100 เรื่องดังรอบปี | DECEMBER

ทัวร์มรณะคร่า 16 ศพ

อุบัติเหตุเศร้าส่งท้ายปี เกิดขึ้นกลางดึกคืนวันที่ 5 ธันวาคม 2566 รถทัวร์สายใต้ สาย กทม.-นาทวี  ของบริษัทศรีสยามเดินรถจำกัด บรรทุกผู้โดยสารเต็มคัน จำนวน 46 คน เกิดตกถนนชนต้นไม้ใกล้ทางเข้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร อำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งรีบไปที่เกิดเหตุ พบภาพสุดสลด ด้านหน้าของรถชนติดอยู่กับต้นไม้พังยับผ่าออกเป็นสองซีก มีผู้โดยสารเสียชีวิตจำนวนหลายราย และได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ คนขับมีอาการวูบ จึงทำให้รถเสียหลักตกถนน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตมากถึง 16 คน รวมถึง น.ส.กัลยกร พูนเอียด หรือ “น้องดอกเข็ม” อายุ 18 ปี นร.ม.6 โรงเรียนสตรีพัทลุง ดาวติ๊กต่อกที่โด่งดังจากการตัดต่อทำหนังสั้นเอง พร้อมคุณแม่ ขณะเดินทางมาสอบสัมภาษณ์ที่ม.ศิลปากร บาดเจ็บ 22 คน  

เหตุการณ์นี้ทำให้นายกฯถึงกับต้องสั่งทบทวนความปลอดภัยของรถทัวร์ 2 ชั้น เป็นข่าวดังระดับโลก สำนักข่าวอย่าง บีบีซี, เอพี, รอยเตอร์ ต่างนำเสนอเหตุการณ์สลดนี้ 

 

สิ้น หมอกฤตไท เจ้าของเพจ สู้ดิวะ  

ชาวเน็ตไทยรู้จักชื่อหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 29 ปี อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังเจ้าตัวออกมาตั้งเพจเปิดเผยว่าป่วยเป็นมะเร็งปอด ระยะที่ 4 ทำให้ผู้คนในสังคมรู้จักและหันมาใส่ใจเรื่องของโรคมะเร็ง 

โดยความเห็นของหมอกฤตไทได้สร้างกำลังใจให้กับคนไทยจำนวนมากในการรู้จักกับโรคมะเร็งปอด จนมีผู้ติดตามเพจมากถึง 8 แสนคน  ทั้งยังเป็นผู้ตั้งคำถามปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจังว่าไทยติดอันดับประเทศที่มีปัญหาด้านอากาศมาหลายปี แต่ทำไมสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น 

ความชื่นชมหมอกฤตไท  ดูได้จาก สแตนเชียร์ของ ร.ร.สวนกุหลาบฯ ได้ร่วมกันแปรอักษร เป็นรูปของหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล ศิษย์เก่าสวนกุหลาบรุ่น 131  พร้อมข้อความ “ด้วยความรักจากน้องนักเรียนสวนกุหลาบ เพื่อพี่หมอกฤตไท” เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2566 

ก่อนที่คุณพ่อจะเปิดเผยว่า หมอกฤตไทได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 

 

ปีติ ราชินี” ทรงแข่งเรือใบ

พสกนิกรชาวไทยปลาบปลื้มปีติ พระราชินี ทรงนำทีมเรือไทย THA72 ชนะ 2 เที่ยวคว้าแชมป์เรือใบภูเก็ต รีกัตต้า คัพ

การแข่งขันเรือใบนานาชาติชิงถ้วยพระราชทานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ครั้งที่ 35 ประจำปี 2566 ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่และสร้างความปลาบปลื้มแก่พสกนิกรชาวไทยเป็นล้นพ้น ด้วยได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ จากสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงร่วมการแข่งขันในทีมเรือใบรุ่นไออาร์ซี ซีโร่ (IRC Zero) หมายเลขเรือ THA72 ซึ่งในการแข่งขันวันสุดท้าย สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นที่ 1 ทั้งสองรอบ เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาร่วมการแข่งขันครั้งแรกในรอบ 35 ปี

