ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 มิถุนายน 2560 |
---|---|
ผู้เขียน | อภิชยา |
เผยแพร่ |
ผมรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่โง่เง่า ไร้หัวคิด นักศึกษาที่ทุจริตในการสอบต้องถูกลงโทษหนักถึงขั้นพักการเรียน สถานภาพจะถูกเปลี่ยนเป็นจำเลยสังคม
แต่เวลาที่จนตรอก หนทางสุดท้ายถูกหยิบขึ้นมาใช้ สิ่งที่ผมมองเห็นไม่ใช่ผลกระทบร้ายแรงที่อาจตามมา แต่เป็นทางรอดที่มีอยู่น้อยนิด…ในอุโมงค์มืดทึบ ผมสนใจแค่แสงสว่างเท่ารูเข็มนั่นเท่านั้น
ผมเหลือบมองอาจารย์คุมสอบ เขาเป็นชายร่างท้วมวัยห้าสิบปลาย ผิวคล้ำ ผมดำหยาบจากการโกรกอย่างไม่พิถีพิถัน ริมฝีปากหนาเตอะของเขาเหยียดเป็นเส้นตรง ดวงตาดุดัน…ในบรรดาอาจารย์ทั้งหมดที่ผมรู้จักในมหาวิทยาลัย เขาดุที่สุด เฮี้ยบที่สุด และขึ้นชื่ออย่างยิ่งในเรื่องความสุจริต ทุกปีจะมีนักศึกษาที่ทุจริตการสอบถูกสั่งพักการเรียนเสมอ และเกือบทั้งหมดถูกจับทุจริตได้ด้วยฝีมือของอาจารย์ผู้นี้
เขาคือเพชฌฆาตประจำห้องสอบ
ผมรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นเสี่ยงมาก อนาคตของผมจะหายวับทันทีหากถูกจับได้ว่าโกงข้อสอบ…แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
เกียรตินิยมอันดับหนึ่งต้องเป็นของผม…
รถสปอร์ตคันงามที่พ่อสัญญาว่าจะซื้อให้กำลังรอคอยผมอยู่
นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่ผมได้รับมอบหมายให้คุมสอบนักศึกษา ผมรับหน้าที่นี้มาแทบตลอดชีวิตการเป็นครู ไม่เคยว่างเว้นแม้สักภาคการศึกษาเดียว ขณะที่ครูคนอื่นยังมีสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ้าง
ทำไมทุกคนถึงอยากให้ผมคุมสอบน่ะหรือ ก็เพราะผมไม่เคยปล่อยให้พวกขี้โกงหลุดรอดสายตาไปได้แม้แต่ครั้งเดียว…ผมเคยได้ยินใครบางคนตั้งฉายาให้ผมว่าเพชฌฆาต สำหรับผมนั่นเป็นเรื่องน่าขบขันสิ้นดี
ผมไม่เคยเข้าใจว่าอะไรกันที่ทำให้นักศึกษาพวกนั้นตัดสินใจทุจริต รู้ว่าผิดก็ยังทำ โกงข้อสอบแล้วได้อะไร ความภูมิใจงั้นหรือ คะแนนสอบมีค่ากว่าความถูกต้องตั้งแต่เมื่อไรกัน เด็กพวกนั้นถูกอบรมบ่มนิสัยมาแบบไหนถึงได้รักสบาย หวังจะคว้าความสำเร็จแบบง่ายดายเช่นนี้
ผมเองก็มีลูกชายอยู่ในวัยเรียน เลี้ยงเขามากับมือ อบรมสั่งสอนให้รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่คดโกง ซื่อสัตย์ต่อตนเองและหน้าที่ คนเราเสียชีพดีกว่าเสียสัตย์ ซึ่งเขาก็เคารพและเชื่อฟังผมเสมอมา ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง อีกทั้งผลการเรียนยังโดดเด่น เป็นที่รักของครูและเพื่อน ทุกคืนเขาจะเก็บตัวอยู่ในห้องเพื่อท่องตำราอย่างหนัก ความประพฤติที่ดีในทุกๆ ด้านของเขาทำให้ผมได้รับรางวัลพ่อดีเด่นถึงสามปีซ้อน…ไม่มีอะไรจะทำให้ผมภูมิใจได้มากเท่าลูกชายคนนี้อีกแล้ว
ความชื่นชมที่ผมมีต่อลูกชายต้องยุติลง เมื่อสายตาผมเหลือบเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติจากนักศึกษาชายคนหนึ่ง…ดูเหมือนผมจะจับคนโกงได้อีกคนแล้ว
มันเป็นเสียงโทรศัพท์ที่ฟังแล้วเจ็บปวดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตผม เมื่อคนที่โทร.เข้ามาคือเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัย แจ้งว่าลูกชายของผมถูกจับทุจริตได้ในห้องสอบ
ไอ้ลูกระยำ!
