เรื่องสั้น : ส่วนประกอบของบทกวี

เหตุผลที่พวกเขาชวนผมมาอ่านบทกวี–ก่อนที่จะเกิดเรื่องอับอายขายหน้าในวันครบรอบวันเกิดร้านขลุ่ยผิว ร้านอาหารกึ่งผับเรียบคลองชลประทานเชียงใหม่ ในเวลาที่ท้องฟ้ามืดลงและไม่มีใครรู้ว่ามีกลุ่มควันลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศเดือนมีนาคม–เพราะบทกวีชิ้นแรกของผมเพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้เงินมาสี่หมื่นบาท วางแผนไว้เสร็จสรรพจะแบ่งใช้ให้พอในระหว่างตกงาน

“บทกวีก็คืออะไร?” นายม่อต้อผมรองทรงสวมแว่นสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าคอนเวิร์สผู้สนใจในบทกวีของผมเริ่มต้นถาม

“ถ้าพูดอย่างที่ฉันเข้าใจ บทกวีก็คือบันทึกความรู้สึกของนายไงล่ะ มันต่างจากเรื่องสั้นและนิยายตรงที่นายไม่ต้องสนใจโครงเรื่อง ไม่ต้องสนใจว่าอนาคตนายจะเป็นอย่างไร ขุดเอาความรู้สึกของนายออกมา ขุดออกมาเยอะๆ ขุดออกมาให้หมด ขุดภาพที่นายเห็นในความคิดแล้วบรรยายออกมาอย่างสัตย์ซื่อ เปล่งเสียงออกมาให้ถูกจังหวะ จังหวะที่นายคิดในใจว่า ใช่! แบบนี้แหละ!” ผมเขียนด้วยความเร็ว 1594.0972222222222222222222222222 ลบ.ม./วินาที ลงในกระดาษจดขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือ

“นายต้องตะโกนออกมา ด้วยความเร็วหนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบสี่จุดศูนย์เก้าเจ็ดสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพราะมันจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารของนายขู่คำรามต่อผู้มีอำนาจบาตรใหญ่อย่างสัตย์ซื่อ”

“กูหิว!” เด็กสาวโต๊ะข้างๆ บอกกับเด็กสาวอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน

ส่วนคนที่กดหัวเราให้จมลงในดินจนกลายเป็นเพียงก้อนดินก้อนหนึ่งตะโกนลงมาจากฟากฟ้า “ไอ้เมล็ดอัลมอนด์ใต้ทาลามัสในกะโหลกชักจะเอาใหญ่!”

“นายคงจำช่วงแรกของบทกวีของฉันได้ใช่ไหม ไอ้เมล็ดอัลมอนด์ใต้ทาลามัสในกะโหลกจะสั่งให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารขนาดหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดจุดสามล้านลูกบาศก์เมตรทะลักออกมาด้วยความเร็วหนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบสี่จุดศูนย์เก้าเจ็ดสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองสองลูกบาศก์เมตรต่อวินาที”

“ดีที่หมี่ผัดฮกเกี้ยนช่วยชีวิต…ฉันจำได้”

“ใช่ ถ้านายหิว นายก็ต้องกิน คิดให้เร็ว ไม่งั้นนายก็ต้องอดตาย มนุษย์ไม่ควรจะตายเพราะความหิว มันเป็นการตายที่ทรมานที่สุด นายจะต้องตายเพราะความโง่ของตัวเองอย่างนั้นหรือ โถ คงไม่มีอะไรน่าสมเพชไปกว่านี้อีกแล้ว”

ขนาดคนเร่ร่อนที่ตระเวนเก็บขยะบนถนนห้วยแก้ว คนที่ใส่เสื้อสโมสรฟุตบอลเอซีมิลาน ได้เงินมาเขาก็เอาไปซื้อข้าวกิน ซื้อหนังสือพิมพ์อ่าน พวกนี้ไม่ใช่คนขอทาน แต่คุณก็ต้องระวังไม่ให้จิตใต้สำนึกรู้สึกอยากจะปันอะไรให้เขา เพราะนั่นแสดงว่า คุณมองเขาเป็นแค่ขอทาน ขอทานตัวจริงอยู่นู่น! แก๊งบนฟ้าหน้าจอ

“มองที่หน้าจอสิ” ผมไถไอแพดของผมไปให้เขาที่สองนาฬิกา

“ลองมองหาตัวเลข 137.73 ว่าคืออะไร ติ๊กต่อกติ๊กต่อก เอ้า! เสิร์ชกูเกิลเลยสิ! คิดให้เร็วหน่อย ไม่งั้นนายก็ต้องอดตายนะ”

