‘ท็อปส์’ ชูแนวคิดร้านค้าเพื่อความยั่งยืน จับมือ ‘ยูนิลิเวอร์’ และ ‘เอสซีจีซี’ เปิดตัว “รีฟิล สเตชั่น” แห่งแรกที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต เวสเกต

นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล

ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญปัญหาขยะพลาสติกล้นเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลาสติกช่วยให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น ซึ่งพลาสติกส่วนใหญ่เป็นแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastics) และถูกทิ้งเป็นขยะมูลฝอยในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ พื้นที่ฝังกลบ และต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนับร้อยปี สำหรับประเทศไทยมีขยะพลาสติกประมาณปีละ 2 ล้านตัน แต่มีการนำกลับไปใช้ประโยชน์เพียงปีละ 0.5  ล้านตัน ส่วนที่เหลืออีก 1.5 ล้านตัน ไม่มีการนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ (ที่มา: สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) จากปริมาณขยะพลาสติกที่ตกค้างและการจัดการขยะที่ไม่ถูกต้องทำให้ส่งผลกระทบมากมายต่อชีวิต ผู้คน และสิ่งแวดล้อม

เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณขยะพลาสติกและรณรงค์ให้เกิดการใช้ซ้ำ นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ท็อปส์ตระหนักและให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้น จึงเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกที่ได้ริเริ่มความร่วมมือกับ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย และเอสซีจีซีร่วมกันเป็นพลังสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง เปิดตัวโครงการนำร่อง สถานีเติมผลิตภัณฑ์ หรือ รีฟิล สเตชั่น แห่งแรกที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักและมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ ลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เกิดการใช้ซ้ำอย่างคุ้มค่ามากที่สุด  โดยลูกค้าสามารถนำบรรจุภัณฑ์เดิมที่ทำความสะอาดแล้ว มาเติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มจากตู้รีฟิลสเตชั่นที่เปิดให้บริการ  

  

ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ได้แก่ ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก, ลดการใช้พลังงานและวัตถุดิบในการผลิตขวดพลาสติกใหม่ ที่ส่งผลกระทบให้เกิดมลพิษกับสิ่งแวดล้อม, เพิ่มพื้นที่ในการฝังกลบ เพราะการนำขวดพลาสติกมาใช้ซ้ำจะช่วยให้มีพื้นที่ในการฝังกลบขยะพลาสติกอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้, ที่สำคัญการเติมผลิตภัณฑ์จากตู้รีฟิลสเตชั่น ยังช่วยลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30 %  โดยเติมผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท 1 ลิตร เพียง 92 บาท จาก ปกติ 147 บาท ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์ลูกค้ามั่นใจได้ว่ามีคุณภาพไม่ต่างไปจากสินค้าที่จำหน่ายบนชั้นวางปกติแน่นอน และยังสอดคล้องกับ Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทย เพื่อก้าวสู่การจัดการขยะพลาสติกที่ยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) อีกทั้งยังเป็นการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยรูปแบบร้านค้าเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Store) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวเล็กๆ ที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ ที่เราทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้

และเพื่อเป็นการเชิญชวนให้ผู้บริโภคได้มีความคุ้นเคยกับการใช้บริการ สถานีเติมผลิตภัณฑ์ หรือ รีฟิล สเตชั่น ตั้งแต่วันนี้ – 16 สิงหาคม 2565 ที่ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเซ็นทรัล เวสเกต เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของยูนิลิเวอร์ที่ร่วมรายการครบ 499 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับสิทธิ์ แลกซื้อผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มในราคา 1 บาท ที่ตู้รีฟิล สเตชั่น และ รับฟรี ขวดเปล่าขนาด 1 ลิตร ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูโดยเอสซีจีซี(จำนวนจำกัด)

            นายจักรกฤษณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าหลังจากเปิดตัว สถานีเติมผลิตภัณฑ์ หรือ รีฟิล สเตชั่น ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าให้การตอบรับและสนใจทดลองใช้บริการเติมผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มจากรีฟิลสเตชั่นจำนวนมาก ทั้งนี้คาดว่าเทรนด์การซื้อสินค้าแบบรีฟิลจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการสำรวจเทรนด์ในประเทศไทย พบว่า 73% ของผู้บริโภคชาวไทย มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 72% ต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิตประจำวัน จากผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยให้ความสนใจในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น พร้อมๆ กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันง่ายๆ  โดยเริ่มจากตนเองและสิ่งใกล้ตัว และ ท็อปส์ พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการผลักดัน ขับเคลื่อน และสนับสนุนการแก้ปัญหาขยะพลาสติก รวมไปถึงการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คน ชุมชน สิ่งแวดล้อม โดยร่วมกับ พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน”  

            ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.tops.co.th, เฟซบุ๊กแฟนเพจ TopsThailand หรือ แอปพลิเคชัน @TopsThailand

เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล

                บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ เซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category) ในประเทศไทย และมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยเป็นผู้นำในประเทศอิตาลีและเป็นหนึ่งในผู้นำในประเทศเวียดนาม เครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีก 3,440 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Omnichannel โดยธุรกิจของเซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมทั้งหมด 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่  (1) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงาน หนังสือ และ e-Book ภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ไทวัสดุ บ้าน แอนด์ บียอนด์ / บีเอ็นบี โฮม เพาเวอร์บาย ออฟฟิศเมท บีทูเอส เมพ และเหงียนคิม (2) กลุ่มฟู้ด ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าที่มักพบได้ทั่วไปในร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซี / GO! ลานชี มาร์ท ท็อปส์ มาร์เก็ต เวียดนาม และ มินิ โก (go!) (3) กลุ่มแฟชั่น ซึ่งมุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ค้าปลีกต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ซูเปอร์สปอร์ต และ เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป และ (4) กลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งมุ่งเน้นการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้าของกลุ่มบริษัทฯ และร้านค้าและบริการของบุคคลภายนอก เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ท็อปส์ พลาซ่า และ บิ๊กซี / GO! เวียดนาม โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 เซ็นทรัล รีเทล ดำเนินธุรกิจใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ทั้งหมด 56 จังหวัด, ประเทศเวียดนาม ทั้งหมด 41 จังหวัด, และประเทศอิตาลี ในเมืองหลักๆ ทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)