ผมรับราชการตำรวจมาครึ่งชีวิต ไต่ขึ้นมาจากชั้นประทวนจนทุกวันนี้ได้เป็นถึงผู้กำกับการ มีคนนับหน้าถือตา ไปไหนก็มีแต่คนยกมือไหว้ สรรเสริญเยินยอ เอาอกเอาใจ ผมเคยสร้างผลงานชิ้นสำคัญมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติดและการค้าประเวณี…ใครๆ ก็ชื่นชมว่าผมเป็นตำรวจตงฉิน ไม่โกงกิน
แต่ลูกชายคนเดียวกลับถูกจับได้ว่าทุจริตการสอบ!
โกงยังไงของมันให้โดนจับได้!
ผมแทบอยากจะเอาถังคลุมหัวตอนที่เดินเข้าไปในห้องประชุมของมหาวิทยาลัย อยากตัดหางปล่อยวัดไอ้ลูกระยำเสียให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น…ครั้นจะเพิกเฉยก็ทำไม่ได้ ผมเป็นผู้ปกครองเพียงคนเดียว และบรรดาอาจารย์ก็รู้จักผมเป็นอย่างดี
ผมเคยแต่เรียกตัวผู้ต้องสงสัยมารับทราบข้อกล่าวหา ใครจะคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมารับฟังข้อกล่าวหาลูกชายตัวเอง
มันโดนพักการเรียนหนึ่งเทอมในเบื้องต้น…จากที่กำลังจะเรียนจบ ก็ต้องเลื่อนออกไปอีก
ในบรรดาอาจารย์ที่เป็นคณะกรรมการสอบสวนความผิดของลูกชายผม มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนคุมสอบที่จับได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น เมื่อผมสบตาเขา ผมเห็นแววดูถูก เย้ยหยันจนน่ากระทืบ
ท่าทางมันคงสะอกสะใจมากที่ฉีกหน้าผมได้
ผมเหลือบมองไปทางลูกชายซึ่งจนตอนนี้ยังเอาแต่นั่งก้มหน้านิ่ง
“ผมจะบริจาคเงินให้ทางมหาวิทยาลัยล้านนึง แลกกับการที่ลูกชายผมจะไม่ถูกพักการเรียนและให้เรื่องนี้จบ”
ผมตัดสินใจยื่นข้อเสนอต่อคณะกรรมการสอบสวน รู้ว่าเสี่ยง แต่นี่คือวิธีที่ใช้ได้ผลมาตลอดในสังคมนี้ คณะกรรมการมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างหารือ
“ผิดก็ต้องว่าไปตามผิดสิครับ ตอนโดนจับได้ นักศึกษาคนอื่นในห้องก็เห็นกันหมด ขืนอนุโลมให้ลูกชายคุณ คนอื่นก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่างเพราะคิดว่าเงินซื้อความถูกต้องได้” ไอ้อาจารย์ที่จับทุจริตลูกชายผมได้พูดเสียงหยัน
“สองล้าน” ผมต่อรอง
“นี่คุณคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในงานประมูลความถูกต้องเหรอครับ” มันย้อนถามผม
“ผมต้องการคุยกับอธิการบดี” ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ต้องมีทางออกที่สวยสำหรับผมและลูก
“น่าเศร้านะครับที่ผมกับคนอื่นๆ ต้องมาทนฟังอะไรแบบนี้…คุณอยู่ในเครื่องแบบตำรวจแท้ๆ…ผมรู้คำตอบแล้วละว่าลูกชายคุณขี้โกงเหมือนใคร”
เลือดลมในตัวผมฉีดพล่าน ถ้าไม่ติดว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย ไอ้ระยำนี่โดนเป่าร่วงแน่!