ในการแข่งขัน “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งนี้ได้จัดงานตั้งแต่วันที่ 2-9 ธันวาคม 2566 ถือเป็นรายการสำคัญของทัวร์นาเมนต์ Asian Yachting Circuit ของการแข่งขันเรือใบในภูมิภาค ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของนักกีฬาเรือใบทั่วโลก โดยในปีนี้ มีเรือใบทุกประเภทเข้าร่วมในรายการภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้ามากกว่า 150 ลำ ดึงดูดทั้งนักกีฬา ผู้ติดตาม และผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเป็นจำนวนนับพันคน สร้างความสนุกสนานเร้าใจทั้งในสนามแข่งขัน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนในจังหวัดด้วยเงินสะพัดมากกว่า 200 ล้านบาท ตลอดสัปดาห์การจัดงาน ทำให้งานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้าในปีนี้ประสบความสำเร็จอย่างดงามและสมบูรณ์แบบ

 

คุก 6 ปี “ไอซ์ รักชนก” คดี 112

‘ไอซ์’ รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพมหานครคนดัง แห่งพรรคก้าวไกล  เข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลอาญา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 โดยรักชนกได้ทำเรื่องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาไปแล้ว เพราะมีภารกิจการประชุมสภาฯ แต่ศาลไม่อนุญาต

สส. หน้าใหม่ ผู้โค่น “บ้านใหญ่” แห่งเขตบางบอนถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยถูกกล่าวหาว่าทวิตข้อความที่พาดพิงสถาบันฯในช่วงปี 2564 และถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการรีทวิตข้อความที่ถูกมองว่าเข้าข่ายหมิ่นสถาบันจำนวน 2 ข้อความ

ศาลอาญามีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกรักชนกเป็นเวลา 6 ปี จากความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 2 ข้อความ ข้อความละ 3 ปี ทางด้านชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่ง สส. พร้อมหลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท ขอยื่นประกันตัวรักชนกทันที  ต่อมา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการสู้คดีชั้นอุทธรณ์ในวันเดียวกันกับที่มีคำพิพากษา รักชนกจึงยังไม่สูญเสียสมาชิกภาพการเป็น สส. และยังปฏิบัติหน้าที่ สส. ต่อไป


 

ชุลมุนศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

การประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566  ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ ในโอกาสเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่  มีผู้ถูกเสนอตัวเข้าชิงตำแหน่ง 2 คน อันได้แก่ น.ส.วทันยา บุนนาค หรือที่รู้จักในชื่อ “มาดามเดียร์” และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคและรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ 

ซึ่ง น.ส.วทันยา ไม่ผ่านเงื่อนไขข้อบังคับพรรคเพื่ออายุความเป็นสมาชิกพรรค ขณะที่นายเฉลิมชัย ก็ติดคำพูดเรื่องเคยการประกาศวางมือรับผิดชอบการเมืองที่พ่ายศึกเลือกตั้ง

แต่แล้ว ส.ส.กว่า 21 คนได้โหวตให้นายเฉลิมชัยกลับมาชิงหัวหน้าพรรคไม่กี่วันก่อนการลงมติ 

ทำให้วันจริง นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรค ซึ่งรู้กันว่าไม่ได้สนับสนุนนายเฉลิมชัย ได้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกสมัย โดยมีสมาชิกให้การรับรองครบตามเกณฑ์

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ได้ลุกขึ้นแถลงกลางที่ประชุมพรรคว่า ได้พูดคุยกับนายเฉลิมชัยแล้ว ก่อนประกาศถอนตัวออกจากการเป็นแคนดิเดต และประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิก ปชป. ด้วยอีกต่อหนึ่ง โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีเป้าหมายย้ายไปพรรคการเมืองอื่น

“ผมยืนยันกับทุกท่านที่นี่ ผมไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น กรีดเลือดผมมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย วันข้างหน้าถ้าในพรรคคิดว่าผมจะเป็นประโยชน์มาช่วยได้ ผมก็คงไม่ปฏิเสธ” นายอภิสิทธิ์ ประกาศกลางที่ประชุม

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม เห็นชอบให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จาก จ. ประจวบคีรีขันธ์ 4 สมัย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค คนที่ 9 ด้วยคะแนน 88.5% จากองค์ประชุมทั้งหมด เป็นอันจบศึกเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ที่ยืดเยื้อมายาวนาน

นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังมติที่ประชุมออกมาว่า การก้าวเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเป็นแค่การเข้ามาแก้วิกฤตให้พรรคเดินต่อไปได้ และ ปชป. จะปรับเปลี่ยนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาได้มากขึ้น พร้อมกับทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยยึดมั่นอุดมการณ์และแนวทางของพรรคอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

สาว 17 แจ้งความ สมรักษ์ คำสิงห์

หญิงสาวอายุ 17 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น วันที่ 10 ธ.ค. 2566  ว่าถูกสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิค พาเข้าโรงแรมก่อนจะทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ หลังทั้งคู่เจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา

เด็กวัย 17 คนดังกล่าวให้การว่า เธอและเพื่อนได้เดินเข้าไปขอถ่ายรูปกับสมรักษ์ เมื่อถ่ายเสร็จสมรักษ์ได้ให้อยู่ร่วมโต๊ะ จนสถานบันเทิงเลิก ก่อนที่สมรักษ์จะอาสาไปส่งเธอกลับที่พัก แต่อดีตนักมวยดังกลับพาเธอเข้าโรงแรมและก่อเหตุล่วงละเมิด ซึ่งหลังเกิดเหตุเธอได้ขอให้เพื่อนไปรับที่โรงแรม และเข้าแจ้งความ

ด้านเจ้าตัวระบุว่าไม่ได้ข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศเด็ก 17 อย่างแน่นอน แต่มีการถอดเสื้อผ้าและกอดหอม ก่อนที่สมรักษ์จะถามว่าอายุเท่าไร เมื่อเด็กสาวบอกว่า 17 ปี ตนก็ตกใจ จึงหยุดตรงนั้น ก่อนจะหันหลังนอนหลับไป

หลังเป็นประเด็นร้อน ชาวเน็ตก็ตั้งคำถามว่าเด็กสาววัย 17 ปีคนดังกล่าวสามารถเข้าสถานบันเทิงได้อย่างไร เนื่องจากเธอมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งสถานบันเทิงดังกล่าวก็ได้ออกมาเปิดหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ชี้ว่ากลุ่มของเด็ก 17 ได้เข้ามาใช้บริการ โดยผ่านการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนตามปกติ ซึ่งเจ้าตัวได้แสดงรูปบัตรประชาชนในโทรศัพท์มือถือ ยืนยันว่าคนตรวจบัตรได้สอบถามข้อมูลส่วนตัวแล้ว จึงอนุญาตให้เข้าใช้บริการ

กระทั่งวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา เด็ก 17 คนดังกล่าวได้ไปออกรายการโหนกระแส พร้อมกับ “กัน จอมพลัง” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในฝั่งของตัวเอง พร้อมเปิดแชตที่เธอส่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ระบุว่า “พ่อใหญ่บาสพาเค้ามาโรงแรม” และ “ฟ้าวมา (รีบมา) เค้าย่าน (เค้ากลัว)”

หลังทำการสืบสวนสอบสวนและเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ทาง สภ.เมืองขอนแก่น ก็ได้ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าของคดีเด็ก 17 ที่แจ้งความอ้างถูกสมรักษ์ล่วงละเมิดทางเพศ โดยผลในที่ประชุมได้พิจารณาดำเนินคดีสมรักษ์ ใน 4 ข้อหา คือ ร่วมกันพรากผู้เยาว์เด็กอายุเกิด 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี , ร่วมกันพาบุคคลอายุ 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ไปเพื่อการอนาจาร  , กระทำอนาจารเด็กอายุ 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย , พยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย

หลังพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับสมรักษ์ สมรักษ์ก็ได้ติดต่อเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเก็บตัวอย่าง DNA เพื่อใช้ประกอบเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว สมรักษ์ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมขอโทษทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน ระบุไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้เสียหายอายุ 17 ปี เพราะหากทราบก็คงไม่เกิดเรื่อง

 

นิสิตสาวป.เอก “ว่าที่ดร.” หนีคนเมาตกตึกดับ 

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สลดท้ายปี เมื่อ น.ส.อาภาภรณ์ สีชำนาญ หรือน้องเฟิร์น อายุ 27 ปี นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เสียชีวิตตกจากห้องพักชั้น 6 แมนชั่นแห่งหนึ่งภายในซอยลาดปลาเค้า 3 เสียชีวิต

