กระทรวงมหาดไทย เตรียม Kick off “76 อำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”

กระทรวงมหาดไทย เตรียม Kick off  “76 อำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการ  เพื่อ Change for Good สร้างสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

“พวกเราจะร่วมกันสานต่ออุดมการณ์ พลังแห่งการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของคนมหาดไทยที่มีมาเป็นเวลากว่า 130 ปี ให้เพิ่มมากขึ้น” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการอำเภอนำร่องบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการ และสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง กระทรวงมหาดไทย โดยมี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย พร้อมผู้บริหารระดับสูง-ข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

นายสุทธิพงษ์ ระบุว่า โครงการนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่าในวาระ 130 ปี กระทรวงมหาดไทยในปี 2565 นี้ พี่น้องชาวมหาดไทย จะจับมือร่วมกับ 7 ภาคีเครือข่าย ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคผู้นำศาสนา ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อมวลชน ครอบคลุมทั้งส่วนท้องถิ่น คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนการปกครองท้องที่ ในการร่วมกัน Change for Good ด้วยการปรับปรุงรูปแบบและวิธีการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมายการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขพี่น้องประชาชน จนเกิดผลลัพธ์ที่ทันสมัย เหมาะสมกับสถานการณ์และภูมิสังคมในปัจจุบัน

สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อสร้าง “นักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง” ที่เน้นเสริมสร้างสมรรถนะการทำงานแบบบูรณาการในระดับพื้นที่ และสร้างเครือข่ายกำลังคนคุณภาพระหว่างหน่วยงานในระดับพื้นที่ ผ่านการฝึกอบรมพัฒนาข้าราชการหรือบุคลากรในสังกัด  เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาตินำไปสู่การปฏิบัติจริง จนเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จากการเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท

ปลัด มท .ยังเน้นย้ำถึงการทำงานที่มีความอิสระทางความคิด และมีหลักการทำงานด้วยหัวใจ ที่อยากจะช่วยทำให้งานทุกงานเป็นงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มสติกำลัง เพื่อทำให้ภารกิจเกิดความสมบูรณ์แบบเพิ่มมากขึ้น เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความตั้งใจจริง เพื่อมุ่งหวังการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนมีความสุขที่เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องร่วมปรึกษาหารือ แนะนำ ติชม เป็นกำลังใจ ในการขับเคลื่อนผลักดันให้ภารกิจที่ทำในครั้งนี้ มีความสมบูรณ์แบบ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้

นอกจากนี้นายสุทธิพงษ์ ระบุแนวทางกระบวนการทำงานในยุคนี้ ว่า ต้องมีการสื่อสารสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน หรือเรียกว่า “การสื่อสารสังคม” ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง และกว้างขวาง จึงอยากให้ทุกกรม และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการฯ  เพื่อบังเกิดผลประโยชน์อย่างสูงสุดกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศ ด้วยการบูรณาการข้อมูลเป็น Big Data เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีข้อมูลจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องรวบรวมเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน และเพื่อประโยชน์กับทุกกระทรวง ทบวง กรม เป็นช่องทางสำคัญในการเก็บรวบรวมความเปลี่ยนแปลงหรือความดีงามของการดำเนินโครงการ จึงอยากให้ทุกกรมมีกระบวนการทำงานเชิงรุก เพื่อสนับสนุนการทำงานของทุกจังหวัด อำเภอ และทุกภาคส่วน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Change for Good เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีกับสังคมไทยได้อย่างแท้จริง

ภารกิจครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายการทำงานครั้งใหญ่ของชาวมหาดไทย ในการคัดเลือกอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แบบบูรณาการฯ เพื่อสร้างนักขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นำการเปลี่ยนแปลง ที่น้อมนำหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามหลัก “บวร” คือ บ้าน วัด (ศาสนสถาน) โรงเรียน เป็นการบูรณาการการทำงานทั้ง 7 ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ในการสร้างผลงานที่มีคุณภาพ ที่จะช่วยสร้างการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทำให้พี่น้องประชาชนมีความสุขเพิ่มขึ้น และขจัดความทุกข์ให้หมดไปได้อย่างยั่งยืน หรืออาจกล่าวได้ว่า เป็นการนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goal : SDGs) เพื่อทำให้เกิดคุณค่าของงาน และจารึกในหัวใจ ในความทรงจำของชาวมหาดไทยที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นกับพี่น้องประชาชน

นายสุทธิพงษ์ ปิดท้ายว่า ชาวมหาดไทยจะได้ร่วมกันสานต่ออุดมการณ์ พลังแห่งการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของคนมหาดไทยที่มีมาเป็นเวลากว่า 130 ปี ให้เพิ่มมากขึ้น  ซึ่งความสำเร็จจะเพิ่มขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่มีคนที่ร่วมหัวจมท้ายไปกับผู้นำ  นั่นหมายถึง นิ้วทั้ง 5 นิ้วของมือสำคัญ จะให้มือหรือฝ่ามือทำงานโดยไม่มีนิ้วไม่ได้ ถ้านิ้วทุกนิ้วร่วมกับมือร่วมกับแขน ช่วยกันขยับเขยื้อนทำในสิ่งที่พวกเรามั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีร่วมกัน สิ่งที่ดีต้องเกิด และเมื่อสิ่งที่ดีเกิด คนได้ประโยชน์คือพี่น้องประชาชน จึงจะสะท้อนถึงเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของคนมหาดไทย ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อุทิศกาย อุทิศตน อุทิศสติปัญญา กำลังความสามารถ ทุกลมหายใจ ทุกโอกาสของชีวิต เพื่อประชาชน