ธอส.น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบสานพระราชปณิธานในการดำเนินงานโครงการต่างๆ เพื่อให้คนไทยมีบ้าน

ตลอดระยะเวลากว่า 63 ปี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในด้านต่างๆ มาปฏิบัติ ควบคู่ไปกับพันธกิจของธนาคาร อย่างต่อเนื่อง ในโครงการช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการเงิน เพื่อให้ประชาชนคนไทย ได้มีที่อยู่อาศัยตามควรแต่อัตภาพ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นปีที่ประชาชนชาวไทยเกิดความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอด 70 ปีในรัชสมัยของพระองค์ท่าน ทรงเป็นประมุขที่ให้ความสำคัญในด้านความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ไม่มีกษัตริย์ประเทศใดในโลกทำได้มากขนาดพระองค์ท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ปรัชญาด้านเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ชี้แนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ รวมถึงระดับรัฐบาลในการพัฒนาและบริหารประเทศ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง เป็นแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ และความเปลี่ยนแปลงต่างๆเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิตให้มีความสุข ที่ไม่ใช่เพียงการประหยัด แต่เป็นการดำเนินชีวิตอย่างชาญฉลาด นำสู่ ความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน ของ ชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม ธอส. จะได้น้อมนำพระราชปณิธานของพระองค์ท่านมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการช่วยเหลือทางการเงินต่อประชาชนคนไทยต่อไป”

นอกจากการบริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนแล้ว ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้น้อมนำแนวพระราชดำริที่เกิดจากสายพระเนตรอันยาวไกลของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานให้กับคนไทยมาจัดทำโครงการสำคัญต่างๆ อาทิ สนับสนุนเงินบริจาคให้แก่โครงการ “จิมมี่-โรสลิน คาร์เตอร์สร้างบ้าน ลุ่มน้ำโขง 2552” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 82 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2552 โดยธนาคารได้ร่วมกับองค์กรการที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากล (Habitat) และอาสาสมัครจากทั่วโลกกว่า 2,000 คนสร้างบ้านให้ผู้ด้อยโอกาสด้านที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และจีน ซึ่งประเทศไทยได้ถูกรับเลือกให้เป็นสถานที่ นำร่องจัดสร้างที่หมู่บ้านหนองกันครู อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 82 หลังคาเรือน พร้อมเป็นธนาคารที่สนับสนุนสินเชื่อรายย่อยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรกเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยของโครงการดังกล่าวแก่ผู้ที่มีความเดือดร้อนในด้านที่อยู่อาศัยอีกด้วย

โครงการ “84 พรรษา 84 ถังน้ำใจ ถวายในหลวง”โดยมอบแท็งก์น้ำ จำนวน 84 แท็งก์ ให้แก่จังหวัดที่ประสบภัยแล้งทั่วทุกภูมิภาคในพื้นที่ 84 ชุมชน 40 จังหวัด ซึ่งถือเป็นปัญหาที่กำลังลุกลามเป็นวงกว้างในเวลานั้น เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำบริโภค และใช้เป็นแหล่งน้ำประจำชุมชน ซึ่งต่อยอดมาจากโครงการ”เติมน้ำใจให้เต็มกับ ธอส.” ริเริ่มใน พ.ศ.2553 เพื่อสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับแท็งก์น้ำที่ธนาคารจัดสร้าง เป็นลักษณะคอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 8 เมตร บรรจุน้ำได้ 36,000 ลิตร พร้อมจัดพิมพ์พระบรมสาทิสลักษณ์ไว้ด้านบนของแท็งก์น้ำ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ. 2554

โครงการประกวดออกแบบ “บ้านพอดีกับ ธอส.”ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้จัดโครงการดังกล่าวเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ. 2554 ทางธนาคารฯ จึงน้อมนำแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้พสกนิกรดำเนินชีวิตบนทางสายกลางอย่างพอประมาณ มีเหตุผลและภูมิคุ้มกันที่ดี เพื่อการดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาส่งผลงานเข้าประกวดการออกแบบที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “อยู่ร่วมกันด้วยความพอเพียงและประหยัดพลังงาน” ด้วยการออกแบบบ้านในลักษณะบ้านเดี่ยวพื้นที่ก่อสร้างไม่เกิน 40 ตารางวา รองรับผู้อยู่อาศัยเป็นครอบครัวจำนวน 3-4 คน และจำกัดงบประมาณในการก่อสร้างไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งบ้านจะต้องมีคุณภาพสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัย ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเหมาะสม ประหยัดพลังงาน และไม่เคยมีการนำเสนอที่ใดมาก่อน และภายหลังการประกวดแล้วเสร็จ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังได้จัดทำ”หนังสือแบบบ้านพอดี กับ ธอส.” มอบให้กับลูกค้าประชาชนที่สนใจนำไปปลูกสร้างที่อยู่อาศัยแบบพอเพียงและประหยัดพลังงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

นิทรรศการจิตรกรรมเฉลิมพระเกียรติ 60 ปี แห่งการบรมราชาภิเษกและราชาภิเษกสมรส ปีพุทธศักราช 2553 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้จัดนิทรรศการดังกล่าวขึ้นเพื่อเผยแพร่พระบรมสาทิสลักษณ์เรื่องราวแห่งพระจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมมาตลอด โดยจิตรกร วิศเวท วัฒนสุขพร้อมด้วยนิทรรศการ “คู่พระบารมี” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวแห่งจริยวัตรและพระราชกรณียกิจอันงดงามยิ่งและกิจกรรม “กำแพงแห่งความรักและภักดี” ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์ มาตกแต่งใส่กรอบรูปพร้อมประดับบนกำแพง ซึ่งตลอดระยะเวลาการจัดงานนาน 5 วัน บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน พบว่ามีพสกนิกร รวมถึงชาวต่างชาติหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศให้ความสนใจเข้ามาชื่นชมนิทรรศการเป็นจำนวนมาก

โครงการ ธอส. บ้านสุขยั่งยืน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริในพื้นที่ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ.2557 โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2557 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นที่พักอาศัยในลักษณะกลุ่มหมู่บ้าน โดยธนาคารได้รับความร่วมมือจากการเคหะแห่งชาติเป็นผู้ออกแบบ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริได้มีที่อยู่อาศัย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ให้ดีขึ้น รวมทั้งจัดระบบบริหารการจัดการชุมชนที่สอดคล้องวิถีชุมชนดั้งเดิมตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งประกอบด้วย บ้านพักพนักงาน จำนวน 8 หลัง อาคารหอพักสำหรับผู้มาปฏิบัติงานชั่วคราวและนักศึกษาฝึกงาน แยกเป็นหอพักชาย กับหอพักหญิง รวมจำนวน 4 หลัง อาคารอเนกประสงค์และศูนย์ฝึกอาชีพ จำนวน 1 หลัง

“ทั้งหมดนี้ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการจำนวนมากที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง มีความภาคภูมิใจที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาสานต่อ โดยเฉพาะหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นแบบอย่างในการดำเนินการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสสำคัญต่างๆ และเติมเต็มความสุขให้กับประชาชน โดยคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกคน จะยังคงมุ่งมั่นตามเจตนารมณ์สำคัญในการจัดตั้งธนาคาร เพื่อช่วยเหลือทางการเงิน “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืนตลอดไป” กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวในตอนท้าย