การสอบอันน่าเบื่อหน่ายเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่สำหรับผมความเบื่อไม่เคยสิ้นสุด ผมมองกองหนังสือสูงท่วมหัวแล้วรู้สึกอยากจุดไฟเผามันทิ้ง ดีไม่ดีผมอาจกระโจนเข้ากองไฟแล้วมอดไหม้ไปพร้อมกับมัน
อย่างน้อยก็จะได้หลุดพ้นจากเรื่องที่ต้องเผชิญอยู่ทุกวัน
พ่อจะรู้ไหมว่าการต้องทนฟังเรื่องความดี ความซื่อสัตย์ทุกวี่วันมันเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียนสำหรับผม…เสียชีพได้แต่อย่าเสียสัตย์งั้นหรือ? น่าขำชะมัด เมื่อไรพ่อจะเลิกมองว่าผมเป็นสัตว์ในคอกเล้าแห่งคุณงามความดีซะที
จะว่าผมเลวก็ได้ แต่พ่อนั่นแหละที่ทำให้ผมหมดศรัทธาในความดีมากขึ้นทุกวัน
พ่อพูดพร่ำ สั่งสอนให้ผมทำดี ในขณะที่ตัวพ่อเองไม่ได้ทำความดีอะไรนอกเหนือจากคอยจับผิดความชั่วของคนอื่น…สำหรับผมการแฉความชั่วของคนอื่นกับการทำความดีเป็นคนละเรื่องกัน คนชั่วก็แฉคนชั่วได้ การป่าวประกาศความชั่วคนอื่นไม่ได้ทำให้ใครกลายเป็นคนดีขึ้นมาจริงๆ หรอก
ยิ่งพ่อเอาเวลาไปตีแผ่ความชั่วของคนอื่นให้โลกรู้เท่าไร พ่อก็ยิ่งสูญเสียเวลาในการทำดีของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
ในฐานะอาจารย์ พ่อทำถูกต้องที่จับนักศึกษาทุจริตการสอบ พ่อเป็นครูที่สง่างาม แต่ในฐานะพ่อ…ผมว่าพ่อล้มเหลวไม่เป็นท่า
พ่อจับผิดพฤติกรรมเพื่อนผมทุกคน จนในที่สุดผมก็กลายเป็นคนไร้เพื่อนสนิท ไม่มีใครกล้าเหยียบมาบ้านผม ทุกคนล้วนเอียนกับนิยามความดีของพ่อ…กระทั่งเพื่อนบ้านก็ยังหนีไม่พ้นคำวิจารณ์เชิงลบและการจ้องจับผิดของพ่อ ทั้งที่บางเรื่องเป็นแค่เรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็สามารถทำผิดพลาดได้
ทุกวันนี้ผมเลือกเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง อ้างกับพ่อว่าอ่านหนังสือ…เพียงเพื่อจะได้ใช้เวลาอยู่กับพ่อให้น้อยที่สุดก็เท่านั้นเอง
คืนนี้ผมจะไปฉลองสอบเสร็จกับเพื่อนๆ…พ่อที่แสนดีของผมรู้แล้ว และไม่ได้ขัดข้องอะไร เพียงแต่ย้ำว่าอย่าไปทำเรื่องผิด จะทำอะไรให้นึกถึงความถูกต้อง
ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องผิดในความหมายของพ่อมีอะไรบ้าง เหมือนที่ผมไม่รู้เลยว่านอกจากการจับผิดชาวบ้านแบบที่พ่อชอบทำ ยังมีอะไรอีกบ้างไหมที่เป็นเรื่องถูกต้อง
ผมรู้แค่ว่า ความดี ความชั่ว มันสอนกันด้วยคำพูดไม่ได้
นอกจากปวดกบาลเรื่องลูกชายถูกจับได้ว่าโกงข้อสอบแล้ว ผมยังต้องมาหัวหมุนกับคำสั่งจากเบื้องบนให้ทำผลงานใหม่ คืนนี้ผมจึงวางแผนจะนำทีมบุกตรวจผับชื่อดังด้วยตัวเอง ผับนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน อัตราการมั่วสุมสูง แต่ละคืนมีลูกค้าหมุนเวียนเข้าออกหลายร้อยคน
วิธีการก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ผมแจ้งไปทางเจ้าของผับล่วงหน้าว่าจะไปตรวจ ที่ต้องแจ้งก็เพราะว่าผับนี้จ่ายส่วยให้ผมเป็นประจำ คืนนี้บุกตรวจ อาจจะสร้างความวุ่นวายหน่อย เจ้าของผับคงไม่ชอบใจนัก แต่พอเสนอส่วนลดค่าส่วยก็ไม่มีใครปฏิเสธลงแล้ว แถมยังยินดีช่วยจัดฉากสร้างผลงานด้วยการใส่ยาเสพติดเล็กๆ น้อยๆ ลงไปในแก้วเครื่องดื่มของนักท่องราตรีทั้งหลาย
เรื่องแบบนี้น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า…ไอ้พวกที่พูดว่าผมเป็นตำรวจตงฉินก็ล้วนแต่เป็นคนที่จ่ายส่วยให้ผมทั้งนั้น อวยกันเองเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าผมรุ่งโรจน์ ธุรกิจพวกมันก็โชติช่วง
สามทุ่มตรงก็ได้เวลาลงพื้นที่ตามแผนสร้างผลงาน…
ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาด จากการสุ่มตรวจเยี่ยว วัยรุ่นยี่สิบเจ็ดคนมีสารเสพติดในร่างกาย ทั้งหมดถูกคุมตัวไปที่สถานีตำรวจ และใช้สิทธิ์โทร.หาญาติกันจ้าละหวั่น
หลังเสร็จภารกิจอันน่าเบื่อหน่ายผมก็เตรียมตัวกลับบ้านไปพักผ่อน ปล่อยให้ลูกน้องจัดการส่วนที่เหลือต่อ เมื่อเข้าไปนั่งในรถ ผมเห็นรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดด้วยความเร่งร้อน มันเป็นภาพที่เห็นจนชินตา เดาว่าคงเป็นญาติผู้ต้องหาคดีไหนสักคดี
ผมมองคนที่เปิดประตูพรวดพราดลงจากรถคันนั้น เพ่งมองจนแน่ใจ…ผมแทบจะหัวเราะออกมาลั่น ห่าเอ๊ย โลกกลมฉิบหายเลย!