ระหว่างนั้นและก่อนที่นายม่อต้อจะพูดคำว่า

“อ๋อ” ผมก็ได้อธิบายว่าตัวเลข 137.73 รวมกับหน่วยวัดปริมาตร ล้าน ลบ.ม. คือปริมาณน้ำที่ระบายมาจากเขื่อนภูมิพลเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554 ซึ่งถ้าคำนวณแล้วจะเท่ากับความเร็ว 1594.0972222222222222222222222222 ลบ.ม./วินาที ก็เป็นอะไรที่สอดคล้องกับ “น้ำย่อยในกระเพาะอาหารของนาย”

“ใช่!” ผมว่า และมันก็เป็นวันเดียวเดือนเดียวกับที่ผมเคยรู้สึกหิวโหยเป็นครั้งแรกในชีวิตระหว่างที่ผมตกงาน แล้วก็ได้งาน แล้วก็ตกงาน แล้วก็ได้เงินมาก้อนหนึ่งสี่หมื่นบาท

“นายก็เลยไม่ต้องทนกินหมี่ผัดฮกเกี้ยนถุงละยี่สิบห้าบาทอีกแล้ว?”

ผมส่ายหน้า “เดี๋ยวนี้ถุงละสามสิบ”

หมี่ผัดฮกเกี้ยนเคยถุงละ 25 บาท ก็จริง แต่ราคา ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2559 ใส่หมูสับ กุ้งแห้ง ต้นหอม และผักชี

“ตอนนั้นฉันกินเหมือนพระ วันละมื้อ เดือนหนึ่งใช้เงินไปแค่ 750 บาท”

ยากจนที่สุดในชีวิต แต่ก็คงไม่ใช่คนที่ยากจนที่สุดในโลก ในฐานะคนเขียนหนังสือ หากต้องเขียนคำว่า จน ผมว่าผมเขียนถูกต้องและชัดเจน

“ความยากจนมันทำให้เครียดนะ ฉันแทบไม่อยากพูดคุยอะไรกับใคร รู้สึกตัวเองตัวเล็กจิ๋ว โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเมียของฉัน ตอนนั้น หรือตอนนี้ เราก็ไม่ได้ใช้กระเป๋าสตางค์ร่วมกันอยู่ดี แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ให้ฉันหยิบยืมเงินของเธอได้บ้าง และบางวันฉันก็ต้องพาเธอไปซื้อของในห้าง มองดูเธอจับจ่ายใช้สอยเงินที่เธอหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงอย่างน่าอิจฉา จำภาพเมื่อเย็นวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ได้แม่น เธอหยิบของมา 5 ชิ้น ในร้าน Moshi Moshi มีกระเป๋าเป้ กระเป๋าอเนกประสงค์ รองเท้า หมวก และก็แว่นตากันแดด ทั้งหมดรวมกัน 750 บาท เท่ากับเงินค่าอาหารของฉันทั้งเดือน”

“นายอยู่ได้ไง”

“ฉันก็เคยสงสัย แล้วก็อดคิดไม่ได้ด้วยว่าคนที่โดนฤทธิ์น้องน้ำเมื่อปีห้าสี่ก็คงทุกข์ไม่แพ้กับที่ฉันทุกข์”

ผมส่ายหัวด้วยความอเนจอนาถใจ ยกเบียร์ซดอีกอึกสองอึกใหญ่ๆ เด็กสาวโต๊ะข้างๆ ที่บ่นว่าหิวพูดกับเพื่อนของเธอ “ไม่แพงนะ” ผมคิดว่าเธอกำลังพูดถึงค่าอาหาร

“ไม่แพงๆ” เพื่อนของเธอก็ว่า แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคาอาหารร้านนั่งกินอื่นๆ ผมว่า “ที่นี่แพงไป” ผมบอกนายแว่นเสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าคอนเวิร์ส

“ถ้าพวกเขาไม่ชวนฉันมากินฟรีฉันก็คงไม่มา”

ผมแค่นหัวเราะ เริ่มพูดจาเสียงดัง ฤทธิ์ของแอลกฮอล์ที่หมักจากธัญพืชอะไรสักอย่างทำเอาเลือดลมไหลเวียนดีแท้ ผมกับนายแว่นคอนเวิร์สเปลี่ยนไปคุยกันเรื่องผลบอลเมื่อคืน วนเวียนอยู่กับการวิพากษ์วิจารณ์ พอล ป๊อกบา ที่เสือกทะลึ่งเหยียบข้อพับของ เอ็กเตอร์ เบเยริน จนโดนใบแดงแล้วนัดหน้าก็ไม่ได้ลงดวลกับทีมร่วมเมือง ผลปรากฏ แพ้ไป 1-2 เบียร์ขวดสุดท้ายพร่องแล้ว เบียร์ฟรี กับแกล้มฟรี ความเงียบสงัดในห้วงจักรวาลก็ฟรี

