100 เรื่องดังรอบปี | SEPTEMBER

โปรดเกล้า ครม.เศรษฐา 

เมื่อวันที่ 2 กันยายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้า แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 

หลังมีการคาดเดาโผคณะรัฐมนตรีไปต่างๆนาๆ เป็นอันว่าพรรคเพื่อไทย สามารถยึดกลุ่มเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงอุตสาหกรรม  กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เป็นต้น ส่วนพรรคภูมิใจไทย คว้าเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุดมศึกษา  กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน  ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม  ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ได้กระทรวงทรัพย์ และกระทรวงเกษตรฯ 

ขณะที่กระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง โดยตำแหน่งรอบข้างเช่น เลขานุการรัฐมนตรี และ ที่ปรึกษารัฐมนตรี กลับแต่งตั้งคนที่เคยทำงานใกล้ชิดรัฐบาลเดิม อย่าง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา คือ 2 อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี   

 

ดวงฤทธิ์ จัด “ปาขี้” รับผิดชอบคำพูด

จากการที่ ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกและนักออกแบบสมาชิกกลุ่มแคร์ ได้เคยทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ว่าถ้าเพื่อไทยจับมือกับ พปชร. จะยอมให้เอาขี้ปาหัว ซึ่งสุดท้ายพรรคเพื่อไทยประกาศฉีก MOU แยกทางกับพรรคก้าวไกล ก่อนจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค สลายขั้วการเมืองนั้น

ดวงฤทธิ์ บุนนาค รับผิดชอบต่อคำพูดของตน โดยจัดกิจกรรม “ปาขี้” บริเวณลานจอดรถ Mirror Art ซอยแจ้งวัฒนะ 1 แยก 6 โดยดวงฤทธิ์ได้สวมชุดสีขาว พร้อมกับสวมหน้ากากกันสารเคมี และมีมวลชนประมาณ 5 คน สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันปาอุจจาระ โดยที่ดวงฤทธิ์อยู่ในท่านั่งคุกเข่าบนผ้าใบสีขาวปูพื้น ก่อนจะเริ่มกิจกรรมดังกล่าวในเวลา 15.14 น. 

ตัวเลข 15.14 แสดงถึงการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ด้วย 314 เสียง / ระยะเวลาในการปา อุจจาระ 11 นาที แสดงถึง การรวมพรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค / น้ำหนักมูลวัวในถัง 4 กิโลกรัม แสดงถึงจำนวนพรรคเคยได้ประกาศเอาไว้ว่าจะไม่มีวันรวมกัน 4 พรรค

หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม ทีมงานพาดวงฤทธิ์ไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ และดวงฤทธิ์ไม่ตอบคำถามใดๆ ต่อสื่อมวลชน

กดปุ่มลดค่าไฟ–น้ำมัน
รถไฟฟ้า 2 สาย 20 บาท 

ผลงานของรัฐบาลเศรษฐาที่เป็นรูปธรรมที่สุด คือการลดค่าพลังงานน้ำมันและค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เห็นชอบมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. 66 จากอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามผลประชุม ครม. เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 66

ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้น ในการประชุม ครม. ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุม มีมติลดราคาน้ำมันดีเซลด้วยการลดภาษีสรรพสามิต โดยจะไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ขณะที่น้ำมันเบนซินปรับลดด้วยวิธีการลดค่าการตลาด ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

และอีกหนึ่งเรื่องก็คือการปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง ตลิ่งชัน-รังสิต และรถไฟฟ้าสายสีม่วง 20 บาทตลอดสาย เริ่มต้นทันทีในวันที่ 16 ตุลาคม 2566 มีผลไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

อย่างไรก็ตาม แม้การแก้ปัญหาดังกล่าวจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ทันที แต่ก็ได้รับการตั้งคำถามว่าเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น ยังไม่ได้มีการปฏิรูปโครงสร้างที่เป็นธรรมแก้ปัฐหาระยะยาวได้จริง