ผมลงจากรถ เดินกลับเข้าไปในสถานีอีกครั้ง…
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมกำลังฉลองหลังสอบเสร็จ แล้วจู่ๆ ตำรวจก็กรูกันเข้ามาตรวจค้น ผมถูกต้อนไปพร้อมกลุ่มเพื่อน และถูกจับตรวจฉี่…ตำรวจตรวจพบสารเสพติดในฉี่ของผม
มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อผมไม่ได้เล่นยา ไม่เคยใช้สารเสพติด แม้แต่บุหรี่ผมก็ยังไม่เคยแตะต้อง เพื่อนผมอีกสี่ห้าคนก็ไม่ต่างกัน ตำรวจหัวหน้าชุดจับกุมคือพ่อของนักศึกษาที่พ่อผมเพิ่งจับทุจริตได้สดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ เมื่อคืนพ่อยังเล่าให้ผมฟังเรื่องที่ตำรวจคนนี้พยายามติดสินบนคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยลูกชายให้พ้นผิด
ตอนนี้ผมนึกอะไรไม่ออก มืดแปดด้าน
สิ่งเดียวที่รู้…พ่อผมกำลังมา
แปลกนะ…ทั้งที่กลัวและตกใจ แต่ผมกลับรู้สึกดีและสะใจอยู่ลึกๆ
พ่อผู้ชอบประจานความเลวของคนอื่นจะทำหน้ายังไงตอนที่รู้ว่าลูกชายตัวเองถูกจับข้อหาเสพยาเสพติด
พ่อผู้รักสัตย์ยิ่งชีพจะจัดการกับปัญหานี้ยังไง จะตัดหางปล่อยวัดผมหรือเปล่า
หลังเหตุการณ์วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะประจานผมเหมือนที่ทำกับคนอื่น หรือพ่อจะหยุดประจานคนอื่นเพราะกลัวตัวเองจะถูกขุดคุ้ยบ้าง
ในหัวผมมีแต่คำถาม ตื่นเต้น เป็นสุขที่เห็นคอกที่พ่อล้อมผมไว้กำลังพังพินาศ
พ่อเดินขึ้นบันไดโรงพักมาแล้ว สีหน้าของเขาเรียบเฉย แทบสัมผัสไม่ได้ถึงความตึงเครียด ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ผมคิดว่าพ่อจะมาพร้อมความเกรี้ยวกราดเสียอีก
ผมเพิ่งสังเกตว่านายตำรวจหัวหน้าชุดจับกุมเดินตามหลังพ่อมาติดๆ เขาพูดอะไรบางอย่างกับพ่อ แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินหายเข้าไปในห้องทำงานของนายตำรวจคนนั้น
ผมได้รับการปล่อยตัวในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ระหว่างทางกลับบ้าน พ่อเอาแต่นั่งเงียบ ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น เหมือนเขาถูกกลืนหายไปจากโลกนี้
จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำด่าของพ่อเมื่อคืน
“ไอ้ตำรวจนั่นต่อรองราคาน่าดู จะล้างความผิดให้ลูกชาย ล้างอายให้ตัวเอง มันทำอย่างกับประมูลซื้อขายความถูกต้อง…คนแบบนี้น่าสมเพช”
บางทีพ่ออาจเพิ่งเข้าร่วมประมูลซื้อขายความถูกต้องในห้องทำงานของตำรวจคนนั้นก็ได้
ผมนึกสงสัยว่าพ่อจะสมเพชตัวเองบ้างไหมนะ…