ดาราไต้หวัน ถูกรีดไถเงิน
เหตุการณ์อื้อฉาวตำรวจไทย รีดไถเงินกว่า 27,000 บาทอัน อวี๋ฉิง ดาราสาวไต้หวัน บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเช้าตรู่วันที่ 5 ม.ค. 2566 กลายเป็นข่าวดังไปทั้งประเทศ ถึงขั้นเจ้าตัวประกาศจะไม่กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีก
เริ่มจากนักแสดงคนดังกล่าวได้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยช่วงต้นปี ระหว่างกลับจากสังสรรค์ เธอนั่งแท็กซี่มากับเพื่อนๆ แต่กลับถูกด่านตำรวจเรียกให้หยุดค้นตัว มีการยื้อต่อรองนาน 2 ชั่วโมง ก่อนตำรวจจะพาเธอไปที่ลับตาแล้วเรียกรับเงิน 27,000 บาท แลกกับการปล่อยตัวคนทั้งหมดในรถ ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตั้งโต๊ะแถลงสู้ ยืนยันไม่มีเรียกรับเงิน อ้างว่าดาราสาวเมาและมีบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาตอบโต้ว่าเป็นการยัดข้อกล่าวหา
ต่อมานายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยกรณีนี้ นำตัวพยานมาแถลงข่าวพร้อม เปิดเผยว่ามีหลักฐานว่ามีการรีดทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันจริง พร้อมกล่าวหาตำรวจว่ามีการสั่งลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน นำมาสู่คำสั่งเด้งฟ้าผ่า ผกก.สน.ห้วยขวางย้ายตำรวจ 7 นาย และตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ต่อมาวันที่ 8 พ.ย. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สั่งจำคุกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย คนละ 5 ปี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ
ทรงอย่างแบด เพลงดังฟันน้ำนม
ให้อยู่นิ่งๆ ไม่ดิ้นได้ไง! เมื่อเพลงโดนใจอย่าง “ทรงอย่างแบด (Bad Boy)” ของ 2 หนุ่ม “ฮาย – ธันวา เกตุสุวรรณ” (ร้องนำ) และ “เซน – นครินทร์ ขุนภักดี” (เบส) แห่งวง Paper Planes กลายเป็นเพลงฮิตระเบิดระเบ้อ ถูกใจวัยรุ่นฟันน้ำนมกันสุดๆ จนเจ้าตัวเองยังแปลกใจว่า ทำไมเด็กๆ ถึงชอบเพลงนี้ของตนนัก
นักวิชาการทางดนตรีให้เหตุผลว่า เพราะนี้ร้องตามง่าย ถูกใจวัยเด็กจนกลายเป็นเพลงชาติของหนูๆ จนพ่อแม่ต้องพาลูกๆ ไปชมการแสดงของพี่ๆ Paper Planes กันแทบทุกที่ จน 2 หนุ่มเดินหน้ารับงานโชว์และงานพรีเซ็นเตอร์ต่อเนื่อง เปลี่ยนลุคจากชาวร็อกเป็นหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนมกันไปเลย
ตะวันแบม อดข้าว ประท้วง
เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 “ตะวัน” ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ “แบม” อรวรรณ ภู่พงษ์ สองนักกิจกรรมอิสระ ตัดสินใจกลับเข้าไปในเรือนจำจากการยื่นถอนประกันตัวเอง โดยทั้งคู่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 จากการจัดกิจกรรมสอบถามความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับขบวนเสด็จกับกลุ่ม “ทะลุวัง” บริเวณหน้าห้างสยามพารากอน เมื่อ 8 ก.พ. 2565 และเริ่มประกาศอดอาหารและน้ำ เพื่อเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ยุติคดีการเมืองกับประชาชน และกดดันให้ทุกพรรคเสนอยกเลิก ม.112 และ ม.116
