เรื่องสั้น : สอบ l ซ่อม

ในเช้าวันศุกร์ ที่ชั้น 2 อาคารเรียนรวมของมหาวิทยาลัย มันเป็นการสอบปลายภาควิชาภาษาอังกฤษสำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในห้องสอบที่มีผมนั่งสอบเลขที่ 1 มีนักศึกษาเข้าสอบทั้งหมด 36 คน นักศึกษาคนอื่นเข้ามานั่งก่อนแล้ว ส่วนผมมาช้า 15 นาที อาจารย์ผู้ชายผมยาวเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีแดง-ดำพยักหน้าให้แล้วผายมือเชิญผมเข้าประจำที่นั่ง ส่วนอาจารย์เสื้อโปโลสีฟ้ายืนสังเกตการณ์อยู่หลังห้องมองผมด้วยสายตาเป็นมิตร เป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวสำหรับการสอบเช้านี้

ผมได้เลขที่นั่งสอบหมายเลข 1 เป็นครั้งที่ 2 แล้วในวิชานี้ ทั้งที่ชื่อผมไม่ได้ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่ แต่เพราะเป็นนักศึกษาปีแก่กว่าคนอื่นในห้องเรียนวิชานี้ ขณะที่คนนั่งสอบถัดจากผมไม่เคยซ้ำหน้ามาสามเทอมแล้ว

ผมลงทะเบียนเรียนวิชานี้เป็นรอบที่สามแล้ว และหวังว่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี แม้จะด้วยเกรด D ก็เอาเถอะ ชั่วโมงนี้ ยังไงก็ได้ ขอให้ผ่านถึง 50 คะแนน เพราะผมต้องการไปจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว ก็มีแต่ภาษาอังกฤษตัวนี้ที่ทำให้ผมไม่อาจไปสู่เส้นทางการงานได้เหมือนเพื่อนๆ ร่วมรุ่น

แม้จะเป็นการลงเรียนครั้งที่ 3 แล้ว แต่ผมก็เลือกลงทะเบียนเรียนกับอาจารย์คนเดิม เพราะอาจารย์สอนสนุก สอนเข้าใจดี และนับแต่การเรียนครั้งแรก ผมก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผมเรียนวิชานี้ครั้งแรกตอนอยู่ปี 3 เทอม 2 ได้คะแนน 45 คะแนน-สอบตก สาเหตุที่สอบตกก็คือผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมขาดเรียน 3 ครั้ง และแต่ละครั้งอาจารย์ก็ทดสอบย่อย หรือ Quiz ครั้งละ 5 คะแนน เทอมนั้นผมรู้ชะตากรรมตัวเองว่าไม่น่าจะรอด เพราะคำนวณจากคะแนนสอบกลางภาคและคะแนนเก็บทั้งหมดที่อาจารย์แจ้งในระบบแล้วพบว่าผมจะต้องสอบปลายภาคให้ได้ 20 จาก 25 คะแนน ก็สอบตกสิครับ แต่ไม่เป็นไร แก้ตัวใหม่ตอนปี 4 เทอมต้น

ครั้นขึ้นปี 4 เทอมต้น ผมลงทะเบียนเรียนวิชานี้กับอาจารย์คนเดิมและอาจารย์ท่านก็จำผมได้แม่นยำ และพยายามขานชื่อให้ผมตอบคำถาม พยายามมอบหมายการบ้านให้ผมกับนักศึกษารุ่นน้องทำร่วมกัน ซึ่งข้อดีอีกอย่างของการเรียนกับอาจารย์ท่านนี้ก็คือ อาจารย์จะไม่สอนเป็นภาษาอังกฤษแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังใช้ภาษาไทยในการสอนด้วย ทำให้ผมรู้สึกมีความหวังว่ามันจะต้องผ่านไปได้แน่นอน ผมได้แต่นึกถึงหัวอกของพ่อ-แม่ที่ทำนาขายข้าวส่งเสียให้ผมซึ่งเป็นลูกคนเดียวได้เรียน พ่อ-แม่แกก็หวังว่า เมื่อเรียนจบแล้วผมจะได้ไปทำงานมีเงินมาจุนเจือแกบ้าง ที่สำคัญ แกก็หวังจะให้ผมได้สร้างเนื้อสร้างตัว มีครอบมีครัวและไม่ต้องลำบากยากจนเหมือนแกอีกต่อไป

สอบกลางภาคเทอมนั้นผมทำคะแนนพอได้ ขณะที่คะแนนเก็บของผมอยู่ในเกณฑ์มีลุ้นว่าสอบผ่าน ผมต้องการแค่ 5 คะแนนจากการสอบปลายภาคก็ได้เกรด D แต่ผมก็ติด F จนได้

