ขยะปัญหาใหญ่! แก้ได้ด้วยการ “แยก”ตั้งแต่ต้นทาง “มูลนิธิคุณ”-“กองทุนพัฒนาสื่อสร้างสรรค์” ผนึกกำลังเครือข่ายปลูกฝังเยาวชนช่วยโลก

หลายคนอาจไม่ทราบว่า “ปริมาณขยะมูลฝอย”ในกรุงเทพมหานครมีเฉลี่ยสูงถึงวันละ 10,000 ตัน โดยจะถูกส่งไปโรงกำจัดขยะ 3 แห่ง คือ อ่อนนุช 4,000 ตัน หนองแขม 3,500 ตัน และสายไหม 2,500 ตัน สำหรับโรงกำจัดขยะหนองแขมมีจุดกำจัด 2 แบบ คือ 1.โรงเผาขยะโดยเอกชนวันละ 500 ตัน ซึ่ง กทม.จะต้องเสียงบประมาณในการเผาขยะตันละ 970 บาท หรือ ตกวันละ 500,000 บาท เมื่อคำนวนเป็น ปี จะตกถึงปีละละ 180 ล้านบาท 2.ฝังกลบที่กำแพงแสน ค่าฝังกลบ 693 บาทต่อตัน มีรถวิ่งเฉลี่ยวันละ 1,000 เที่ยว

เฉพาะปัญหานี้ในกรุงเทพฯ ทำให้ ผู้ว่าฯกทม.มองว่าในอนาคต ‘การฝังกลบ’ จะไม่ยั่งยืน เนื่องจากความเสี่ยงค่าขนส่ง มลพิษฝังกลบ อย่างไรก็ตาม จะมีการทำเตาเผาขยะที่หนองแขมเหมือนกับที่อ่อนนุช ซึ่งการเผาจะใช้งบประมาณเฉลี่ย 775 บาทต่อตัน แต่ยังมีปัญหาเรื่องการประกาศรับซื้อ “ค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ และส่วนใหญ่สัญญาระยะยาว 20 ปี ต้องไปดูในรายละเอียด สิ่งสำคัญคือการทำให้อนาคตดีขึ้น ดังนั้น หากจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงลูกหลาน ซึ่ง กทม.จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ รวมถึงเรื่องการสร้างมลภาวะให้กับชุมชนโดยรอบ”

ทางแก้ในจุดตั้งต้นของปัญหาขยะ หลายคนอาจปฏิบัติจริงแล้ว บางคนยังไม่เคยลองทำ นั่นคือ “การคัดแยกขยะ” ซึ่งวันนี้มีมูลนิธิคุณได้พยายามรณรงค์ในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องหลายปี ที่สำคัญคือการสร้างสื่อการเรียนรู้เพื่อให้ผู้รับสารนั่นคือ “เยาวชน” ตระหนักแล้วนำไปปรับใช้ในครอบครับ

คุณปรางค์ทิพย์ อนันตวิภาต ประธานมูลนิธิคุณ ได้เปิดเผยว่าจากกรณีปัญหาขยะในประเทศไทยนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะปัญหาขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อม จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษระบุว่าในปี 2564 ไทยผลิตขยะทั้งสิ้นเกือบ 25 ล้านตัน ในจำนวนนี้มีขยะที่ไม่ได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องปริมาณ 7.81 ล้านตัน และมีขยะตกค้างถึง 7.5 ล้านตัน ซึ่งขยะส่วนนี้ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมาก ทั้งเรื่องการเกิดแหล่งเชื้อโรคสะสม การรั่วไหลของขยะออกสู่ขยะกลายเป็นขยะทะเล หรือแม้กระทั่งการสะสมของไมโครพลาสติกในอาหารทะเลอีกด้วย หากปล่อยให้ภาครัฐแก้ปัญหาฝ่ายเดียวคงจะเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จ และท้ายที่สุดพวกเราทุกคนรวมทั้งลูกหลานย่อมเลี่ยงไม่พ้นผลกระทบอันเกิดจากปัญหาขยะล้นดังกล่าว

ซึ่ง “คุณจิ๋ว” ปรางค์ทิพย์ ตระหนักถึงความสำคัญและเร่งด่วนของวิกฤตอันเกิดจากขยะล้นเป็นอย่างดี และเล็งเห็นว่าการจะแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องเริ่มจากเด็กและเยาวชน จึงได้จัดโครงการส่งเสริมความรู้ และปลูกจิตสำนึก ด้านการลดและแยกขยะ ระดับประถมศึกษา ผ่านการแสดงละครหุ่นเชิด (Puppet show) ชุด “DoDo & Friends” ตอน…วาฬน้อยท้องผูก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการให้ความรู้เรื่อง 3R ได้แก่ การลดการใช้ (Reduce) เพิ่มการใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาทั่วประเทศ

