบคุณคณะผู้จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากผู้ใหญ่ใจดี ทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ภาคีเครือข่ายทั้งภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ที่มาร่วมจัดกิจกรรมและสนับสนุนด้านอื่น ๆ และขอให้พวกเราทุกคนได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนเพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ด้วยวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมทุกปีเป็นวันที่คณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับเด็กและเยาวชน ด้วยการกำหนดให้เป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 โดยเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา มีภารกิจในการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชน การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและผู้ด้อยโอกาส จึงได้จัดทำโครงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2566 ขึ้นในวันนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก มีความสนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็ก เยาวชนได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของตนเอง และอยู่ในระเบียบวินัย อันดี เพื่อส่งเสริมการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคมให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสแสดงความสามารถ กล้าคิด กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง และเพื่อให้เด็กมีจิตสำนึกยึดมั่นในความรักชาติ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย กิจกรรมปั่นจักรยานเทิดพระเกียรติเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้แนวคิด “ปันน้ำใจเพื่อน้อง พร้อมกันปั่น” กิจกรรมส่งเสริมความสามารถในด้านต่าง ๆ ของเด็กและเยาวชน กิจกรรมเกมการแข่งขัน และกิจกรรมตอบปัญหา ชิงรางวัลของเด็กนักเรียนโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยาและเด็กเยาวชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมการแข่งขันและกิจกรรมให้ความรู้

ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2566 ได้รับความอนุเคราะห์จากห้าง ร้าน และหน่วยงานต่าง ๆ สนับสนุนจักรยาน รวม 1,910 คัน ของขวัญ ของรางวัลต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่ม และขอขอบคุณกรมศิลปากรที่ให้ใช้สถานที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หลังเก่า) เป็นสถานที่จัดงาน อันจะทำให้สถาบันครอบครัวของพวกเราทุกคนมีความเเข็งเเรง เป็นรากฐานทำให้สังคมมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน