คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดเสวนา AI กับโอกาสของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 14  กรกฏาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐประศาสนศาสตร์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)  จัดเสวนาวิชาการหัวข้อ  AI กับโอกาสของประเทศไทย ณ ห้องประชุมทวี บุณยเกตุมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดย รศ.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์  เปิดเผยว่า  AI  หรือปัญญาประดิษฐ์ กำลังมีบทบาทสำคัญและมากขึ้นการเตรียมนักศึกษาของคณะรัฐประศาสนศาสตร ให้พร้อมเสมอกับการเปลี่ยนแปลงและพลิกผันเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นภารกิจของทางคณะฯ คณะรัฐประศาสนศาสตร์มีเป้าหมายในการผลิตกำลังคนภาครัฐดิจิทัล ทั้งบัณฑิตและมหาบัณฑิตจากหลักสูตรระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท นอกจากการเรียนการสอนสาระทางรัฐประศาสนศาสตร์ที่เป็นจุดเน้นของหลักสูตรแล้วนั้น  ทางคณะฯ ให้ความสำคัญกับกรอบนโยบายการขับเคลื่อนภาครัฐดิจิทัลของภาครัฐ ความท้าทายของเทคโนโลยีที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาความรู้ ทักษะ ทิศทาง การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น  

“นอกจากนี้การทำให้เรื่อง AI ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับนักศึกษาทุกคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI การใช้ ChatGPT หรือ Gemeni ไม่ใช่เรื่องไกลตัวในการเรียนการสอน  แต่เป็น Life ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ให้ความสำคัญเรื่องนี้อยู่แล้ว  ซึ่งเป้าหมายการจัดเสวนาวิชาเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องที่อยู่ในกระแสแล้ว  ยังอยากให้นักศึกษาของคณะตลอดจนผู้ที่สนใจที่เข้าร่วมได้เรียนรู้ให้ลึกซึ้งขึ้น ทั้งในส่วนของโอกาสและในส่วนของความท้าทายของ AI

งานเสวนานี้ได้รับเกียรติจากผู้ที่อยู่ในวงการ AI โดยเฉพาะภาครัฐ วิทยากรท่านแรก ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด  ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA ซึ่งท่านเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เดิมมาตั้งแต่แรกตั้งแต่ การออกแบบวางระบบอิเลคทรอนิกส์ วางระบบดิจทัลภาครัฐและระบบ AI ของประเทศ   ท่านที่ 2 ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ จาก NECTEC   ผู้ออกแบบและรับผิดชอบการสร้าง AI Literacy  ภาคภาษาไทการพัฒนากำลังคนที่มีทักษะ AI มีความท้าทายอย่างมาก  ท่านที่ 3 ดร.ศิธร กุลรดาธร หัวหน้างานเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส สังกัดฝ่ายนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA)  นักนโยบายสาธารณะผู้เชื่อมต่อการพัฒนานโยบาย AI กับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ละท่านที่ 4 นายจักณ์กิจ สุริยะไชยรดี Solution Architect บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ตัวแทนจากภาคเอกชน ที่สำคัญในมิติของการสอดรับ นโยบาย AI กับ 5G ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ  ทั้งนี้มีคณบดีรัฐประศาสนศาสตร์เป็นผู้นำการเสวนา

           การเสวนาวิชาการจากทั้ง 4 หน่วยงามีข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญ ได้แก่

1. ปัจจุบัน AI กำลังมีบทบาทมากขึ้น ควส่งเสริมสนับสนุนให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ real sector สามารถใช้งาน AI ในการพัฒนายกระดับศักยภาพได้ ซึ่งถ้าขับเคลื่อนประเด็นนี้ได้สำเร็จจะทำให้เกิดตลาดใหม่ซึ่งในปัจจุบันการใช้ประโยชน์จาก AI ยังจำกัดมาก  ผู้คนอาจรู้จักใช้ AI  แต่ไม่ได้สร้าง Productive ให้เกิดขึ้น  

 

2.ระบบ AI ของประเทศแม้จะมีก้าวหน้าไม่น้อยแต่ยังมีปัญหาการจัดการข้อมูล  ไม่สามารถเชื่อต่อข้อมูลระหว่างกันได้ ขาดข้อมูล ข้อมูลกระจัดกระจาย และข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้แบบบูรณาการ

