ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 5 - 11 ตุลาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
ผมเพิ่งกลับจากปารีส…
ไปดูกอล์ฟไรเดอร์ คัพ ระหว่างทีมรวมยุโรปกับทีมสหรัฐอเมริกา
กอล์ฟรายการนี้ได้รับการยกย่องและยอมรับแบบไม่มีข้อโต้แย้งว่าเป็นการแข่งขันกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีวัฒนธรรมการเชียร์ของผู้ชมไม่เหมือนกอล์ฟรายการทั่วไป
ผมทำงานบรรยายถ่ายทอดสดการแข่งขันกอล์ฟไรเดอร์ คัพมาตั้งแต่ปี 1997 ไม่เคยไปดูที่สนามเลย พอวัยตกกระได้ที่ ภรรยาที่เคารพรักบอกว่าน่าจะไปดูของจริงเพื่อเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตสักหน ก็เลยตัดสินใจไป
ไปดูมาแล้วก็ขอเรียนนักกอล์ฟทุกท่านว่านั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านนั้นดีเลิศประเสริฐสุด อายุ 64 ปีขึ้นไป ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงระดับดี 1 ประเภท 1 ไม่ควรไปดูที่สนาม
ผมมีประสบการณ์ไปดูกีฬารายการใหญ่มาพอสมควร ทั้งพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก การแข่งขันฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโรรอบชิงชนะเลิศ กอล์ฟเดอะ มาสเตอร์สที่สนามออกัสตา กอล์ฟบริติช โอเพ่นที่สนามเซนต์แอนดรูว์ส เทนนิสวิมเบิลดันและเฟรนช์ โอเพ่น
ทุกรายการที่กล่าวข้างต้น เหนื่อยกายเหนื่อยใจไม่ถึงครึ่งของการดูไรเดอร์ คัพ
ดูเทนนิสรายการแกรนด์สแลม ดูฟุตบอลโลก ดูกีฬาโอลิมปิก แม้เขาจะปิดถนนรอบสนามกีฬา ต้องเดินไกลหน่อย พอถึงสนามก็ได้นั่งดู
แต่กอล์ฟไรเดอร์ คัพ ถึงสนามแล้วต้องเดินตามนักกอล์ฟตลอด
เดินตามแล้วก็ใช่ว่าจะมองเห็น เพราะสองวันแรก เวลาแข่งขันในสนามมีนักกอล์ฟแค่ 4 ก๊วน แต่มีคนดูกว่า 6 หมื่นคนยืนล้อมอยู่ ใครยืนข้างหลังได้ฟังแต่เสียงเชียร์แต่ไม่เห็นภาพ
ในสนามจึงต้องมีจอทีวีขนาดใหญ่กว่าหนังกลางแปลงตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วสนาม รับสัญญาณถ่ายทอดสดพร้อมๆ กับที่ถ่ายไปทั่วโลก
ใครหมดแรงหรือหมดใจเดินตาม ก็ปักหลักนั่งกะพื้นหญ้าดูการแข่งขันบนจอทีวี แต่ได้ยินเสียงเฮเสียงเชียร์เสียงโห่ร้องเป็นเสียงสดๆ ในสนามจริงๆ เป็นประสบการณ์ดูกีฬาที่แปลกไปอีกแบบ
เพื่อเก็บความทรงจำให้ครบถ้วน ผมเลยดูทุกรูปแบบ ทั้งเดินตามนั่งประจำหลุม นอนรอก๊วนที่เราอยากเห็นตัวเป็นๆ ริมแฟร์เวย์แบบที่ฝรั่งเขาทำกัน รวมทั้งดูทีวีจอยักษ์
แต่อย่างที่บอก ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง อย่าไปดูไรเดอร์ คัพที่สนาม
ตลอด 3 วันที่มีการแข่งขัน ผมเขียนรายงานในเฟซบุ๊ก ในแฟนเพจและในไลน์เป็นระยะๆ
บางเวลาส่งเป็นภาพวิดีโอสดๆ ที่บ้านเราเรียก “Live สด” (ทำไมต้องเขียน Live สด ก็ไม่ทราบ รึต้องการย้ำว่าสดจริงๆ)
รายงานทางโซเชียลมีเดียก็มีปฏิสัมพันธ์ ถาม-ตอบกัน
คําถามที่มีมากที่สุดคือ ตัวผู้เล่นทีมอเมริกาอันดับโลกดีกว่า ประกบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ก็เก่งกว่า ทำไมถึงแพ้ยุโรปขาดลอย 17.5 ต่อ 10.5
บางท่านบอกว่าแพ้เพราะผู้เล่น 4 คนสุดท้ายที่กัปตันทีมอเมริกาเลือกได้ตามใจชอบ (ไปสมทบกับ 8 คนแรกที่ติดทีมชาติเพราะทำแต้มสะสมสูงสุด 8 อันดับแรก) ทำคะแนนได้น้อยอย่างน่าใจหาย เบ็ดเสร็จ 4 คนช่วยกันทำได้แค่ 2 แต้ม
3 คนจาก 4 คนที่กัปตันทีมเลือก แพ้รวดทุกแมตช์ที่เล่นทั้งประเภทคู่และประเภทเดี่ยว
1 ใน 3 คนที่แพ้ 100% มีไทเกอร์ วู้ดส์-ซึ่งกำลังฟอร์มสดสุดขีดเพิ่งได้แชมป์ก่อนถึงไรเดอร์ คัพแค่ 5 วัน-รวมอยู่ด้วย
ในขณะที่นักกอล์ฟ 4 คนที่หัวหน้าทีมยุโรปเลือก โกยคะแนนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 9 คะแนนครึ่ง แถมวันสุดท้ายเล่นประเภทเดี่ยว ทั้ง 4 คนทำได้ 3 คะแนนครึ่งจากคะแนนเต็ม 4 แข่งชนะ 3 คน เสมอ 1 คน
ผมตอบไปว่า สาเหตุใหญ่ที่ทำให้อเมริกาแพ้มี 3 ประการ
1. กอล์ฟรายการนี้เป็นการแข่งแบบแมตช์เพลย์ 18 หลุม ไม่ใช่แข่งสโตรกเพลย์ 72 หลุม
การเล่น 18 หลุมรู้ผล เป็นการแข่งเกมสั้น คนที่ฝีมือเป็นรองนิดๆ สามารถพลิกล็อกเอาชนะคนที่เก่งกว่าได้บ่อยๆ
2. กอล์ฟเป็นเกมที่ต่างคนต่างเล่นลูก (ball) ของตัวเอง สกัดขัดขวางกันหรือ “ควบคุม” คู่แข่งขันแบบกีฬาที่ทั้งสองฝ่ายเล่นลูกเดียวกันอย่างฟุตบอล เทนนิส ปิงปอง วอลเลย์บอลไม่ได้ จึงไม่สามารถใช้ความเก่งกว่าบีบหรือกดดันคู่แข่งให้เล่นลูกยาก แล้วทำให้เล่นผิดพลาด
3. สนาม Le Golf National ที่ใช้แข่งขันปีนี้เป็นสนามสไตล์ลิงส์ (Links) แบบทุ่งหญ้าริมทะเล ไม่มีไม้ใหญ่ในสนามแม้แต่ต้นเดียว และลมแรงมาก นักกอล์ฟทีมอเมริกันทั้ง 12 คน มีเพียง 5 คนที่เคยเล่นสนามนี้ในช่วงเวลาที่จัดสนามเพื่อการแข่งขัน
ที่เหลืออีก 7 คนไม่เคยเล่น
วันแข่งจะคำนวณทิศทางและความเร็วของกระแสลมด้วยการมองยอดไม้ต้นสูงๆ ในสนามก็ไม่มีต้นไม้ให้มอง
นักกอล์ฟอเมริกันจึงตีตกน้ำตกท่าในสถานการณ์ธรรมดาๆ เป็นว่าเล่น เจอสักครั้งสองครั้งทำให้เครียดก่อนตี ผลงานจึงออกมาไม่ดี
ในขณะที่นักกอล์ฟทีมยุโรปคุ้นเคยกับสนามนี้เพราะใช้แข่งรายการเฟรนช์ โอเพ่นทุกปี
ทั้งหมดนี้คือสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ทีมอเมริกันแพ้ยุโรปในความเห็นของผมครับ