‘มากุโระ กรุ๊ป’ เผยแผนธุรกิจปี’64 นำทัพขยายธุรกิจ เสริมแกร่งกลุ่มร้านอาหาร สู่เป้าหมายใหม่ 550 ล้านบาท หรือสูงขึ้นกว่า 60%

‘มากุโระ กรุ๊ป’ เผยแผนธุรกิจปี’64 นำทัพขยายธุรกิจ เสริมแกร่งกลุ่มร้านอาหาร สู่เป้าหมายใหม่ 550 ล้านบาท หรือสูงขึ้นกว่า 60%
Maguro Group (มากุโระ กรุ๊ป) เผยแผนธุรกิจปี 64 เสริมแกร่งธุรกิจร้านอาหาร หลังยอดขาย ปี 63 มีมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท พร้อมรุกปี’64 นำทัพปรับขยายธุรกิจใหม่ในกลุ่มของ Maguro Group (มากุโระ กรุ๊ป) และการรีแบรนด์ผ่านการปรับโลโก้ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของบริษัทฯ ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายปี 2564 อยู่ที่ 550 ล้านบาท
คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ผู้ร่วมก่อตั้ง และกรรมการบริหารร้านอาหารญี่ปุ่น MAGURO และกลุ่มธุรกิจในเครือมากุโระ กรุ๊ป (MAGURO Group) เปิดเผยว่า “จากการที่มากุโระ กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมากว่า 6 ปี โดยตั้งแต่ปีแรกที่เปิดร้านเราได้รับรางวัลการันตีจากผลโหวตของผู้ใช้จาก Wongnai รางวัล User Choice ติดกัน 4 ปีซ้อนตั้งแต่ 2017 – 2020 ล่าสุด ทางร้านอาหารก็ได้รับรางวัลร้านอาหารที่มีการบริการประเภท Restaurant Professional จาก Asia Top80 ในปี 2021 เราเป็น 1 ใน 80 ร้านที่ได้รับการคัดเลือกร้านที่ผ่านหลักเกณฑ์จากทุกร้านในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงเราได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริษัทฯ มียอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นที่น่าพอใจ แต่แน่นอนว่าในปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมือง จึงต้องยอมรับว่าบริษัทฯ ก็ได้รับผลกระทบเหล่านั้นเช่นกัน ดังนั้น ทีมงานจึงต้องมีการวางแผนปรับตัวตลอดเวลา เพื่อให้การทำงานรวดเร็ว รัดกุม และมองเห็นเป้าหมายชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 เรายังสามารถผลักดันยอดขายได้ถึง 400 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดเป็นรายได้รวมจากร้านอาหารญี่ปุ่น MAGURO (มากุโระ) ปัจจุบันจำนวน 9 สาขา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนของลูกค้าทานที่ร้าน 92 % และผ่านช่องทางเดลิเวอรี่อยู่ที่ 8 %”
สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ มีการวางเป้าหมายการขายอยู่ที่ 550 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 60% เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่วางไว้ เริ่มต้นตั้งแต่ 1) การรีแบรนด์ผ่านการปรับโลโก้ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์มากุโระ (MAGURO) ให้เป็นมากกว่าร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม ผ่านหลักการดำเนินธุรกิจของมากุโระ กรุ๊ป นั่นคือ ‘Way of giving more’ หรือ ‘วัฒนธรรมแห่งการให้มากกว่าที่ขอ’ และเกิดเป็นการสร้างการรับรู้ใหม่ของลูกค้าสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหาร 2) การวางตำแหน่งใหม่ของผู้บริหาร ให้ชัดเจนขึ้น นำทีมโดยคุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานบริหาร (CEO) ของมากุโระ กรุ๊ป (MAGURO Group) เพื่อผลักดันธุรกิจต่อไปในอนาคต 3) การขยายสาขาของร้านอาหารญี่ปุ่นมากุโระ เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา บนทำเลใจกลางเมือง ได้แก่ สาขาเซ็นทรัลเวิร์ล (CentralWorld) ซึ่งเตรียมพร้อมเปิดในเร็วๆ นี้ โดยเพิ่มเมนูพิเศษเฉพาะสาขานี้เท่านั้น และอีกสาขาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้รองรับความต้องการ และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงแบรนด์มากุโระของลูกค้ามากขึ้น 4) การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “SSamthing Together” ในกลุ่มมากุโระ กรุ๊ป (MAGURO Group) ซึ่งจะเป็นร้านอาหารเกาหลี จำนวน 3 สาขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี ที่เน้นรสชาติที่เป็น Original Korean taste และผสมผสานความโมเดิร์นเข้าไปเพื่อความร่วมสมัย และสร้างความแตกต่าง และเพิ่มความน่าสนใจให้เกิดขึ้นกับกลุ่มลูกค้าคนไทย เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยเชื่อว่าตลาดธุรกิจอาหารเกาหลียังมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และด้วยจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่มาจากแพสชั่น (Passion) ความชื่นชอบในด้านอาหารของผู้ร่วมก่อตั้งทั้ง 4 ท่าน ผนวกกับความใส่ใจในการรังสรรค์อาหารรูปแบบต่าง ๆ จนเป็นที่ยอมรับในรสชาติจากร้านอาหารญี่ปุ่นมาแล้ว จึงเชื่อว่าธุรกิจร้านอาหารเกาหลีจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เช่นกัน
“ผมเชื่อว่าอาหารยังคงเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตต่อไปได้แน่นอน แม้จะไม่หวือหวามากนัก แต่ท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์จะยังคงกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจัย 4 แน่นอน ซึ่งอาหารนั้นเป็นปัจจัย ที่สำคัญอย่างหนึ่ง ไม่แพ้ยารักษา สังเกตได้จากปัจจุบัน หลายธุรกิจเน้นทำอาหารออกมาเพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพได้ ก็ได้รับกระตอบรับที่ดีมาก ๆ กลับไป ซึ่งนั้นก็จะมีความหมายที่ว่า ธุรกิจอาหารใดที่นำสินค้าออกมาได้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ก็จะสามารถอยู่ในตลาดต่อไปได้ และยิ่งสินค้าเป็นอาหารย่อมมีแต้มต่อที่มากกว่าสินค้าประเภทอื่นอยู่แล้ว เพียงแค่ผู้ประกอบการต้องตีโจทย์ของผู้บริโภคให้ออกเท่านั้นเอง ประกอบกับข้อมูลประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงผลการสำรวจตลาดอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2563 ว่า มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 50.9% จาก ปี 2562 การขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ จากเชนใหญ่ๆ ที่เร่งบุกตลาด และจากผู้เล่นรายใหม่ที่กระโดดเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ส่งเสริมให้ตลาดอาหารญี่ปุ่นขยายตัวสวนกระแสเศรษฐกิจ อาจมาจากความชื่นชอบประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นที่มากและหลากหลายยิ่งขึ้น รวมไปถึงตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งประเภทอาหารและช่วงราคา ทำให้ฐานลูกค้าขยายตัวขึ้นตามไปด้วย และแน่นอนว่ามากุโระ กรุ๊ป ยังคงเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นในการพิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งมีการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอน นำเสนอผ่านเมนูอาหารที่ตรงใจลูกค้ามากมายกว่า 500 เมนู ด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงที่สุดในราคา ที่คุ้มค่าที่สุดเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ แต่ยังคงรับรู้ได้ถึงความแตกต่าง โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มครอบครัว คนทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์ที่พิถีพิถันในการเลือกทานอาหารมากขึ้น รวมถึงเน้นย้ำการดูแลมาตรฐานความปลอดภัยภายในร้านแก่ลูกค้า และพนักงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทุกคนมั่นใจในการรับบริการทั้งทานที่ร้าน และเดลิเวอรี่เช่นกัน” คุณเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง กล่าวเสริม