ไพบูลย์ วงษ์เทศ : สวัสดีปีระกา ‘ภัยจากจร-พรจากใจ’

ภัยจากจร
อยู่ที่ใจในจิตพิศวาส                 ครึ้มก็อาจคึกคักอาจมักได้
ระโหยโรยแรงละเหี่ยใจเสียไป      อาจถึงไข้ถึงหามไปสามภพ
สมรรถภาพมิมีทีละภาพ            เอนลงทาบเงาจันทร์ซึ่งบรรสบ
บรรสานเสียงเนื่องนำไร้ทำนบ     เลอเลิศลบเกลียวจวักจักรวาล
วณิพกโชคชะตาอายุขัย             ค่อยๆ หมดแรงไปสิ้นสายป่าน
ค่อยๆ เหมือดแรงไป ณ สายธาร  มุ่งเนื้องานผ่องผุดแตกมุตโต
มุตกิตไม่เอาดอกโปรดสดับ         เพียงสำทับก็เซอะซะหยิ่งยโส
แม้สำรวจตรวจหมอบสอบมโน     ผลทนโท่เขาแค่เท่เปลี่ยวเอ้กา
เป็นอังกูรอ้างกอข้อสนุก            มีทุกข์ขุกเข็ญขังข้อกังขา
สุขไม่มีมีก็น้อยไม่ค่อยมา            กาลเวลามีพรหมชุบสมมุติ
ตระหนักปราชญ์ราชครูยังรู้พลั้ง   ฤๅกุ้งกั้งมีขามหาสมุทร
สรรพสิ่งสรรพโศกโลกย์สมมุติ      ชีพเพียงจุดสมมุติหนึ่งซึ่งน้อยนัก

พรจากใจ
ซึ่งชีวันชันษาไม่สับสน               ผลิตผลผลผลิตสิทธิ์และศักดิ์
ในกมลกลกามแห่งความรัก         เพียงวูบหนึ่งพึงทักลัคนา
สถิตราศีไหนก็ไม่เหมือน             เดินตามเดือนติดดาวพราวโอ่อ่า
แพะไม่โอ่โพธิญาณเพียบมารยา    มารก็น่าชั่งใจยาไหนดี
ยาสีฟันหรือว่ายันสีฟ้าหนอ         จะจุดไต้ก็กลัวตอตำท่อฉี่
อยู่เงียบๆ สร้างสวรรค์สรรวจี       บ้าหนักๆ ก็จั๊กจี้ใจวาจา
อโหสิแด่เจ้ากรรมนายเวรแกลบ    กว้างรึแคบก็งดเว้นการเข่นฆ่า
ไม่มีเวรไม่มีกรรมฉ่ำอุรา             มีปัญญาบริสุทธิ์ยุติธรรม
อยู่ที่ใจในจิตพิษสวาท                ไม่ถึงฆาตก็ไม่ตายหงายหรือคว่ำ
เชิญระกามาลงกลางวงรำ           ขับลำนำสมถะรอบระกา
ไร้ระกำช้ำทรวงไม่หน่วงเหนี่ยว     จงกลมเกลียวสดชื่นระรื่นกล้า
เมื่อระฆังกังสดาลหมดมารยา       ยิ้มรับมารยาทท้นแต่ต้นปี!