ครั้นขึ้นปี 4 เทอมปลาย ผมจดๆ จ้องๆ จะลงเรียนวิชาภาษาอังกฤษสำหรับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกครั้ง แต่กลายเป็นว่าเทอมนั้นตารางเรียนวิชานี้ชนกับวิชาเอกที่ผมจะต้องลงเรียนเพื่อให้จบ เอาละสิ อนาคตวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาจุลชีววิทยา ลูกชายคนเดียวของชาวนายากจนแห่งบ้านโนนกาเล็นชักจะไม่แน่นอนซะแล้ว

ผมได้แต่เก็บงำความไม่ลงตัวของชีวิตและการเรียนเอาไว้ ไม่กล้าบอกพ่อ-แม่ตรงๆ ว่าเรียนไม่จบภายในสี่ปีตามหลักสูตร เคยพยายามต่อรองกับอาจารย์ภาษาอังกฤษและอาจารย์ที่สอนวิชาเอกเรื่องย้ายตารางเรียนแต่ไม่เป็นผล เพราะติดปัญหาวัน-เวลาที่อาจารย์ทั้งสองวิชาว่างนั้นเพื่อนร่วมกลุ่มเรียนก็ไม่ว่างกัน ครั้นจะถามว่ามีอาจารย์คนอื่นเปิดสอนวิชานี้อีกไหม เขาก็ล็อกเวลาของวิชานี้เอาไว้เวลาเดียวกันนี้ ด้วยเงื่อนไขห้องเรียนและตารางสอนของอาจารย์เช่นกัน

เต็มทีแล้ว ผมจึงบอกความจริงกับพ่อแม่ว่า อนาคตของลูกชายยังยาวไกลออกไปอีกเทอม

อาจารย์หนุ่มผมยาวเสื้อลายสก๊อตนำใบเซ็นชื่อมาให้ผมเซ็นพร้อมขอดูบัตรประจำตัวนักศึกษาแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะหน้าห้องเรียน ผม นักศึกษาปีสุดท้าย (ซึ่งฟังดูสุภาพกว่านักศึกษาปี 5 เทอมหนึ่ง) นั่งอ่านข้อสอบและตอบคำถาม พลางคิดทบทวนเนื้อหาการสอบวิชานี้เมื่อสองภาคการศึกษาก่อนหน้านั้น

ครั้งแรก คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาในกระชังกับระบบเกษตรพันธสัญญาของบริษัทอุตสาหกรรมการเกษตรยักษ์ใหญ่ของไทยที่มีชาวบ้านแถวริมน้ำหลายรายเข้าร่วมธุรกิจและเลี้ยงปลาในกระชังในลำน้ำ

ข้อสอบก็ถามทำนองว่า เมื่อจะทำสัญญาเลี้ยงปลาในกระชัง ในสัญญาจะระบุว่า ใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องค่ากระชัง ค่าพันธุ์ปลา ค่าวัคซีน ค่าหัวอาหาร? เมื่อเลี้ยงปลาแล้วปลาตายทั้งเพราะช็อกน้ำหรือสาเหตุอื่น บริษัทหรือคนเลี้ยงจะเป็นคนรับผิดชอบ? หากปลาที่เลี้ยงตาย ตามสัญญาสองฝ่ายนั้น คนเลี้ยงสามารถเอามาทำเป็นอาหารได้หรือไม่ เพราะอะไร? ผมก็ตอบไปตามที่เข้าใจจากเนื้อหาที่อาจารย์ให้มาอ่านในข้อสอบ ผลการสอบครั้งแรก ผมไม่ผ่าน

ครั้งที่สอง เนื้อหาข้อสอบกลางภาคเป็นเรื่องเกี่ยวกับศัลยกรรม ครึ่งแรกว่าด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์และการทำศัลยกรรม ครึ่งหลังว่าด้วยศัพท์เกี่ยวกับศัลยกรรม ว่าด้วยข้อดีข้อเสียของศัลยกรรม

ตอนทำข้อสอบกลางเทอมครั้งนั้นผมได้แต่นึกถึงเพื่อนผู้หญิงหลายคนที่เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการทำศัลยกรรมจมูกบ้าง ตาบ้าง คางบ้าง ปากบ้าง ทำนมก็มี หลายคนไม่มีเงินแต่อยากสวยก็เก็บหอมรอมริบจากการทำงานพิเศษ จากเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น บางคนบอกผมว่า การทำศัลยกรรมเป็นการลงทุนทางสรีระเพื่อสร้างโอกาสให้ชีวิต เพื่อนบางคนทำออกมาสวยงามเซ็กซี่ บางคนได้ทำงานพาร์ตไทม์เป็นสาวเชียร์เบียร์มีรายได้ดี บางคนก็ไปเป็นพริตตี้ตามงานอีเวนต์ เป็นโฆษกเสียงใสในที่ชุมชนคนพลุกพล่าน ในลานห้างสรรพสินค้า

