100 เรื่องดังรอบปี | AUGUST

ทักษิณ กลับไทยครั้งแรก
บินถึงดอนเมือง รับโทษ 8 ปี 

เช้าวันที่ 22 สิงหาคม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากหนีคดีออกจากประเทศไทยไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2551 เดินทางกลับประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี หลังจากที่ผ่านมานายทักษิณ เคยประกาศกลับไทยมาแล้ว 20 ครั้ง แต่ไม่ได้เดินทางกลับมาจริง กระทั่งครั้งสุดท้าย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณ ออกมายืนยันผ่านไอจีเมื่อวันที่ 19 ส.ค.2566 ว่าพ่อจะกลับมาไทย ลงที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 09.00 น. ผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นเวลา 09.30 น.นายทักษิณ ออกมาบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร อากาศยานส่วนบุคคล โดยสวมสูทสีกรมท่า เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไทสีแดง เข้าถวายบังคมที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 บริเวณด้านหน้า ก่อนเดินมาโบกมือทักทายคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับ 

วันเดียวกัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้แจ้งคำพิพากษาจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลารวม 8 ปี จึงส่งตัวนายทักษิณเข้าเรือนจำทันที

แต่แล้วก็มีข่าวในคืนเดียวกัน มีการส่งตัวนายทักษิณมารักษาฉุกเฉินกลางดึก ที่รพ.ตำรวจ เอกสารข่าวจากกรมราชทัณฑ์ที่ส่งให้สื่อมวลชนเมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ให้เหตุผลว่า นายทักษิณป่วย 4 โรค คือ หัวใจขาดเลือด ปอดผิดปกติจากการติดโควิด ความดันสูง กระดูกสันหลังเสื่อม แพทย์ราชทัณฑ์ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์เพียงพอ และได้รักษาตัว ผ่าตัด อยู่ที่ รพ.ตำรวจเป็นเวลานาน 

ต่อมาวันที่ 31 สิงหาคม ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุก 1 ปี

 

โหวตเศรษฐานายกฯ
สว. สายตู่ เทคะแนนให้  

ผ่านมา 100 วันหลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. และแล้วในที่สุดประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย 

การประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 22 ส.ค. ที่ประชุม มีมติ 482 ต่อ 165 เห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถือว่าได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้น ในจำนวนนี้เป็นคะแนนจาก สว. ถึง 152 เสียง และยังมี สส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 16 เสียง “แหกมติพรรค” ตัวเอง มาร่วมโหวตสนันสนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยด้วย (พท.)

ที่น่าสนใจคือ ด้าน สว. มีผู้ลงคะแนนเห็นชอบนายเศรษฐา 152 คน ในจำนวนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องและใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์ เช่น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง อดีต ผบ.เหล่าทัพ และอดีตรองหัวหน้า คสช. ที่ร่วมยึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2557 ก็ล้วนร่วมลงมติ “เห็นชอบ” ด้วย ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และบุคคลใกล้ชิด กลับไม่ปรากฏการลงคะแนน 

 

ท่านอ้น ท่านอ่อง กลับไทย
ฝันที่เป็นจริง

วันที่ 7 ส.ค. 2566 เกิดความฮือฮาในโลกโซเชียล หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาที เป็นภาพ “ท่านอ้น” วัชเรศร วิวัชรวงศ์ โอรสคนที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เดินออกมาในช่องทางเดินของผู้โดยสารขาเข้า ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยมีคนไทยไปรอรับ 

หลังสังคมและสื่อมวลชนรายงานข่าวการกลับไทย ต่อมา ‘ท่านอ้น’ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในโอกาสเดินทางกลับไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปีว่า รู้สึกตื้นตันที่ได้กลับมา เราจากประเทศไทยมานาน 27 ปี เหมือนฝันเป็นจริงที่ได้กลับมา”

