การเคหะฯ ผนึกภาคีเครือข่ายช่วยเหลือชาวชุมชนดินแดงต่อเนื่อง

สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดูคล้ายจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ และรัฐบาลก็เตรียมเปิดประเทศส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม การเคหะแห่งชาติก็ยังคงผนึกกำลังกับภาคเครือข่ายดูแลผู้อยู่อาศัยในชุมชนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

ล่าสุดกลางเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย พลตำรวจตรี สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ชุมชนดินแดง ได้ร่วมให้กำลังใจผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดงซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงปัญหาน้ำท่วมรอการระบายจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก พร้อมทั้งนำถุงยังชีพจำนวน 1,477 ชุด มอบให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการเคหะชุมชนดินแดง 1 (อาคารแฟลตที่ 1-17) และผู้อยู่อาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 1 (อาคารแปลง G) ณ บริเวณสวนสาธารณะอาคาร 8 ชั้น และใต้อาคารแฟลตที่ 1 โครงการเคหะชุมชนดินแดง 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ

ภายในงานมีการให้บริการด้านสุขภาพ โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ให้บริการตรวจสุขภาพร่างกาย ตรวจสุขภาพจิต ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรองเบาหวานและความดันโลหิตสูง แจกชุดตรวจไวรัสโควิด-19 ด้วยตนเอง (ATK) ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และทำหมันให้กับสุนัขและแมว เป็นต้น โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร กองบัญชาการตำรวจนครบาล กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติในการช่วยเหลือประชาชนในชุมชนดินแดงที่ได้รับความเดือดร้อน

 

ทั้งนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเคหะแห่งชาติได้ออกมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้อยู่อาศัยมาโดยตลอด อาทิ ผู้เช่ารายย่อยมีการลดค่าเช่าที่สูงกว่า 999 บาท เป็นค่าเช่า 999 บาท และค่าเช่าที่ต่ำกว่า 999 บาทลดให้จากค่าเช่าเดิม 50% เป็นระยะเวลา 5 เดือน (สิงหาคม 2564 – ธันวาคม 2564)  นอกจากนี้ การเคหะฯ ได้ประสานกองพันทหารช่างที่ 1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ซ่อมแซมห้องพักของผู้อยู่อาศัยในโครงการชุมชนดินแดง และยังได้ประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชนสนับสนุนอาหารปรุงสุก ถุงยังชีพ ฯลฯ เพื่อมอบให้กับผู้อยู่อาศัยในโครงการชุมชนดินแดง รวมถึงการจัดทำถุงยังชีพ เวชภัณฑ์ และหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย สร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้อยู่อาศัยในโครงการชุมชน

 

นอกจากนั้นแล้วการเคหะฯ ยังได้ร่วมเวทีสาธารณะ “สันติภาพที่ดินแดง” เพื่อหาทางออกจากโครงสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่นำไปสู่ความรุนแรงและสร้างสมดุลการจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ซึ่งมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเคหะฯ 4 เรื่อง ได้แก่ กล้องวงจรปิด ซึ่งอยู่ระหว่างขออนุมัติจัดสรรงบประมาณและจัดซื้อจัดจ้าง ไฟฟ้าส่องสว่าง ซึ่งดำเนินการแล้ว โดยเปลี่ยนหลอดไฟและเพิ่มไฟส่องสว่างบริเวณอาคารแฟลต 1 เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ถังดับเพลิง ได้ดำเนินการสำรวจถังดับเพลิงที่ยังใช้การได้ และเพิ่มเติมทดแทนถังที่ใช้งานไม่ได้โดยอยู่ระหว่างขออนุมัติจัดสรรงบประมาณ และ ประตูปิดทางขึ้น-ลงแฟลตดินแดง การเคหะฯ ได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของผู้อยู่อาศัยเพื่อประกอบการดำเนินการ ซึ่งผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากแฟลตดินแดงเป็นอาคารควบคุมตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 และกฎกระทรวงกำหนดไว้ว่า บันไดที่กำหนดเป็นบันไดหนีไฟจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวางเพื่อความปลอดภัยของผู้อาศัย เช่น กรณีเกิดไฟไหม้ การช่วยเหลือผู้เจ็บป่วย เป็นต้น อีกทั้งไม่มีจิตอาสาที่มาทำหน้าที่ช่วยดูแลเปิด-ปิดประตู และถึงจะมีประตูกั้นบันไดขึ้น-ลงก็ไม่สามารถป้องกันบุคคลอันตรายเข้ามาในอาคารได้ ในการนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ให้แก่ประชาชน นอกเหนือจากนี้การเคหะฯ ยังได้ร่วมกับสำนักงานเขต คณะกรรมการชุมชนดำเนินการตัดแต่งต้นไม้ ทำความสะอาด และจัดเก็บขยะด้านหน้าอาคารแฟลต 1 เพื่อความปลอดภัย สะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับผู้อยู่อาศัยในชุมชนอีกด้วย

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชน โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามภารกิจและประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่เขตดินแดง โดยหลังจากนี้การเคหะแห่งชาติจะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมกันหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือระยะยาวต่อไป” นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าว