3.ควรสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา AI สร้างนวัตกรรมให้มากขึ้น เช่น  นวัตกรรมในการประมวลผลภาพ การประมวลผลสัญญาณ, และการประมวลผลภาษาธรรมชาตเพื่อให้สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาในหลายภาคส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาครัฐควรนำ AI มาใช้ในการปรับปรุงการให้บริการสาธารณะต่าง ๆ เช่น การจัดการระบบจราจร, การตรวจจับผู้กระทำผิด การศึกษา และการตอบสนองต่อภัยพิบัติเป็นต้น สร้างความโปร่งใสและยกระดับประสิทธิภาพในการห้บริการสาธารณะ

4.การพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรด้าน AI  ควรมีการจัดอบรมและฝึกฝนบุคลากรด้าน AI อย่างต่อเนื่อง   ประเทศไทยยังขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI ปัจจุบันมีเป้าหมายกำลังคน AI อยู่ที่ 100,000 คน แต่กำลังคน AI ขณะนี้ม่ถึงสองหมื่นคน  วิธีการหนึ่งที่สามารถสร้างกำลังคนและเรียนรู้การใช้ประโยชน์จาก AI ได้  ควรสนับสนุนการสร้าง  AI ไทยเช่น Open Thai CHATGPT ที่ NECTEC กำลังพัฒนาอยู่  จะทำให้เกิดการเรียนรู้   การเข้าถึงและใช้พื่อสร้าง Value  ได้ง่ายขึ้น  

 

5.ผลักดันการใช้ AI ในsector ต่างๆ โดยเฉพาะ การท่องเที่ยว และการแพทย์ (Digital Health)  ประเทศไทยมีจุดแข็งในการให้บริการ ควรพัฒนาและสนับสนุนการใช้ AI ในการท่องเที่ยวและการแพทย์ เพื่อเพิ่มการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวเช่น การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง การตรวจสอบความถูกต้องและติดตามนักท่องเที่ยว การจำแนกนักท่องเที่ยวกับอาชญากรข้ามชาติ การประมวลสถิติความนิยมของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ การคาดคะเนจำนวนนักท่องเที่ยว การใช้จ่ายการท่องเที่ยว   การใช้ AI ร่วมกับแพทย์ในการรักษาและฟื้นฟูคนไข้ ฯลฯ  

6.ภาคเอกชนเสนอว่าหากประเทศไทยไม่ดำเนินการกำหนดนโยบายประเด็นสำคัญๆในการพัฒนาด้านต่างๆ จากการคาดการณ์มีแนวโน้มว่า AI จะมาแทนที่การทำงานของบางตำแหน่งการพัฒนาทักษะดิจิทัลควรมีการส่งเสริมและพัฒนาทักษะดิจิทัลทั้งระดับพื้นฐาน การใช้แอพไทย การใช้ภาษาที่เข้าใจ อธิบายแบบง่ายต่อความเข้าใจคนทั่วไป และทักษะขั้นสูงในกลุ่มแรงงานเฉพาะกลุ่มเพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และ สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ควรกระตุ้น  SME ให้ใช้ AI  เพื่อเพิ่มผลิตภาพให้มากขึ้นซึ่งอาจใช้มาตรการภาษีจูงใจ  

7.การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รัฐบาลควรลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน 5G  และลงทุน AI ที่มีคุณภาพสูง เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร 

8.นโยบายในการสร้างความไว้วางใจและความปลอดภัยทางดิจิทัล การพัฒนากฎหมาย รัฐบาลควรพิจารณาในการออกกฏหมาย AI ที่ทันสมัย  มองอนาคสร้างกำลังคน ที่มี AI Literacy มี AI Security และ AI Governance   มีนโยบายที่เน้นการรักษา ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ใช้บริการ  

9.ควรส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ ควรมีนโยบายที่เป็นมิตรกับการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อดึงดูดการลงทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในประเทศ  นอกจากนี้ควรสนับสนุนระบบนิเวศทางนวัตกรรม รัฐบาลควรสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจใหม่ และการสร้างนวัตกรรม รวมถึงการสนับสนุนสตาร์ทอัพและการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