กระทรวงพลังงาน จับมือ กฟผ. คิกออฟ “EV GO ทริปปิดดีล” กระตุ้นประชาชนลองใช้รถไฟฟ้า

กระทรวงพลังงาน ผุดไอเดีย “ทราบแล้วเปลี่ยน” ลดคาร์บอน พร้อมผนึกกำลัง กฟผ. ออกโรดทริป “EV GO ทริปปิดดีล” ชวนประชาชนทดลองขับรถอีวี 4 เส้นทาง กฟผ.ประกาศเพิ่มสถานีชาร์จให้ครบ 100 แห่ง ภายในปีนี้ รองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานอนาคต!

จากสภาวะโลกรวนที่ทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญ จึงเกิดความตื่นตัวในการใช้นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าทดแทนพลังงานรูปแบบเดิม และวิกฤตพลังงานที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ประเทศไทย โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้ออกนโยบาย 30@30 ผลักดันให้ไทยก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตั้งเป้าผลิตยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle : ZEV) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดภายในปี ค.ศ.2030 และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด การปรับเปลี่ยนความเชื่อเรื่องยานยนต์ไฟฟ้า กระทรวงพลังงาน จึงร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดแถลงข่าวกิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล” ภายใต้แคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ณ ลานกิจกรรม ENGY Patio การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

นายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากวิกฤตโลก ทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตพลังงาน ราคาก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันร้อยละ 90 จึงต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ในปีนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นและจูงใจให้ผู้ขับขี่มาใช้รถอีวี ทั้งเงินอุดหนุนและมาตรการลดภาษีการซื้อยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้านกระทรวงพลังงานได้เตรียมพร้อมด้านการผลิต จัดส่งพลังงานไฟฟ้ารองรับไว้แล้ว วางโครงข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ครอบคลุม สามารถชาร์จได้ในเวลารวดเร็ว

“ปัจจุบันทิศทางการรณรงค์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก จะมุ่งไปในทางการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุหลักที่กระทบต่อภาวะโลกร้อน กระทรวงพลังงานจึงตั้งเป้าหมาย สิ่งแรกเรื่องของการผลิตพลังงานไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ต้องมุ่งเน้นผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน โซลาร์เซลล์ พลังงานน้ำ พลังงานลม ส่งเสริมให้มีการผลิตมากขึ้น อีกทางหนึ่งก็ต้องไปปลูกป่าเพื่อดูดซับคาร์บอนและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilisation and Storage : CCUS) อีกประเด็นที่สำคัญคือการปรับเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าทดแทนเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมัน เพราะราคาพลังงาน ราคาน้ำมันผันผวนในอีกหลาย ๆ ปี ราคาน้ำมันคงไม่ได้ลดลง สิ่งที่จะช่วยในการประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ คือ การประหยัด รวมถึงการเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยได้ระยะยาว จึงอยากให้ประชาชนได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของโลกและสิ่งแวดล้อม” นายสมบูรณ์ กล่าว

ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานสร้างความตระหนักรู้การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เสริมว่า กระทรวงพลังงานได้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการอนุรักษ์พลังงานขึ้น กระตุ้นให้ประชาชนรู้ถึงคุณค่าพลังงาน ชวนเปลี่ยนพฤติกรรมลดใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรมผ่านแคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” จึงได้ชวนภาคีเครือข่ายมาร่วมกันจัดกิจกรรม ล่าสุดกับ “EV GO ทริปปิดดีล” ที่ กฟผ. ชวนคนไทยมั่นใจเปลี่ยนมาใช้รถอีวี เสริมสร้างความมั่นใจให้เกิดการบริโภคอย่างยั่งยืน

“การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนเราได้อย่างยั่งยืนนั้นจะต้องมีมากกว่าการรับรู้ แต่ต้องมีความรู้ที่ถูกต้องและสร้างโอกาสทำให้เกิดการสัมผัสด้วยตัวเอง และสุดท้ายจะนำไปสู่การบอกต่อ ซึ่งสอดคล้องกับ กิจกรรม “EV GO ทริปปิดดีล เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ใช้ได้ทดลองขับขี่จริง ซึ่งจะส่งผลต่อ 3 เรื่องใหญ่ๆ คือ การสร้างให้ผู้ใช้เกิดความมั่นในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น, สร้างให้เกิดดีมานด์ในประเทศ เพื่อดึงดูดนักลงทุน และเดินหน้าสู่ Smart Electronic Industry ของประเทศเรา”