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เป็นเวลาถึง 52 วัน ที่ทั้ง 2 คนอดอาหารและน้ำ จนกระทั่งมายุติการอดอาหารประท้วงเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2566 ช่วงเวลา 13.00 น. โดยแจ้งผ่านเฟซบุ๊กของ น.ส. อรรรณที่ใช้ชื่อว่า วางหนังสือ ถืออาวุธ และเพจเฟซบุ๊กของกลุ่มทะลุวังว่า “ตะวันและแบมขอแจ้งต่อสาธารณชนว่าพวกเธอได้เลิกอดอาหารแล้ว และจะรับการรักษาเพื่อนำเอาชีวิตไปต่อสู้ต่อไป เนื่องจากยังคงไม่ได้รับการตอบรับจากศาล” และ “ทั้งคู่บอกว่า แม้ไม่มีพวกเธอขอให้ทุกคนต่อสู้ต่อไป”
ดีลประวัติศาสตร์ “บางจากฯ” เข้าซื้อ “เอสโซ่”
เปิดปีด้วยดีลยักษ์วงการพลังงงาน บริษัทน้ำมันสัญชาติไทย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสโซ่ โดยมีมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566
จากเดิมบางจากมีสถานีบริการน้ำมันอยู่ 1,360 แห่ง เมื่อรวมกับสถานีบริการน้ำมันของเอสโซ่ที่มี 830 แห่ง จะทำให้บางจากฯ มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2,200 แห่ง
ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และกลายเป็นผู้นำธุรกิจโรงกลั่นที่มีกำลังการกลั่นน้ำมันมากที่สุดในประเทศไทย เกือบ 3 แสนแสนบาร์เรลต่อวัน
2 ป. ร้าวลึก ความขัดแย้ง ตู่-ป้อม
หลังร่วมหัวจมท้ายกันมายาวนาน ตั้งแต่ชีวิตราชการทหาร กระทั่งเข้ายึดอำนาจปกครองประเทศมาเป็นเวลามากกว่า 9 ปี ช่วงเดือนมกราคม 2566 ความสัมพันธ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา และ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ถึงจุดตกต่ำ เป็นช่วงเวลาของการแยกทางกันเดินในทางการเมือง ของ 2 ป. แห่งบูรพาพยัคฆ์ หลังมีข่าวระหองระแห่งเรื่องการจัดสรรอำนาจกันมายาวนานตั้งแต่คราวตั้งรัฐบาลประยุทธ์ 2
เมื่อต่างฝ่ายต่างสะสมขุมกำลังและทรัพยากรอย่างเพียบพร้อม 9 ม.ค. 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเวทีเปิดตัวเดินสายการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยการเซ็นชื่อในใบสมัครและสวมเสื้อพรรค ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ แห่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่พล.อ.ประวิตร ได้รับเลือกให้เป็นแคนดิเดตนายกฯจากพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 26 มกราคม เป็นการประกาศสู้ศึกเลือกตั้ง ผู้ประกาศตัวใช้ “ใจบันดาลแรง” ทั้งคู่ต่างหวังที่จะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ท่ามกลางการแย่งชิงตัวผู้สมัครในแต่ละพื้นที่อย่างหนัก
สาวจีนจ้างรถนำขบวน
รีวิวเที่ยวไทยกลายเป็นเรื่อง เมื่อบล็อกเกอร์สาวชาวจีนโพสต์คลิปวิดีโอลงใน Douyin หรือติ๊กต็อกของจีน จนหลายคนแปลกใจ
เมื่อมีตำรวจไทยให้บริการระดับVVIP แบบสุดประทับใจ ยืนถือป้ายรอรับหน้าสนามบิน แถมช่วยยกกระเป๋าให้ รวมถึงลัดคิวการสแกนตรวจคนเข้าเมือง มิหนำซ้ำมีรถตำรวจนำไปส่งถึงโรงแรมที่พัทยา แถมท้ายเซลฟี่ร่วมกับชายที่แต่งกายคล้ายตำรวจ สนนราคาการจ่ายเงินพิเศษเพื่อใช้บริการตำรวจอำนวยความสะดวกระหว่างเข้ามาเที่ยวไทย ถ้าเป็นจักรยานยนต์คิด 6,000 บาท ส่วนรถเก๋ง 7,000 บาท
