ไทวัสดุ สานต่อพันธกิจเคียงข้างสังคม ช่วยเหลือชุมชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.น่าน เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจการสร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืน

สถานการณ์พายุมู่หลานพัดผ่านภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือ และพื้นที่ใกล้เคียงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ในจังหวัดน่าน ประชาชนในพื้นที่ต่างได้รับผลกระทบรุนแรง บ้านเรือนเสียหาย ถึงแม้ว่าระดับน้ำจะลดลงแล้ว แต่ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยความเสียหายที่ต้องได้รับการฟื้นฟู ซ่อมแซม เยียวยาอย่างเร่งด่วน

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ไทวัสดุ ได้เปิดสาขาใหม่แห่งที่ 63 ที่จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปช่วยเหลือสังคม ฟื้นฟู ซ่อมแซม บ้านเรือนชุมชนที่เสียหาย จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น โดยยึดหลักมุ่งดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าร่วมให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญใน 3 ด้าน ได้แก่ People Centric การพัฒนาศักยภาพคน โดยการเปิดสาขาน่านในครั้งนี้ ได้เพิ่มโอกาสการจ้างงาน สร้างอาชีพให้คนท้องถิ่น จำนวนกว่า 300 อัตรา Sharing Society การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน และพัฒนาชุมชนในพื้นที่ที่ไทวัสดุตั้งอยู่ให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน และ Environmental Oriented มุ่งดำเนินธุรกิจให้เติบโตเคียงข้างกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ไทวัสดุ รุดสำรวจลงพื้นที่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ผ่านทาง อบต. ศรีภูมิ และตัวแทนจากหมู่บ้านดอนตัน 1,2,3 ที่อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ซึ่งพบว่าในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอยู่ในระยะฟื้นฟู เนื่องจากน้ำท่วมขังไม่นาน จึงเกิดปัญหาการขาดแคลนวัสดุ เครื่องใช้ และอุปกรณ์หลายชนิดสำหรับทำความสะอาดจากความเสียหายน้ำท่วมขังตามถนนหนทาง บ้านเรือน โรงเรียน และสถานที่สาธารณะต่างๆ ไทวัสดุ จึงมอบอุปกรณ์ดังกล่าว อาทิ ถุงมือยาง รองเท้าบูทยาง ถุงขยะ ทิชชู่เปียก พร้อมด้วยพนักงานจิตอาสาของไทวัสดุ ลงพื้นที่ทำความสะอาด ร่วมฟื้นฟูพื้นที่ส่วนรวมให้กลับมาคงสภาพเดิมโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยต่อไป

เหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังมีโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดน่าน อย่างเช่น โรงเรียนบ้านสบหนอง และโรงเรียนชุมชนบ้านดอนตัน ในจังหวัดน่าน ที่ห้องเรียน และอุปกรณ์การเรียน ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด จนทำให้โรงเรียนจำเป็นต้องหยุดทำการเรียนการสอนเป็นระยะเวลานาน ส่งผลกระทบกับนักเรียนโดยตรง

 เพื่อให้นักเรียนสามารถกลับมาเรียนได้โดยเร็ว พนักงานจิตอาสาร่วมลงพื้นที่ ช่วยปรับปรุงโรงเรียน ทำความสะอาด ซ่อมบำรุง ทาสีอาคาร ปรับปรุงกำแพงโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายให้กลับมาแข็งแรง และสวยงามอีกครั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง”

นอกจากนี้ ไทวัสดุ ยังสนับสนุนกิจกรรมประจำปีของจังหวัดน่าน อาทิ งานฟุตบอลเทศบาลอำเภอเมืองน่าน และงานแข่งเรือประจำปี ซึ่งเป็นกิจกรรมประเพณีที่อยู่คู่กับพี่น้องชาวน่านมายาวนาน การสนับสนุนในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชุมชนให้คงอยู่ ยังเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชุมชนให้กลมเกลียวยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงการประชาสัมพันธ์กิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย

สำหรับพื้นที่ภาคเหนือที่ได้รับความเสียหายจากพายุมู่หลาน ไม่เพียงแต่จังหวัดน่านเท่านั้น ไทวัสดุยังได้ลงพื้นที่มอบชุดอุปกรณ์ช่วยเหลือ ให้แก่ ผู้ประสบภัยอีก 2 จังหวัด ได้แก่ ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และ ที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังใจที่มอบให้แก่ผู้ประสบภัยให้เข้มแข็งและใช้ชีวิตได้อย่างปกติ

“ไทวัสดุ ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจในพื้นที่อย่างจริงใจและซื่อสัตย์พร้อมเคียงข้างและเป็นส่วนหนึ่งกับประชาชน และชุมชนที่ตั้งอยู่ในทุกสถานการณ์ เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจที่มั่นคงต้องมาพร้อมการสรรค์สร้างสังคมให้น่าอยู่” นายสุทธิสาร กล่าวสรุป  

 

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,550 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม และ (5) กลุ่มเฮลธ์แอนด์เวลเนส ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายและให้บริการด้านสุขภาพคนและสัตว์เลี้ยง เช่น ท็อปส์แคร์ ท็อปส์วีต้า และ เพ็ทแอนด์มี โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 58 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัดและประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565)