ผมรู้สึกว่าเราควรจะคุยกันต่อ แต่ผมก็ไม่สามารถจะสั่งอะไรได้ อาหารราคาแพงหูฉี่ นายแว่นจ้องหน้าผม หยิบขวดเบียร์ที่พร่องเหลือก้นขวดขึ้นมาเหวี่ยงเล่นให้ของเหลวในนั้นวิ่งวนเป็นวงเหมือนรถไต่ถัง

ผมรู้ทันทีว่ายังไงสุดท้ายผมก็ต้องควักเงินจ่าย สายตาอากัปกิริยาของเขาช่างกดดันผมเสียเหลือเกิน ไอ้เวรเอ้ย! สายตาเหมือนพวกขอทานที่ชอบมายืนแบมือขอเงินไม่มีผิด คุณอายที่สายตาของคนรอบข้างกำลังจับจ้องมาทางคุณ กำลังคิดว่าคุณจะมีน้ำใจหรือไม่ และผมก็อยากจะให้ใครสักคนมาฟังเรื่องที่ผมยังเล่าไม่จบ

ผมหันซ้ายหันขวาแล้วพอเห็นพนักงานสบตามาผมก็ตะโกนสั่ง “ลีโออีกขวดน้อง”

หนึ่งในเจ้าของร้านเมื่อได้ยินผมสั่งเบียร์เพิ่มก็เรียกเด็กเสิร์ฟคนนั้นเข้าไปคุยกระซิบกระซาบอะไรสักอย่าง ซึ่งผมคิดว่าเขาน่าจะบอกลูกน้อง ขวดนี้ไม่ฟรีแล้วนะ

เรานั่งดื่มและคุยเรื่องบทกวีที่ยังคงค้างคาอยู่ในช่วงสุดท้าย เขาควักเงินจ่ายค่าเบียร์ ผมคิดผิดเรื่องนั้น แต่ก็คิดถูกเรื่องที่ว่า ขวดนี้ไม่ฟรี ฟรีเฉพาะสามขวดที่ฟาดไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว

เงินสี่หมื่นผมต้องจัดการชีวิตให้ดี ไม่ใช่เป็นการอยู่อย่างพอเพียง แต่เป็นการอยู่เพื่อรอที่จะทำมาหากินให้ได้ต่อไป ไม่ใช่ทำแล้วก็ลาออก แล้วก็ลาออก ฉะนั้น ผมจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดี ให้รัดกุม (คงไม่ต้องพูดซ้ำซากว่ามันไม่ใช่การอยู่อย่างพอเพียง) เงินสี่หมื่น เงินต่อชีวิต เงินต่อลมหายใจ บทกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล

ความยากจนเป็นคุณสมบัติสำคัญของพระเอก ส่วนนางเอกจะมีรูปร่างหน้าตาเซ็กซี่และนมโตนิดหน่อย เอาเป็นว่าผมยกให้เด็กสาวโต๊ะข้างๆ ที่บ่นว่าหิวเป็นนางเอกก็แล้วกัน (เซ็กซี่และนมโตนิดหน่อย) และเธอก็ไม่สนใจด้วยว่าพระเอกจะรวยหรือจะจน จะผอมหรือจะอ้วน เธอสนใจเพียงแค่อะไรที่ผมเขียน อะไรที่ผมกำลังอ้าปากเปล่งเสียงออกมาจากจิตวิญญาณที่พุพัง

ผมลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ด้วยความเมามายราวกับรถพ่วงสิบแปดล้อเบรกแตกที่ไม่มีอะไรจะสามารถหยุดยั้งโชเฟอร์อย่างผมได้ แม้คุณจะสั่งให้สิบเอกสไนเปอร์สักนายซุ่มยิงผมจากมุมสูงเข้าที่ศีรษะท้ายทอยด้านขวาทะลุท้ายทอยด้ายซ้ายจนผมฟุบตายคาพวงมาลัย แต่วิญญาณของผมจะไม่ตาย วิญญาณของผมสวมเกราะกันกระสุนที่สามารถกันทุกอย่างได้แม้กระทั่งเสียงของคนรอบข้างในตอนนี้ ผมไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงที่ผมกำลังตะโกนขับขานบทกวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล

“ในวันที่ภูมิตกงาน ขอเงินเมียใช้ ~ ไอ้เมล็ดอัลมอนด์ใต้ทาลามัสในกะโหลกชักจะเอาใหญ่ ~ มันสั่งให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ขนาด 137.73 ล้าน ลบ.ม. ~ ไหลออกมา ด้วยความเร็ว 1594.0972222222222222222222222222 ลบ.ม./วินาที ดีที่หมี่ผัดฮกเกี้ยนช่วยชีวิต ~ หมี่ผัดฮกเกี้ยนถุงละ 25 บาท ราคา ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2559 ใส่หมูสับ กุ้งแห้ง ต้นหอม และผักชี ~ ภูมิกินทุกวัน วันละมื้อ 25 คูณ 30 เท่ากับ 750 ~ ราคาเดียวกับสินค้า 5 ชิ้นรวมกัน ที่ปูซื้อมาจากร้าน Moshi Moshi เมื่อวาน ~ มีกระเป๋าเป้ กระเป๋าอเนกประสงค์ รองเท้า หมวก และแว่นตากันแดด ~ ไม่แพงเลยนะ ภูมิว่า ปากเคี้ยวเส้นหมี่หนึบหนับ ~ ไม่แพงๆ ปูก็ว่า เมื่อเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันที่ร้าน MUJI ~ จริงๆ ไม่มีอะไรแพงทั้งนั้น แม้นั่นจะเป็นการเปรียบที่ไม่ถูกต้อง หากเธอซื้อมันมาด้วยเงินของตัวเอง ~ กลับกัน ในวันที่ภูมิตกงาน ขอเงินเมียใช้ หมี่ผัดฮกเกี้ยนถุงละ 25 บาท จึงต้องแพงแน่ๆ ~ เราไม่เคยลืมกันด้วยความรักและห่วงใย ปูพูดปลอบ พร้อมกับยื่นอิชิตันกรีนทีรสน้ำผึ้งผสมมะนาวให้ ~ ทุกอย่างเริ่มใหม่ได้ คุณตันก็เคยว่าไว้เหมือนกัน”

แทนที่ทุกคนจะลุกขึ้นปรบมือด้วยความตื่นตะลึง (คนอะไรคิดบทกวีที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้)

ทว่า ทุกคนกลับเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มีแต่เด็กสาวที่ผมยกให้เป็นนางเอกกำลังหัวเราะคิกคักและผมก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังหัวเราะห่าอะไรของเธอ แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก ผมย่อตัวแล้วก็ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกอีกหนึ่งอึกด้วยความกระหาย เจ้าของร้านขลุ่ยหิวขลุ่ยเหี้ยขลุ่ยห่าอะไรสักอย่างที่กำลังกระซิบกระซาบบอกกับลูกน้องร่างยักษ์คนหนึ่งแล้วมันก็เดินเข้ามาหาผมด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร

ผมรีบชิงตะโกนบอก “จะกลับแล้ว!”

แล้วผมก็ลงจากโต๊ะ เดินออกจากร้านไปอย่างเงียบเฉียบ ผมได้ยินเสียงคนพูดคุยกันถึงผมให้หลัง แต่เมื่อผมเดินห่างออกไป เสียงเหล่านั้นก็เริ่มจางลง ไม่มีใครตามผมมา แม้กระทั่งนายม่อต้อที่ตอนแรกดูเหมือนว่าอยากจะเรียนรู้ในกลวิธีการประพันธ์บทกวีของผมก็ไม่ได้ตามมา นางเอกของผมก็ไม่ได้ตามมา

ผมเดินไปไกลในความมืดมิดบนถนนเรียบคลองชลประทาน มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานจนขาของผมเริ่มปวดเมื่อย

จู่ๆ ผมก็ตัดสินใจเดินตัดไปที่กลางถนน ยืนนิ่งงันรอให้รถสักคันวิ่งเข้ามาชนเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง และก็เป็นอย่างที่ผมเดาไว้ไม่มีผิด ไม่มีรถสักคันพุ่งเข้ามาชนผม จะเฉี่ยวสักนิดก็ไม่มี พวกเขาแล่นเข้ามาใกล้แล้วก็หักพวงมาลัยหลบทัน ผมยังไม่ตาย

ผมยังต้องกลับไปคืนเงินเมียก่อนถึงจะตายได้ เมียผมสั่งเอาไว้