ใครจบวิศวฯ 7 สาขานี้ต้องรู้!! สภาวิศวกร ไขความกระจ่างใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กับเหตุผลทำไมต้องมีใบอนุญาตนี้

ในปัจจุบันอาชีพ วิศวกรถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สำคัญในการพัฒนาสังคมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงสร้างสรรค์แนวคิด หรือนวัตกรรมใหม่มาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้นด้วย แต่การจะเป็นวิศวกรโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิศวกรที่ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมจำเป็นต้องมี ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเทศไทยเพื่อใช้ประกอบการทำงานทางวิศวกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการด้านวิศวกรรม โดยจะต้องมีการอบรมและทดสอบด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ ด้านความปลอดภัย และด้านกฎหมายเพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเทศไทย

            สภาวิศวกร (COE: Council of Engineers) หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลมาตรฐานวิชาชีพของวิศวกรไทย เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเทศไทยให้กับผู้ที่ประกอบอาชีพในสาขาวิศวกรรมควบคุมทั้ง 7 สาขา ได้แก่ วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมเหมืองแร่ วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมอุตสาหการ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม และวิศวกรรมเคมี โดยมี 3ระดับ ได้แก่ ภาคีวิศวกร สามัญวิศวกร และ วุฒิวิศวกร และวิศวกรสมทบ คือ ภาคีวิศวกรพิเศษ โดยแต่ละระดับมีขอบเขตการทำงานที่แตกต่างกันไป ตามพระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. 2542

·       ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมแต่ละระดับต่างกันอย่างไร

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่การันตีความรู้และความสามารถด้านวิศวกรรมควบคุม ที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนได้ วิศวกรระดับแรกระดับภาคีวิศวกร (Associate Engineer) เป็นระดับที่สามารถทำงานได้ตามประเภท และขนาดที่กำหนดตามข้อบังคับของสภาวิศวกร หลังจากได้รับใบอนุญาตฯ ระดับภาคีวิศวกรมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีจะสามารถขอสอบเลื่อนเป็นระดับสามัญวิศวกร (Professional Engineer) ที่สามารถทำงานได้ตามประเภท และขนาดที่กำหนดตามข้อบังคับของสภาวิศวกรเช่นกัน หลังจากได้รับใบอนุญาตฯ ระดับสามัญวิศวกรมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จะสามารถขอเลื่อนไป ระดับวุฒิวิศวกร (Senior Professional Engineer) ได้ ซึ่งเป็นระดับที่ทำงานได้ทุกงาน ทุกประเภท และทุกขนาด ซึ่งทั้ง 3 ระดับอยู่ภายใต้การเป็นสามัญสมาชิกของสภาวิศวกร นอกจากนี้ ยังมีระดับภาคีวิศวกรพิเศษ (Adjunct Engineer) ที่สามารถทำงานได้เฉพาะตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต โดยจะต้องมีความรู้และประสบการณ์ตรงกับลักษณะงาน

·   ประเมินความรู้ความสามารถกันอย่างเข้มข้นเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม

แน่นอนว่าการประกอบอาชีพวิศวกรรมควบคุมที่เกี่ยวเนื่องกับชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนต้องมีการขอใบออนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม โดยการเลื่อนระดับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในแต่ละครั้งนั้นต้องมีการประเมินอย่างเข้มข้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และได้วิศวกรที่มีศักยภาพสูง ดังนั้นจึงมีการประเมินในหลากหลายด้านด้วยกัน ทั้งความรู้ทางวิศวกรรม ทักษะในการแก้ไขปัญหาทางวิศวกรรม ความสามารถในการจัดการตามกรอบจรรยาบรรณ ความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กฎหมายต่างๆ ความรับผิดชอบต่อสังคม และผลงานทางวิศวกรรมของตน นอกจากนี้ยังต้องสอบสัมภาษณ์ และมีผลงานทางด้านวิศวกรรมประกอบการพิจารณา เพื่อทำให้การประเมินความรู้ความสามารถของวิศวกรมีประสิทธิภาพสูงที่สุด นอกจากนี้ผู้ที่จะขอใบออนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมได้ ต้องจบจากหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตที่ผ่านการรับรองจากสภาวิศวกรอีกด้วย

·       หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตที่เข้มข้น เน้นตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม   

ในการสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเทศไทย ระดับภาคีวิศวกร ซึ่งเป็นใบอนุญาตระดับแรกก่อนก้าวไปสู่การเป็นวิศวกรมืออาชีพ โดยผู้สมัครสอบต้องจบหลักสูตรที่ทางสภาวิศวกรรับรอง จึงมีสิทธิ์สมัครได้ โดยในหลักสูตรต้องมีเนื้อหา โครงสร้างหลักสูตร และมีองค์ความรู้ครบถ้วนตามเงื่อนไข นอกจากนี้บริบทของโลกที่ได้เปลี่ยนไป ทำให้หลักสูตรการศึกษาต้องพัฒนาตามไปด้วย โดยต้องเน้นผลลัพธ์ทางการศึกษา (Outcome based) มากขึ้น และลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ต้องสอดคล้องกับหลักสูตร มีกรอบความรู้ที่เน้นตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคตองค์ความรู้ควรยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ของภาคอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป ตามกิจกรรม ลักษณะงานทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

นายกิตติพงษ์ วีระโพธิ์ประสิทธิ อุปนายกสภาวิศวกร คนที่ 1 กล่าวเสริมว่า ผู้ที่จบหลักสูตรจากสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรองหลักสูตร ก็จะสามารถสมัครเข้าทดสอบ ความรู้พื้นฐานทางด้านวิศวกรรม และความรู้เฉพาะทางด้านวิศวกรรมในสาขาที่เป็นวิศวกรรมควบคุม เพื่อขอรับใบอนุญาตในระดับภาคีวิศวกรได้ ซึ่งเป็นแนวทางการสอบตามปกติ และยังสามารถสอบเพื่อเลื่อนระดับไปได้เรื่อยๆ ตามกรอบความสามารถ โดยใช้แบบประเมินเดียวกัน แต่มีมุมมองและน้ำหนักที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับแต่ละระดับ ในอนาคตจะมีการพัฒนาการขึ้นทะเบียนใบรับรองความรู้ความสามารถของผู้ประกอบวิชาชีพที่ไม่ใช่สาขาวิศวกรรมควบคุม เช่น วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมทางเรือ วิศวกรรมอากาศยาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและการประกอบวิชาชีพในยุคปัจจุบัน

ติดตามความเคลื่อนไหวของการแก้ไขปัญหาด้านโครงสร้างและการช่วยเหลือประชาชนภายใต้หลักการทางวิศวกรรมของสภาวิศวกรได้ทางเพจเฟซบุ๊ก   https://www.facebook.com/coethailand และเว็บไซต์ www.coe.or.th