 

“กำนันนก” สั่งตาย “สารวัตรทางหลวง”

เหตุการณ์ดังที่สะท้อนความเหิมเกริมของผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นสามารถสั่งฆ่านายตำรวจระดับสูงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันเองที่อยู่เต็มงานเลี้ยง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 6 ก.ย. เวลา 22.00 น. ภายในบ้านเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ของนายประวีณ จันทร์คล้าย อายุ 35 ปี หรือ “กำนันนก” กำนันตำบลตาก้อง ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐม  มีรายงานคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เป็นเหตุให้ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ “สารวัตรแบงค์” เสียชีวิตเนื่องจากถูกยิงทั่วร่างถึง 5 นัด ท่ามกลางนายตำรวจที่เป็นผู้รักษากฎหมายเกือบ 30 นาย

ส่วนมือปืนโหดนั้น คือ หน่อง ท่าผา มือปืนซุ้มกำนันนก  สาเหตุเกิดจาก “กำนันนก” ไม่พอใจ “สารวัตรแบงค์” ช่วยวิ่งเต้นตำแหน่งให้กับหลานชาย แต่ถูกปฏิเสธ “กำนันนก” จึงลุกออกไปจากโต๊ะด้วยความโมโห จากนั้น “หน่อง ท่าผา” ลูกน้องคนสนิท ได้เข้ามากระหน่ำยิง “สารวัตรแบงค์” แล้วหลบหนีไป

ต่อมาตำรวจได้ระดมกำลังออกติดตามล่าตัวพร้อมออกหมายจับ “กำนันนก” และ “หน่อง ท่าผา” มือปืนที่ยิง “สารวัตรแบงค์” ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ก.ย. หลังจากนั้น “กำนันนก” ได้เดินทางเข้ามามอบตัวพร้องแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยิงสารวัตรแบงค์ ส่วน “หน่อง ท่าผา” ยังหลบหนีกลบดานอยู่ จนกระทั้งตำรวจได้ติดไปถึงซอยโรงเจร้าง หลังวัดพระแท่นดงรังที่หน่องท่าผาหลบซ่อนและยิงต่อสู้ขัดขวาง ถูกตำรวจวิสามัญในช่วงเช้ามืดวันที่ 8 ก.ย.

ต่อมาวันที่ 9 กันยายน เจ้าหน้าที่คุมตัว “กำนันนก ไปฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล สนิทสนมกับนักการเมืองท้องถิ่นและนักการเมืองระดับชาติ ใช้อำนาจบารมีขอให้ผู้ตายย้ายข้าราชการตำรวจ เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง จึงมีพฤติกรรมอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย ใช้ให้ผู้อื่นยิงผู้ตาย ซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนาย เป็นพฤติกรรมที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย

ภายหลังเกิดเหตุยังได้มีการสั่งให้ทำลายพยานหลักฐาน โดยการล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนปืน ถอดเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดและหลบหนีไป ประกอบกับเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึงประหารชีวิต

ขณะที่ตำรวจที่ร่วมในงานเลี้ยง นอกจากถูกตั้งกรรมการสอบ ยังมี 6 ตำรวจ พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี และ ร.ต.ต.สรรเสริฐ ศรีสวัสดิ์ อายุ 55 ปี ถูกดำเนินคดีข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด, ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็น ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยกระการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม

ทำให้ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. หรือผู้กำกับเบิ้ม ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร ก่อเหตุอัตวินิบาตกรรม ที่บ้านพักพื้นที่ย่านคูคต จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 กันยายน ด้วยสาเหตุจากความเครียดและเสียใจที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ พ.ต.ต.ศิวกร ถูกยิงเสียชีวิต