ปรางค์ทิพย์ อนันตวิภาต ประธานมูลนิธิคุณ ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผจก.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และกลุ่มศิลปินดารา หัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อม
โดยคุณจิ๋ว เล่าว่า มูลนิธิคุณก่อตั้งมานานกว่า 4 ปี และเห็นความสำคัญของการแยกขยะมานานแล้ว จึงได้ขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เล็งเห็นถึงความมุ่งมั่นจึงมาช่วยสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิในช่วงวันแม่ คือ วันที่ 10 สิงหาคม ณ โรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ เขตคลองเตย กทม. และ 11 สิงหาคม ณ โรงเรียนสาธิต มศว. อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

“มูลนิธิคุณ ตั้งมั่นที่จะขับเคลื่อนกิจกรรม และทำให้เกิดผลขึ้นได้จริง โดยพลังของกลุ่มคน ตลอดจนองค์กรทุกฝ่ายที่มีน้ำใจ หวังให้สิ่งแวดล้อมของเราดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจุดเริ่มต้นที่ดี คือ การปลูกฝังความรู้และจิตสำนึกในการลดและแยกขยะให้กับเด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต จึงได้คิดค้นเครื่องมือในการถ่ายทอดความรู้อย่างง่าย ๆ และแฝงไปด้วยความสนุกสนาน ผ่านการแสดงละครหุ่นเชิดสัตว์ต่าง ๆ เช่น วาฬ กวาง สุนัข ปลาดาว นกฮูก เป็นต้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้เด็ก ๆ สนใจและซึมซับความรู้และประโยชน์ของการคัดแยกขยะได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องขอขอบคุณกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่งที่เห็นถึงประโยชน์ของกิจกรรมและช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ หลังจากนี้ มูลนิธิคุณยังมีแผนงานที่จะดำเนินโครงการฯ นี้ อย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือกับกองทุน กทม. และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างสังคมที่ดีให้แก่ลูกหลานต่อไป” สาวเก่งแห่งมูลนิธิคุณกล่าว

โดยเธอระบุด้วยว่า “ช่วงสองสามปีที่ผ่านมาเรื่องขยะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งตรงกับประเด็นที่มูลนิธิคุณเราได้ดำเนินการ ผ่านการจัดการเสวนา การประชุม ถ่ายภาพหมู่ร่วมรณรงค์ หรือกิจกรรมต่าง ๆ เราได้ทำพวกนี้มาหมดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาต้องให้ความรู้จริงจัง มูลนิธิเลยคิดวิธีที่จะสื่อสารกับเด็ก ๆ เพราะเวลาวัดผลแล้วเห็นความคืบหน้าชัดเจน คือเด็กๆ ตะลึง ยิ้มกว้าง เราก็มีพลังทำไปเรื่อย ๆ”

ด้าน ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า ปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งการปลูกฝังจิตสำนึกให้แก่เด็กและเยาวชนจะทำให้การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในระยะยาวน่าจะเกิดผลเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับภารกิจของกองทุนฯ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมสื่อรูปแบบต่าง ๆ

“การที่มูลนิธิคุณเลือกใช้สื่อรูปแบบการเล่านิทานผ่านหุ่นเชิดเพื่อสร้างความสนใจให้เด็ก ๆ แล้วสอดแทรกความรู้เข้าไปถือเป็นสิ่งที่ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะเป็นสื่อแห่งการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัวที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมและสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ด้วยการมีส่วนร่วมของคนในทุกช่วงวัย โดยให้เด็กมีทักษะ องค์ความรู้ติดตัว ทางกองทุนฯ รู้สึกยินดีและภูมิใจที่มีโอกาสได้สนับสนุนกิจกรรมดี ๆ ของมูลนิธิคุณในครั้งนี้ และเชื่อว่าจะได้ร่วมมือกันต่อไปในระยะยาว”

ขณะที่นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะ โดยเฉพาะการคัดแยกขยะ ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพฯ มีปริมาณขยะ 10,000 ตันต่อวัน ทำให้ กทม.ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะ ปีละ 7 พันล้าน ดังนั้นการคัดแยกขยะที่ต้นทาง จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้เพื่อนำงบประมาณไปจ่ายในส่วนอื่นๆ เช่น การศึกษา และสาธารณสุข แต่ถ้าไม่ลดจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะประเทศญี่ปุ่น เคยศึกษาปริมาณขยะในพื้นที่กรุงเทพฯ จะมีเพิ่มขึ้น 14,000 ตันต่อวัน ในอนาคตอันใกล้