กลายเป็นเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ กระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ จน ผบ.ตร.สั่งสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งตำรวจ 2 นายถูกสั่งย้าย เพราะการอำนวยความสะดวกในขั้นตอนของตรวจคนเข้าเมือง ไม่สามารถดำเนินการได้ ส่วนการนำขบวนของตำรวจจะต้องบุคคลสำคัญหรือนักการเมือง หรือการใช้รถนำขบวนรับรองแขกต่างประเทศในการเยือนประเทศไทยเท่านั้น
ช้อปงานวิจัย สะเทือนอุดมศึกษา
ข่าวฉาววงการอุดมศึกษา อาจารย์และนักวิชาการไทยมีการซื้อขายงานวิจัยออนไลน์ เพื่อให้ได้ใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้แต่งงานวิจัย แค่จ่ายเงินก็จะมีชื่อเป็นคนเขียน โดยที่ผู้นั้นไม่ต้องลงมือทำวิจัยจริงๆ นำไปเคลมจากมหาวิทยาลัย ทั้งการขอทุน-อัปเลเวลการทำงานตัวเอง กระทั่งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ต้องสั่งให้มหาวิทยาลัยทุกแห่ง ตรวจสอบอาจารย์หรือนักวิจัยในสังกัด ว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายการผิดซื้อผลงานตีพิมพ์หรือไม่ จนพบความผิด 36 อาจารย์ ใน 8 มหาวิทยาลัย
ขณะที่ปลัดกระทรวงอุดมศึกษาฯ แถลงผลการตรวจสอบมีอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกมากกว่า 160 ราย ทั่วประเทศเข้าข่ายความผิด จนรอบปีที่ผ่านมา มีข่าวหลายมหาวิทยาลัยทยอย “เชือดไก่ให้ลิงดู” ลงโทษอาจารย์และนักวิจัยหลายคน
นักเรียนไทยเฮลั่น เลิกทรงผมหัวเกรียน
เด็กไทยสวยหล่อได้ตามวัย ไม่ต้องไว้ผมสั้นเต่อ! หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการส่งหนังสือเวียน วันที่ 16 มกราคม ไปยังโรงเรียนในสังกัดทั่วประเทศ ถึงการยกเลิกการบังคับนักเรียนชายตัดผมเกรียน และนักเรียนหญิงตัดผมบ็อบ โดยให้นักเรียนชายไว้ทรงยาวแบบรองทรงได้ นักเรียนหญิงเลือกไว้ผมสั้นหรือยาวได้นั้น ล่าสุดโรงเรียนหลายได้ขานรับนโยบายนี้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็มีความเห็นในมุมกลับว่า เป็นการผลักภาระเรื่องทรงผมนักเรียน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนานให้กับทางโรงเรียนรับผิดชอบแทนกระทรวงศึกษาธิการ
เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ทรงพระประชวรหมดพระสติ
เดือนมกราคม 2566 เป็นเดือนที่คนไทยติดตามอาการพระประชวร เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ หลังสำนักพระราชวัง มีแถลงการณ์ ทรงพระประชวรหมดพระสติ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา ฯ ได้สรุปการวินิจฉัยว่าพระอาการประชวรหมดพระสติเกิดจากการเต้นผิดจังหวะของพระหทัยแบบรุนแรง จากการอักเสบของพระหทัยจากเชื้อไมโคพลาสมา (Mycoplasma) ทำให้ทรงพระประชวรหมดพระสติในเวลาต่อมา พระอาการโดยรวมยังไม่ทรงรู้พระองค์ คณะแพทย์ยังคงถวายพระโอสถปฏิชีวนะ และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิด