เช็กกันให้ดี ! ประกันรถยนต์ชั้นไหนตอบโจทย์มากที่สุด

เพราะด้วยรายละเอียดที่มีมากเสียจนทำให้ใครหลายคนที่สนใจซื้อประกันต่างต้องยอมสละเวลาหลายชั่วโมงไปกับการศึกษาข้อมูลทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น ความครอบคลุมของการให้ความคุ้มครอง, วงเงินประกันที่จะได้รับในแต่ละกรณี รวมไปถึงเบี้ยประกัน จึงทำให้การซื้อประกันรถยนต์ในแต่ละครั้งไม่ได้เป็นเรื่องที่เราสามารถตัดสินใจได้ภายในเวลาไม่กี่เสี้ยววินาที และเพื่อเป็นการประหยัดเวลาให้กับใครก็ตามที่สนใจอยากซื้อประกันแต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มจากจุดไหน วันนี้เราจึงขออาสาพาทุกคนไปหาคำตอบว่าประกันชั้นไหนสามารถตอบสนองความต้องการของตัวเราเองได้ดีที่สุด ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไง อดใจรอกันสักนิด แล้วตามเราไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลย

ปกติแล้วประกันรถยนต์สามารถแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่ ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 2, ชั้น 3+ และชั้น 3 โดยประกันชั้น 1 นับว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด แต่ด้วยระดับของการให้ความดูแลที่มากกว่าประกันประเภทอื่นจึงทำให้ประกันชั้น 1 มีค่าเบี้ยประกันต่อปีที่เราต้องจ่ายสูงที่สุดตามไปด้วย ว่าแต่คนใช้รถใช้ถนนอย่างเราควรที่จะเลือกซื้อประกันชั้น 1 เหมือนกันหมดทุกคนไหม? ขอเชิญทุกคนไปหาคำตอบเกี่ยวกับเกณฑ์ที่เราควรเลือกใช้ในการตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้ตามที่ระบุไว้ด้านล่าง ดังนี้

พฤติกรรมการขับขี่

ปัจจัยแรกที่เราควรคำนึงเมื่อถึงเวลาต้องเลือกซื้อประกันรถยนต์ได้แก่พฤติกรรมการขับขี่ของตัวเราเอง ถ้าหากเราเป็นนักขับมือใหม่ที่พึ่งถอยรถออกมาเป็นคันแรก ประกันชั้น 1 นับได้ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของเราได้ดีที่สุด เพราะด้วยความครอบคลุมที่ให้การดูแลผู้ขับขี่ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี ส่วนใครที่มีความชำนาญในการขับรถพอสมควร อาจจะลองเลือกประกันชั้น 2+ หรือ ชั้น 3 + ก็ได้เช่นกัน

อายุรถ

อีกหนึ่งสิ่งที่เราควรนำมาใช้ในการพิจารณาเมื่อถึงเวลาต้องซื้อประกันรถยนต์ได้แก่อายุรถ ในกรณีที่เราพึ่งซื้อรถมาใหม่แล้วอยากจะรักษาสภาพรถให้ดูใหม่เอี่ยมอ่องอยู่ตลอดเวลา ประกันที่ตอบโจทย์เรามากที่สุดได้แก่ประกันชั้น 1 ที่ให้การดูแลอย่างครอบคลุม แต่อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันอาจจะมีราคาสูงกว่าปกติ เพราะรถยิ่งใหม่ราคาประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ต้องจ่ายย่อมมีสูงมากขึ้นเท่านั้น

ที่พักและที่จอดรถประจำ

เกณฑ์ข้อสุดท้ายได้แก่ที่พักและที่จอดรถประจำของเรา สำหรับใครก็ตามที่มีบ้านอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรง เช่น น้ำท่วมหรือไฟป่า อาจจะต้องเลือกประกันชั้น 1, ชั้น 2+ และชั้น 2 ที่ให้ความคุ้มครองรถในกรณีที่เกิดความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมและไฟไหม้ นอกเหนือไปจากเรื่องภัยธรรมชาติแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องนำมาใช้เป็นเกณฑ์ประกอบการตัดสินใจได้แก่ความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมรถยนต์

จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าหัวใจสำคัญของการเลือกซื้อประกันรถยนต์อยู่ที่ทั้งปัจจัยภายนอกและภายในไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการขับขี่, สภาพรถ และที่พักหรือที่จอดรถ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่เราได้นำเสนอไปคงจะช่วยให้ใครก็ตามที่กำลังมองหาประกันรถยนต์พอมองเห็นแนวที่ใช่สำหรับการเลือกประกันชั้นที่ถูกใจและตอบโจทย์กับการใช้งาน