“การบริหารจัดการขยะเป็นเรื่องยาก สำนักสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง กว่า10 ปี แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมามีแนวคิดจัดทำหลักสูตร เกี่ยวกับการคัดแยกขยะและสิ่งแวดล้อม บรรจุลงในแผนการเรียนการสอน ของโรงเรียนในสังกัดกทม.ทั้ง 437 แห่ง และจะขยายไปยังสังกัดอื่นๆ ดังนั้นการจัดโครงการโดยมูลนิธิคุณครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่เป็นประโยชน์ต่อชาวกทม. เป็นอย่างมาก” รองปลัด กทม.กล่าว

ขณะที่ นายชาญวิทย์ พวงมาเทศ ผู้อำนวยการโรงเรียนศูนย์รวมน้ำใจ กล่าวว่า ขอบคุณมูลนิธิคุณที่ได้จัดโครงการฯ นี้ขึ้น โดยที่ผ่านมาทางโรงเรียนมีนโยบายและทำการรณรงค์เกี่ยวกับการคัดแยกขยะอยู่บ้างแล้ว แต่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนทางออนไลน์ เพิ่งกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้ประมาณ 3 เดือน จึงต้องเริ่มมาจัดระบบกันใหม่ ดังนั้น การที่มีโครงการฯ นี้ มาจัดที่โรงเรียนจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

ด้าน ดร.นวทรัพย์ พิชัยสามารถ ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต มศว. องครักษ์ ทางโรงเรียนมีนโยบายในการสนับสนุนการคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีโครงการ Zero Food Waste หรือทำให้ขยะจากเศษอาหารเป็นศูนย์ โดยนำเอามาทำเป็นปุ๋ย เมื่อมูลนิธิคุณมีโครงการรณรงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้เรื่องการคัดแยกขยะมานำเสนอจึงเป็นเรื่องที่ดี และโรงเรียนพร้อมให้ความร่วมมือ

“ทางโรงเรียนมองไปถึงครอบครัวด้วย หลังจากที่เด็ก ๆ ได้รับรับความรู้ความเข้าใจจากทางกิจกรรมครั้งนี้และทางโรงเรียนแล้ว ในส่วนคุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครองต้องช่วยกันทำให้การแยกและการจัดการขยะเป็นกิจวัตรประจำวัน ให้บุตรหลานสามารถทำได้อย่างถูกต้อง โดยให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็ก ๆ ทำจนเป็นนิสัย” ดร.นวทรัพย์ ระบุ

โดย รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งการจัดการขยะนับวันจะเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นกิจกรรมนี้จึงเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนได้ตระหนักถึงการจัดการขยะที่ถูกวิธีอันจะช่วยบรรเทาและป้องกันปัญหาได้อย่างยั่งยืนต่อไป

กิจกรรมของมูลนิธิคุณโดยการสนับสนุนของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ในครั้งนี้ นอกจากจะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้อง ๆ ทั้ง 2 โรงเรียนรวมกว่า 1,400 คน ที่เกิดจากการชมละครหุ่น กิจกรรมสนุก ๆ รวมทั้งศิลปินดาราที่มีหัวใจรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ไปร่วมงานด้วยแล้ว ในช่วงกิจกรรมถามตอบปัญหาเกี่ยวกับขยะเป็นที่น่าชื่นใจที่เด็ก ๆ จำนวนมากสามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับการแยกขยะ และการจัดการขยะได้อย่างถูกต้องฉาดฉาน ทำให้เกิดความหวังว่าน้อง ๆ เหล่านี้จะหลายเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาขยะล้นของประเทศในอนาคตอันใกล้

“สำหรับการแสดงวาฬน้อยท้องผูกนี้เป็นเพิ่งจุดเริ่มต้น ซึ่งมูลนิธิวางแผนที่จะออกคลิปรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ อีกเดือนละ 1 ตอน รวมทั้งหมด 12 ตอน เพื่อให้น้อง ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วม และเป็นกำลังสำคัญในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและร่วมกันสร้างโลกของเราให้น่าอยู่ยิ่งๆ ขึ้นไป” ประธานสาวคนเก่งกล่าวทิ้งท้าย