หลังเกิดประเด็นเรื่อง มือปืน “เจ้าพ่อ” และ “ปัญหาอิทธิพลท้องถิ่น” กรณี “กำนันนก” ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐม จัดงานเลี้ยงมีตำรวจร่วมงานจำนวนมาก รวมถึงประเด็นความไม่พอใจสั่งมือปืนสังหารสารวัตรทางหลวงแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำให้ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ถูกรุมตั้งคำถามอย่างนักถึงการแก้ปัญหาระยะยาว ร้อนถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงสั่งการให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยฯ จัดการขึ้นทะเบียนผู้มีอิทธิพล

ขรก. งง ครม.เศรษฐา
แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด

การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เมื่อวันที่ 13 กันยายน ก็บังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในแวดวงข้าราชการและคนทั่วไปทันที หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงว่าครม.ได้เห็นชอบให้เปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป เชื่อว่าจะเป็นการช่วยบรรเทาทุกข์ให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยได้พอสมควร จะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน

หลังการแถลงข่าว พลันเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง การแบ่งจ่ายเงิน 2 รอบ ในขณะที่จำนวนเงินเดือนยังเท่าเดิม จะช่วยให้บริหารจัดการหนี้ได้อย่างไร? กระทั่งต่อมารัฐบาลยอมถอยเปลี่ยนเป็นใช้หลักคิดแบบสมัครใจ สามารถเลือกแบบใดก็ได้ 

 

“พิธา” ลาออก
ส่งไม้ต่อ “ชัยธวัช” นำทัพก้าวไกล

หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ทั้งยังถูกเสียงส่วนใหญ่ของสภาสกัดการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้ง 

วันที่ 15  กันยายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ประกาศ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยระบุเหตุผลว่า เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. มาทำหน้าที่ “ผู้นำฝ่ายค้าน” โดยจะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลอย่างเต็มกำลัง

ต่อมาวันที่ 23 กันยายน ที่ประชุมพรรคก้าวไกลได้ทำการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยเห็นชอบให้  นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขณะที่นายพิธา ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล 

สำหรับชัยธวัช ถูกเรียกอย่างคุ้นปากว่า ‘เลขาฯ ต๋อม’ หลังจากพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้ง 2566 ชัยธวัชได้รับฉายาว่าเป็น ‘ขงเบ้งแห่งก้าวไกล’ มีบทบาทสำคัญ เป็นตัวแทนของพรรคก้าวไกลประสานงานกับพรรคการเมืองต่างๆ รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล

ศรีเทพ คว้า มรดกโลก

“เมืองโบราณศรีเทพ” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 4 ของประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 45 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-25 กันยายน 2566 ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย 

การประกาศรับรองในครั้งนี้ ทำให้ “เมืองโบราณศรีเทพ” ถือเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 7 ของไทย ต่อจากพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแหล่งที่ 4 ถัดจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ในรอบ 31 ปี 

ทั้งนี้ หลัง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ภายในสัปดาห์เดียว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากกว่า 2 หมื่นคนที่เดินทางมาท่องเที่ยว

 

จู่โจมค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก
ลูกน้องถูกเด้ง

คอมมานโดจู่โจมบุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก ล่าจับ 8 ตร.ลูกน้องสนิทพัวพันเว็บพนัน เรียกว่าแผ่นดินสะเทือนกันเลยทีเดียว

เหตุการณ์นี้เริ่มเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 25 กันยายน เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด พร้อมหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในซอยวิภาวดี 60 ในคดีเกี่ยวข้องกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน เนื่องจากพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ และมีหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย และพลเรือนอีก 15 ราย รวมเป็น 23 หมายจับ 

การจับกุมครั้งนี้ยังพบเส้นทางการเงินโยงใยบัญชีม้า ให้โอนให้กับนายตำรวจหลายนาย รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีจุดเริ่มต้นจากเครือข่ายเว็บพนัน “มินนี่” ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ขยายผลจับกุมได้ โดยต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่บุกจับกุมบอสตาล ประธานทีมฟุตบอลลำพูนวอริเออร์ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์และฟอกเงิน 

ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลเครือข่ายเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่เคยมีการจับกุมทางภาคเหนือของบอสตาล เมื่อ วันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย โดย 1 ในนั้น คือ น.ส.สุชานันท์ หรือ ธนัยนันท์ หรือ มินนี่ ฉายาเจ้าแม่เว็บพนัน และในช่วงที่บุกค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในโลกออนไลน์ก็ปล่อยคลิปการร้องคาราโอเกะร่วมกันระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และมินนี่ รวมทั้งภาพความใกล้ชิดสนิทสนม ระหว่าง พ.ต.อ.ภาคภูมิ และมินนี่ 

ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินพบว่า มีการโอนเงินจากมินนี่ เข้าบัญชีม้า ที่ พ.ต.อ.ภาคภูมิเป็นคนถือ ผ่านตู้ฝากเงินสด 51 ครั้ง รวมเป็นเงิน 3,659,890 ล้านบาท จากนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิเป็นคนกระจายเงินให้กับ 7 ตำรวจ

นอกจากนี้ ยังมีการโอนเงินจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งกว่า 2.8 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาคุณแม่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และมีการจ่ายเป็นค่าโทรศัพท์ 7 ครั้ง เป็นเงิน 48,682.34 บาท

และยังพบว่า พ.ต.อ.ภาคภูมิ โอนเงินไปที่ธนาคารกรุงไทย ให้คุณแม่ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีก 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 426,000 บาท และโอนให้กับน้องชาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีก 410,000 บาท เป็นที่มาของการบุกจับกุมและตรวจค้นครั้งนั้น! 

ต่อมาวันที่ 27 กันยายน ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งย้าย 8 ตำรวจลูกน้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกดำเนินคดีอาญา ข้อหาเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ เข้ากรุ ศปก.ตร. โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

 

ดราม่า หมออ๋อง ทัวร์สิงคโปร์
เศรษฐา พาลูกร่วมทริปอเมริกา 

หลังมีดราม่าเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาจำนวนหลายร้อยคนโดยใช้งบรับรองประจำตำแหน่งรองประธานสภา ถูกกดดันจนหมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก ยอมจ่ายเงินส่วนตัวเพื่อเลี่ยงปัญาหา  

จากนั้นไม่นานก็มีข่าวดราม่าอีก จู่ๆก็มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายน ว่า หมออ๋องเตรียมเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อศึกษาดูงานด้านระบบสารสนเทศการประชุมรัฐสภาสิงคโปร์พร้อมทีมเจ้าหน้าที่รวม 12 ชีวิต โดยใช้งบประมาณกว่า  1.3 ล้านบาท เกิดเสีวิพากษ์วิจารณ์ถึงความคุ้มค่าในการเดินทาง 

ต่อมาวันที่ 20 กันยายน จึงนัดแถลงข่าวพร้อมตอบทุกคำถามข้อสงสัย ยืนยันเบิกจริงไม่ถึง 1.3 ล้านบาท พร้อมแสดงใบเสร็จรับเงินการใช้จ่ายอย่างละเอียด เปิดราคาค่าเครื่องบิน ที่พัก  เหลือเท่าไหร่ก็จะส่งคืนคลังทั้งสิ้น จากนั้นในวันที่ 27 กันยายน นายปดิพัทธ์ จึงชี้แจงเพิ่มเติมหลังเดินทางกลับว่า ในการใช้งบประมาณ

ในช่วงเวลาเดียวกัน ระหว่างที่นายเศรษา ทวีสิน เดินทางไปยังประเทศสหรัฐฯ ปรากฏภาพ น.ส.ชนัญดา ทวีสิน’ ลูกสาวนายกฯ บินไปกับคณะร่วมประชุม UNGA 78 ที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเครื่องเช่าเหมาลำของการบินไทยกว่า 30 ล้านบาท จนเกิดคำถามว่า ลูกสาวนายกฯ ไปในสิทธิอะไร 