โดยสาเหตุมาจาก น.ส.อาภาภรณ์ ตกใจกลัวที่ ชายคนเมา บุกมาเคาะห้องเสียงดังในช่วงเวลา 04.00 น. วันที่ 13 ธ.ค.  ใช้ถ้อยคำส่งเสียงดังโวยวาย ท่าทีคุกคาม เพราะเข้าใจผิดคิดว่า น.ส.อาภาภรณ์ จอดรถ จยย.ทับที่จอดรถ จยย.ของตัวเอง แต่ข้อเท็จจริง น.ส.อาภาภรณ์ ไม่มีรถ จยย.แต่อย่างใด ด้วยความตกใจและหวาดกลัว ทำให้ น.ส.อาภาภรณ์ รีบแชตข้อความบอกเพื่อนที่อยู่ชั้น 3 ให้ช่วยเหลือ แต่เพื่อนไม่กล้าขึ้นไปช่วย เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจมีอาวุธ จึงรีบลงไปที่ชั้น 1 เพื่อเรียก รปภ. แต่ระหว่างนั้น น.ส.อาภาภรณ์ กลัวผู้ก่อเหตุจะพังห้องเข้ามา จึงหนีด้วยการปีนระเบียงหลังห้อง จะข้ามไปยังห้องข้างๆ แต่พลัดตกตึกจากห้องพักชั้น 6 กระแทกผ่านหลังคาโรงจอดรถลงมายังพื้นชั้นล่างเสียชีวิต

ขณะที่ตำรวจ สน.โชคชัย สอบปากคำผู้ก่อเหตุ อ้างเมาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่กรณีเก่าที่มาจอดรถขวางจึงไปถามแม่บ้านว่าเป็นรถใคร แต่แม่บ้านบอกผิดห้อง เลยไปโผล่ที่หน้าห้องน้องผู้ตาย จึงโวยวายอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ได้เจตนาทำให้น้องตกตึกจนเสียชีวิต

“ลุงพล” ร่ำไห้เจอโทษคุก 20 ปี 

มหากาพย์เรื่องราวอันยาวนาน  “คดีน้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่ถูกพบเสียชีวิตในป่าภูเหล็กไฟ ในจังหวัดมุกดาหาร กระทั่งผู้ต้องหากลายเป็นคนดัง เกิดกระแส “ลุงพลฟีเวอร์” การสืบสวนลากยาวมา 3 ปี กระทั่งมีคำพิพากษา

เมื่อวันที่  20 ธ.ค. 2566 ศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ 1013/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร โจทก์ นางสาวิตรี วงศ์ศรีซา โจทก์ร่วมที่ 1 นายอนามัย วงศ์ศรีขา โจทก์ร่วมที่ 2 กับ “นายไชย์พล หรือ พล วิภา” จำเลยที่ 1 และ “น.ส.สมพร หรือ แต๋น หลาบโพธิ์” จำเลยที่ 2 โดยมีโจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง

ศาลจังหวัดมุกดาหารได้อ่านคำพิพากษา ให้ลุงพลมีความผิดฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ให้จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กไปจากบิดามารดา ให้จำคุก 10 ปี และยกฟ้องป้าแต๋น

โดยหลักฐานชิ้นสำคัญที่เปรียบเสมือนท่าไม้ตายของตำรวจใน “คดีน้องชมพู่” ที่ไม่เคยมีการเปิดเผยออกมา และไม่เคยมีสื่อสำนักไหนได้ข้อมูลมารายงานคือผลการสืบสวนจากเส้นผม

หลังทราบผลคำพิพากษา ในการแถลงข่าว ‘ลุงพล’ ถึงกับปาดน้ำตา กลางวงแถลงข่าว โดยจะขอสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์

ขณะที่โลกโซเชียลเกิดกระแสวิจารณ์ตั้งคำถามถึงการทำงานของสื่อ ที่ผลักดันให้ผู้ต้องหากลายเป็นคนดัง และร่ำรวย ก่อนจะมีคำพิพากษาจากศาล