จากนั้นไม่กี่วัน  “ท่านอ่อง” นายแพทย์ จักรีวัชร วิวัชรวงศ์ น้องชาย “ท่านอ้น” ได้เดินทางมาประเทศไทยอีกคน โดยตั้งใจมาไหว้ “เสด็จทวด” สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเรียนหมอ เพื่อช่วยเหลือคนยากจน และไหว้ “เสด็จปู่ ร.9” ที่ รพ.ศิริราช อีกทั้งยังตั้งใจมาเที่ยวเมืองไทยและมารับ “ท่านอ้น” กลับสหรัฐฯ ด้วยกันในวันที่ 14 สิงหาคม 

 

สิ้น นิธิ เอียวศรีวงศ์
ปราชญ์แห่งยุคสมัย

7 สิงหาคม 2566 เวลา 11.47 น. แวดวงวิชาการไทยเกิดความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้จากโลกนี้ไปอย่างสงบ หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดมาอย่างยาวนาน 

ครอบครัวแถลงว่า นิธิสั่งเสียไว้ว่าจะบริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ และมีความประสงค์ที่จะไม่มีพิธีสวดพระอภิธรรม เพราะไม่ต้องการรบกวนให้ผู้อื่นต้องเดินทางไกลไปร่วมงานศพที่เชียงใหม่ ทางครอบครัวจะทำบุญที่วัดเป็นการภายใน แต่ถ้าใครอยากรำลึกถึงนิธิ ก็สามารถจัดงานทำบุญให้เองได้ตามความสะดวก

การจากไปของนิธิสร้างความสั่นสะเทือนแก่แวดวงวิชาการไทยเป็นอย่างมาก นิธิเป็นนักวิชาการที่ทรงอิทธิพลต่อแนวคิดของสังคมไทย และมีลูกศิษย์มากมายทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ผ่านสถานะอันหลากหลาย ทั้งอาจารย์ นักวิชาการ คอลัมนิสต์ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา ผลิตข้อคิดข้อเขียนมากมายจากหนังสือหลายเล่มที่กลายเป็นหนังสือระดับตำนาน พร้อมกับการผลิตผลงานอย่างต่อเนื่องยาวนานและสม่ำเสมอ ชื่อของนิธิ เอียวศรีวงศ์ จึงเป็นชื่อผู้คนยอมรับนับถือและต่างค้อมคารวะถึงความยิ่งใหญ่ทางวิชาการของเขา

นิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการแสดงความคิดสู่สังคมผ่านรูปแบบบทความทางหนังสือพิมพ์ และในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์อยู่เป็นประจำ ผลงานหลายชิ้นของเขาเป็นดั่งหมุดหมายของวิชาประวัติศาสตร์ไทย  อาทิ “ปากไก่และใบเรือ”, “การเมืองไทย สมัยพระเจ้ากรุงธนบุร”, “โมงยามไม่ผันแปร”, “กรุงแตก, พระเจ้าตากฯและประวัติศาสตร์ไทย”, “การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์”, “ชาติไทย, เมืองไทย, แบบเรียนและอนุสาวรีย์ว่าด้วยวัฒนธรรม, รัฐ และรูปการจิตสำนึก” ฯลฯ 

 

ชูวิทย์ ปะทะเดือด เศรษฐา 

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดปฏิบัติการ “แฉเพื่อชาติ” 3 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 3 สิงหาคม ถึงการซื้อที่ดินภายใต้การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขัดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญ ส่อไม่ซื่อสัตย์สุจริตกล่าวหา ซื้อที่ดินย่าน ถ.สารสิน ราคาประเมิน 1,570 ล้านบาท เป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี ทั้งยีงกล่าวหา บริษัทลูกในเครือของ บมจ.แสนสิริ “จัดตั้งนอมินี” ทำสัญญาซื้อขายที่ดิน ก่อนขายให้กับ บริษัทร่วมทุน บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งส์ ทำให้เกิดส่วนต่าง “เงินทอน”

จนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 07.44 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก แจงเองปมซื้อขายที่ดินแสนสิริ ยันทำทุกต้องโปร่งใส ไม่มีนอมินี-เงินทอน พร้อมแฉกลับเหตุผลนายชูวิทย์ ออกมาแฉตน เพราะเคืองที่บริษัทไม่ซื้อที่ดินนายชูวิทย์ เพราะติดปัญหาข้อกฏหมาย

ตบหน้า “ต้นกล้า” ส.ส.กรุงเทพ ก้าวไกล 

เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในซอยเอกมัย 12 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ กลางดึก วันที่ 11 สิงหาคม 2566 

เหตุการณ์เริ่มต้นจาก นักท่องเที่ยวคนหนึ่งชื่อว่า “นายเชษฐ์” มีอาการเมา เดินมาที่กลุ่มของ “ต้นกล้า” นายจรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ สส.ยานนาวา-บางคอแหลม กทม. แห่งพรรคก้าวไกล ซึ่งนั่งคุยกันอยู่ในโต๊ะภายในร้าน และเมื่อนายเชษฐ์ เดินมาถึงด้านหลังของหญิงสาวที่อยู่ในกลุ่มของนายจรยุทธนั้น จู่ๆ นายเชษฐ์ ได้ใช้มือจับบริเวณคอด้านหลังหญิงคนดังกล่าว  

นายจรยุทธได้ทำการปัดมือออกทำให้นายเชษฐ์ไม่พอใจจึงตบหน้าของนายจรยุทธ เกิดการเตะต่อยนายเชษฐ์ จากนั้นพนักงานของทางร้านเข้ามาห้ามทั้ง 2 ฝ่ายให้ออกจากร้าน เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกัน และมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุดังกล่าว โดยไม่ได้มีการแจ้งความที่ สน.คลองตัน ซึ่งเป็น สน.ท้องที่เกิดเหตุแต่อย่างใด เพราะได้มีการเคลียร์กันจบที่ร้าน 

หลังเกิดเหตุคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาทันทีในลักษณะ สส.ก้าวไกลกร่าง ทะเลาะวิวาท แต่ต่อมาหญิงคนที่อยู่ในคลิปออกมายืนยันว่า นายจรยุทธ เป็นฝ่ายถูกกระทำจากคนเมาก่อน และช่วยปกป้องตนเองจากคนเมาที่ไม่รู้จัก โดยมีคลิปฉบับเต็มยืนยัน มิใช่ส.ส.กร่างแบบที่สำนักข่าวแห่งหนึ่งพาดหัว 

อย่างไรก็ตาม “ต้นกล้า” จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ได้ทวีตชี้แจงกรณีดังกล่าว น้อมรับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และขอโทษประชาชนจากเรื่องที่เกิดขึ้น

ฮือต้านรัฐบาล
แอบปรับเกณฑ์เบี้ยผู้สูงอายุ

เรื่องฮือฮาในโลกออนไลน์ เมื่อเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่เอกสารฉบับหนึ่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค.เป็นระเบียบกระทรวงมหาดไทย ที่มีเนื้อหาเปลี่ยนหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นจ่ายเงินให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ต้องไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ ตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด 

ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.พรรคเพื่อไทย วิจารณ์ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นการวางยารัฐบาลใหม่ การเปลี่ยนเกณฑ์จ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นการเลือกปฏิบัติ ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกลวิจารร์การเปลี่ยนเกณฑ์จากถ้วนหน้าเป็นพิสูจน์ความจนครั้งนี้ว่าเป็นการลักไก่ของรัฐบาลประยุทธ์ กระทบกับสิทธิของประชาชนอย่างร้ายแรงมาก 

ทำให้ต่อมา เกิดการรวมตัวชุมนุมยื่นหนังสือคัดค้านจากภาคประชาสังคมหลายองค์กร ในวันที่ 17 สิงหาคม