ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กรกฎาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | กวีกระวาด |
เผยแพร่ |
กวีกระวาด/จิตฯ คัมภีรภาพ
ฝนฉ่ำบนภูสูง
เสียงภูฝนเริงระบำดังร่ำก้อง ฟ้าครวญครางเป็นทำนองสวรรค์ภาษา
แว่วหวานไหว ไกลใกล้ ในพนา เสน่หาใจบรรเจิดความเพริศพริ้ง
เมื่อฝนรินพรมพื้นผืนป่าภู ให้รับรู้ให้สดับสรรพสิ่ง
ทุกสิ่งอย่างเอื้อเฟื้อกันนั้นคือจริง เสียงติ๋งติ๋งหยดน้ำรดฉ่ำใจ
เพลงมนตราป่าภูอันตราตรึง ขณะหนึ่งเย็นซ่านสะท้านไหว
อ้ำอึ้งบางขณะรหัสนัย เสียงหวานใสอึ่งอ่างร้องก้องระงม
เป็นบทเพลงใจคิดค้นเมื่อฝนตก เย็นชุ่มฉ่ำของอุทกอันหอมฉม
ยิ่งเพลงภูกู่ก้องต้องสายลม วูบวาบพลิ้วพรูพรมเย็นลมเร้า
แหงนมองภูชะโงกง้ำเป็นผางอน เห็นศิลป์ศาสตร์ของสิงขรกู่ขานเล่า
เขียนบันทึก ภู-ฝน ค้นรูปเงา ความรู้สึกของรากเหง้าเล่าผืนภู
สรรพสิ่ง เปิด รับ สรรพสิ่ง น้ำหยดติ๋ง หนึ่งขับขาน การเกิดอยู่
เป็นภูเขา แมกไม้ สายลมพรู เป็นเสียงกู่น้ำเซาะผาชลาธาร
แล้วเม็ดดินก็แหวกม่านการเกิดก่อ มวลเมล็ดพันธุ์ก็แตกหน่อยิ่งไพศาล
เสียงอึ่งอ่างขับเสียงร้องก้องกังวาน ร่วมผสาน ภู ฝน เป็นดนตรี
จึงได้รู้ สิ่งนี้ ในสิ่งนั้น และสิ่งนั่น ร่วมขยับ ขับดีดสี
สิ่งนี้เกิด สิ่งนั่น นั้นจึงมี มโหรีในเอกภาพ…แห่งเอกภพฯ