เสาไฟแห่งตำนาน! สจล. ผุดไอเดียเจ๋ง ประดิษฐ์ต้นแบบ “เสาไฟเอไอมัลติฟังก์ชัน” ให้ความสว่าง – วัดคุณภาพอากาศ – ตรวจจับความหนาแน่นการจราจร ตอบโจทย์การเป็น “เมืองอัจฉริยะ”

กรุงเทพฯ 2 กรกฎาคม 2564 – สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผุดแนวคิดประดิษฐ์ ต้นแบบ “เสาไฟเอไอมัลติฟังก์ชัน” พร้อมความสามารถของเทคโนโลยีที่สามารถตรวจวัดคุณภาพอากาศ ปริมาณฝุ่น PM 2.5 และตรวจจับความหนาแน่นและแยกประเภทยานพาหนะบนท้องถนนได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลดิจิทัลแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารพื้นที่ทางกายภาพ อาทิ การจัดระเบียบการจราจร จำกัดจำนวนยานพาหนะที่ปล่อยควันพิษ เพื่อลดปริมาณฝุ่นบนท้องถนน ฯลฯ โดยในอนาคต ยังสามารถติดตั้งจมูกอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มได้ เพื่อตรวจจับก๊าซพิษหรือมลภาวะต่าง ๆ โดยคาดว่าจะมีต้นทุนของตัวเสาและอุปกรณ์ในเสาเริ่มต้นที่ 35,000 บาท ทั้งนี้ “เสาไฟเอไอมัลติฟังก์ชัน” มีความพร้อมในการถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์ และอยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรกับสำนักบริหารงานวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกล้าลาดกระบัง (KRIS)

        สำหรับหน่วยงานใดที่สนใจขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. โทรศัพท์ 02-329-8300-1 ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. หรือ วิศวลาดกระบัง ได้ที่ https://www.facebook.com/kmitl001 หรือ https://www.facebook.com/kmitlofficial และ http://kmitl.ac.th

            รศ. ดร.สมยศ เกียรติวนิชวิไล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า สจล. โดยนักวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้คิดค้นและประดิษฐ์ ต้นแบบ “เสาไฟเอไอมัลติฟังก์ชัน” สามารถเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ (Server) ประมวลผลด้วยเอไอ (AI) ที่มาพร้อมเซนเซอร์ช่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศ ปริมาณฝุ่น PM 2.5 พร้อมตรวจจับความหนาแน่นและแยกประเภทยานพาหนะบนท้องถนนได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลดิจิทัล (Big Data) แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นแนวทางในการบริหารพื้นที่ทางกายภาพ อาทิ การจัดระเบียบการจราจร จำกัดจำนวนยานพาหนะที่ปล่อยควันพิษ เพื่อลดปริมาณฝุ่นบนท้องถนน ฯลฯ ตลอดจนเป็นหนึ่งในแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต ด้วยต้นทุนการผลิตของตัวเสาและอุปกรณ์บนเสาทั้งหมดเริ่มต้นที่ 35,000 บาท               

                รศ. ดร.สมยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเสาไฟดังกล่าว ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ดังนี้

•          ระบบไฟฟ้า ประกอบด้วย แผงโซลาร์เซลล์ขนาด 250 วัตต์ แบตเตอรี่สำรอง (Backup) ระบบไฟถนน LED มาตรฐาน ที่ส่องสว่างกว่า 10,000 ลูเมน ซึ่งสามารถขยายความสว่างได้ถึง 2 เท่าหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับการใช้งานของไฟถนนหรือกิจกรรม อีกทั้งยังปรับระบบการส่องสว่างได้พร้อมแบตเตอรี่เพิ่มเติม กรณีฝนตกหรือสภาพอากาศไม่อำนวย

•          ระบบเซนเซอร์ (Sensor) ตรวจจับสภาพอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น ปริมาณฝุ่น PM 2.5 ความกดอากาศ และสามารถเชื่อมต่อตัวตรวจจับอื่น ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนด พร้อมส่งข้อมูลเข้า Server ผ่านระบบสื่อสารไร้สาย พร้อมบันทึกประวัติของสภาพอากาศและปริมาณฝุ่นไว้ เพื่อเป็นบิ๊กเดต้าในอนาคต

•          ระบบกล้องอัจฉริยะ (Smart Camera) ที่มาพร้อมเอไอ (AI) ระบบกล้องจะทำหน้าที่ตรวจเช็คสภาพการจราจร ดูสภาพการจราจรได้แบบเรียลไทม์ (Real Time) และสามารถเชื่อมต่อไปยัง Server ส่วนกลางและใช้งานร่วมกับระบบ AI ในการประมวลผลปริมาณความหนาแน่นของการจราจรได้จากกล้องจริง พร้อมทั้งแยกประเภทยานพาหนะที่วิ่งผ่านได้ เพื่อการใช้งานการควบคุมหรือวางแผนการจราจรเมืองอัจฉริยะในอนาคต

                ทั้งนี้ ในอนาคตเสาไฟดังกล่าว สามารถต่อเติมเซนเซอร์ช่วยตรวจจับเพิ่มเติมได้ อาทิ อุปกรณ์จมูกอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic nose) อุปกรณ์จำแนกกลิ่นทั้งในลักษณะก๊าซพิษ มลภาวะทางเสียง หรือกระทั่งการเกิดน้ำท่วมขัง ฯลฯ ผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลทางโครงข่ายการสื่อสารทั้งหมด อีกทั้งระบบและอุปกรณ์ทั้งหมดถูกออกแบบไว้ในกล่องปิดตามมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นสำหรับใช้งานภายนอกอาคาร โดยหากเชื่อมต่อกับ Server ผู้ใช้งานจะสามารถตรวจสอบผลสภาพอากาศและปริมาณฝุ่นได้แบบ Real Time ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) โดยรองรับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทั้งไอโอเอส (iOS) และ แอนดรอยด์ (Android) นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถนำไปติดตั้งบริเวณเสาไฟหรือเสาสื่อสารที่มีอยู่แล้วได้ กรณีต้องการตรวจวัดคุณภาพอากาศและความหนาแน่นของยานพาหนะบนเส้นทางนั้น ๆ ได้อีกด้วย 

                สำหรับต้นแบบเสาไฟเอไอมัลติฟังก์ชัน เป็นผลงานการพัฒนาโดยนักวิจัยหลักจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. ซึ่งมีความพร้อมในการถ่ายทอดสู่เชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการยื่นจดสิทธิบัตรกับสำนักบริหารงานวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกล้าลาดกระบัง (KRIS) โดยหน่วยงานใดที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. โทรศัพท์ 02-329-8300-1 รศ. ดร.สมยศ กล่าวทิ้งท้าย

               ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. หรือ วิศวลาดกระบัง ได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/kmitl001 หรือ https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์ http://kmitl.ac.th

###

#KMITL #สจล #วิศวลาดกระบัง #เอไอวัดคุณภาพอากาศ #สมาร์ทซิตี้ #SmartLamp #SmartCity #จะทำก็ทำได้ #ทีมลาดกระบัง #JCCOTH