ต่อมาน.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ชี้แจงว่า ลูกสาวนายกรัฐมนตรีชำระเงินโดยใช้เงินส่วนตัวในการเดินทางครั้งนี้

 

จำคุก อานนท์ นำภา 4 ปี คดี 112

เมื่อวันที่ 26 กันยายน ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันฯ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ 

โดยมีคำพิพากษาจำคุก ไม่รอลงอาญา นายอานนท์ นำภา 4 ปี กรณีปราศรัยที่เข้าข่ายความผิดตาม ม.112 ด้วยการให้ร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในระหว่างการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวทีชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563  และปรับ 2 หมื่นบาท สำหรับการจัดชุมนุมที่ขัดต่อ พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ควบคุมโควิด-19

ทั้งนี้ หากนับเฉพาะมาตรา 112  นายอานนท์ นำภา มีคดีมาตรา 112 ทั้งหมด 14 คดี โดยคดีม็อบ 14 ตุลาคม 2563 เป็นคดีแรกเท่านั้นที่มีคำพิพากษา อีก 13 คดียังอยู่ในชั้นศาล

ต่อมาวันที่ 15 พฤศจิกายน นายอานนท์ นำภา เขียนจดหมายถึงลูก แสดงเจตจำนงถอนคำร้องขอประกันที่เหลืออีก 20 คดี และยืนยันว่า การต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ 2563 เป็นต้นมา ไม่ควรเป็นความผิดตั้งแต่แรก

 

โหวตขับ หมออ๋อง พ้นก้าวไกล

พรรคก้าวไกลได้ออกแถลงการณ์ให้ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ หมออ๋อง ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล พ้นจากความเป็นสมาชิกพรรค วันที่ 28 กันยายน  เพื่อให้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ สามารถดำรงตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้  

ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ระบุว่า พรรคได้พูดคุยกับนายปดิพัทธ์แล้ว แต่นายปดิพัทธ์ ยืนยัน ความประสงค์จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้ปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล  ต่อมาในวันที่ 10 ตุลาคม นายปดิพัทธ์ ได้เปิดตัวสมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม การขับนายปดิพัทธ์ ออกจากพรรคก้าวไกลถูกตั้งคำถามอย่างมากจาก สส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงวุฒิสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการ ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล ที่ออกมาระบุว่า “ผมเลือกหมออ๋องเป็นรองประธาน มิใช่เลือกเป็นการส่วนตัว(เพราะผมไม่รู้จักมาก่อน) แต่เลือกเพราะพรรคก้าวไกลส่งมา เมื่อก้าวไกลขับออกจากสมาชิกพรรค(ร้ายแรงยิ่งกว่าถูกประหารชีวิตทางการเมือง) ยังจะดำรงตำแหน่งอีกหรือ..ประธานบนบัลลังก์ที่ถูกพรรคการเมืองไล่ออก สมควรเรียกขานนามว่าอย่างไร ??? 

ต่อมาวันที่ 2 ตุลาคม นายอดิศร ออกมาให้สัมภาษณ์เตรียมยื่นเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญฟันจริยธรรม ผิดข้อบังคับพรรคหรือไม่? ต่อมา นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ ‘บก.ลายจุด’ นักกิจกรรมทางการเมือง ท้วงติงพรรคเพื่อไทยว่าอย่าใช้วิธีการดังกล่าว แบบที่เพื่อไทยก็เคยถูกกระทำมาในอดีต

 

“บิ๊กต่อ” ผงาด “ผบ.ตร.” 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 4 เป็นผบ.ตร.คนที่ 14 ด้วยมติ ก.ตร.เห็นชอบ 9:1 โดยนายเศรษฐาได้งดออกเสียง 9 เสียง

สำหรับ บิ๊กต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เกิดวันที่ 27 มกราคม 2507 ชาว จ.เพชรบุรี เป็นน้องชาย พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง

สำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนโยธินบูรณะ ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ สิงห์แดงรุ่น 38 ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม เข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ 7 ปี

เริ่มเป็นตำรวจด้วยการอบรมหลักสูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4