ด้าน นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.สนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ.2050 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี ค.ศ.2065 จึงดำเนินงานทุกมิติให้สอดรับเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ขณะเดียวกันก็สนับสนุนและผลักดันให้ผู้ใช้ไฟฟ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ให้สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก การเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับรถที่ใช้น้ำมัน เพราะประสิทธิภาพการใช้พลังงาน หากมองตั้งแต่ต้นทางแล้วดีกว่าการใช้น้ำมัน ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 40% อีกทั้งยังมีราคาถูกกว่าน้ำมัน เมื่อเทียบการเดินทางต่อกิโลเมตร รถยนต์ไฟฟ้าเติมพลังงานที่บ้านในราคาไม่ถึงบาท หากเติมที่สถานีชาร์จไฟฟ้าราคา 1.50-1.60 บาทต่อกิโลเมตร

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานีชาร์จไฟฟ้าของ กฟผ.และพันธมิตรบนเครือข่าย EleXA เปิดให้บริการแล้ว 80 แห่งทั่วประเทศ กฟผ.ได้ตั้งเป้าในการเร่งขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ EleX by EGAT ให้ครอบคลุมเส้นทางหลักทุกภูมิภาค ด้วยการเพิ่มจำนวนสถานีเป็น 100 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เชื่อว่าจะสามารถเดินทางไปได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้แบตเตอรี่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน และคาดว่าเทรนด์อีวีจะคึกคักมากขึ้นอีกในปีหน้า โดยมีแอปพลิเคชัน EleXA อำนวยความสะดวกผู้ใช้รถอีวี ตั้งแต่การค้นหา ใช้ระบบนำทางพาไปยังสถานีชาร์จ ตรวจสอบสถานะความพร้อม จองใช้งานสถานี ชำระเงิน และยังมีอีกหลายฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การใช้งานรถอีวีเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ กฟผ.ยังได้ร่วมกับ Charging Operator อีก 4 Platforms แสดงผลสถานะปัจจุบันของทุกสถานีร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ให้เกิดความปลอดภัย

“กฟผ.ต้องการตอกย้ำความมั่นใจให้ประชาชนกล้าเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์แห่งอนาคต จึงได้คิกออฟกิจกรรม EV GO ทริปปิดดีล ภายใต้แคมเปญ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ให้ประชาชนได้ลองขับยานยนต์ไฟฟ้าในชีวิตจริง จากความเชื่อที่ว่า ชาร์จไฟแล้วจะไปถึงปลายทางได้ไหม ต้องไปรอชาร์จไฟนาน อยากให้ลองสัมผัสด้วยตัวเอง ชวนคนไทยมาสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับขี่รถอีวีอย่างชาญฉลาดและปลอดภัย เรียนรู้การออกแบบเส้นทาง ทดลองใช้ Mobile Application AleXA และสถานีชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT ใน 4 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 หัวหิน วันที่ 21-22 พ.ย. เส้นทางที่ 2 สัตหีบ วันที่ 24-25 พ.ย. เส้นทางที่ 3 เขื่อนศรีนครินทร์ วันที่ 28-29 พ.ย. ที่นี่จะได้ชมสมาร์ทโฮมด้วย และทริปสุดท้าย เส้นทางที่ 4 เขาใหญ่ วันที่ 1-2 ธ.ค. โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้ทำ CSR สุดกรีน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำไปกับโครงการปลูกป่าล้านไร่อย่างมีส่วนร่วมของ กฟผ. แต่ละทริปจะรับเพียง 25 สิทธิ์ มีค่ายรถมาให้ทดลองขับเกือบครบทุกยี่ห้อในประเทศไทยที่เข้าร่วมในรายการนี้ ผู้สนใจร่วมกิจกรรม EV GO ทริปปิดดีล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook กฟผ.การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สมัครได้ที่ www.egatevgo.com ตั้งแต่วันนี้ถึง 15 พ.ย. 2565 หวังว่าเมื่อจบกิจกรรมแล้ว จะบอกต่อประสบการณ์ที่ดี แล้วมาเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้า” ผู้ว่าฯกฟผ. เพิ่มเติม

มาก้าวสู่โลกยุคใหม่ ลดใช้พลังงานเดิม กล้าลองเลือกยานยนต์แห่งอนาคต ให้สอดคล้องกับเทรนด์รักษ์โลก