เมื่อประกาศผลสอบกลางภาค ผมทำได้ 13 ส่วน 25 คะแนน ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีกว่าการเรียนครั้งแรก และอาจารย์ก็ให้กำลังใจว่า คุณน่าจะผ่านวิชานี้ได้และไม่ต้องมาเรียนกับครูจนเบื่อหน้าครู ผมได้แต่ยิ้มและขอบคุณอาจารย์ แต่ก็อย่างว่านั่นละ ในที่สุดผมก็ยังต้องมาสอบวิชานี้เป็นรอบที่ 3 ในเช้าวันนี้จนได้

รอบนี้ อาจารย์ผู้สอนย้ำกับผมหนักแน่นว่า คุณจะต้องสอบให้ได้ คุณคือความหวังของครอบครัว คุณอย่าปล่อยให้วิชานี้มันฉุดรั้งคุณจากอนาคต เรียนกับครูมาสองครั้งแล้ว ครูหวังว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก สู้ๆ นะคะ

ข้อสอบเทอมนี้เป็นเรื่องการตัดแต่งพันธุกรรม หรือ GMOs (1) ซึ่งในข้อสอบมีข้อถกเถียงเรื่องของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้าน ข้อความที่อาจารย์นำมาให้อ่านเพื่อตอบคำถามของฝ่ายสนับสนุนนั้นก็คือ การตัดแต่งพันธุกรรมมันช่วยแก้ปัญหาความอดอยากของประชากรโลก ช่วยเพิ่มผลผลิตและได้ผลิตผลที่แข็งแรง ส่วนฝ่ายต่อต้านนั้นก็บอกว่า นอกจากปัญหาเรื่องความปลอดภัยแล้ว ปัญหาสิทธิบัตร ปัญหาความมั่นคงทางอาหารเป็นสิ่งที่ฝ่ายสนับสนุนไม่ยอมพูดถึงว่า เมื่อเรายอมรับมันแล้ว เราจะสูญเสียอะไรบ้าง บทเรียนของชาวนาที่แคนาดาไม่เคยมีใครพูดถึง ข้าวโพดหรือมะละกอที่เกษตรกรไม่สามารถเอาเมล็ดพันธุ์มาขยายพันธุ์เองได้ไม่ได้ถูกอธิบาย

ผมอ่านข้อสอบแล้วก็เพลิดเพลินกับการถกเถียง แม้จะเป็นข้อความภาษาอังกฤษ แต่ผมก็รู้ว่า ผมจะเขียนอะไรลงในช่องว่างและรู้ว่าจะตอบอะไรในเชิงอธิบายเป็นประโยคสั้นๆ เท่าที่อาจารย์กำหนดไว้ ข้อสอบวันนี้ทำให้ผมคิดถึงการสอบเมื่อคราวที่แล้วที่ผมพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย

ไหนบอกมาซิ พ่อ-แม่คุณตื่นกี่โมง? ไหนบอกว่าคุณเป็นลูกชาวนา แค่ตื่นมาสอบเก้าโมงเช้าคุณยังตื่นไม่ได้ คุณเป็นลูกชาวนาแบบไหน? คำถามเชิงเหน็บแนมของอาจารย์คุมสอบปลายภาควิชานี้เมื่อครั้งก่อนตอนปีสี่เทอมต้นยังอึงอลในความคิดผม เมื่อผมไปทำเรื่องขอสอบนอกตาราง ผมก็ได้รับการปฏิเสธจากอาจารย์ผู้สอน คุณนอนตื่นสาย แล้วมาสอบไม่ทัน มันเกินกว่าที่ครูจะอนุญาตให้คุณสอบนะคะ หากเจ็บป่วยกะทันหันก็ว่าไปอย่าง แต่นั่นก็ต้องมีใบรับรองแพทย์ คุณนอนตื่นสายคุณจะเอาอะไรมายืนยันว่าคุณมีสิทธิ์สอบ และครูจะอธิบายกับนักศึกษาคนอื่นที่เขาเข้าสอบตรงเวลาได้อย่างไร อย่าทำให้ครูต้องทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ

ผมนอนตื่นสาย นั่นคือความสัตย์จริงที่ผมบอกกับอาจารย์ผู้คุมสอบ แม้ว่าก่อนหน้าที่ผมจะมาถึงห้องสอบตอนสิบโมง เพื่อนร่วมห้องมันจะบอกว่า มึงก็บอกอาจารย์เขาว่ามึงไม่สบายสิ แต่พอไปเจออาจารย์ผู้คุมสอบซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเอง ผมก็โกหกไม่ลง คำถามเรื่องลูกชาวนาจากปากอาจารย์ที่ปรึกษาที่หน้าห้องสอบกระหน่ำจนผมหน้าชาและเหลอหลากลับหอพักไม่เป็นท่า เพื่อนผมยังไม่หมดหวัง มันบอกให้ผมไปเอาใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาลแล้วมันจะช่วยแต่งเรื่องเพื่อให้ผมนำไปแจ้งกับอาจารย์ประจำวิชา แต่ผมฉีกใบรับรองแพทย์ทิ้งหลังจากบอกความจริงกับอาจารย์ผู้สอนไปว่า ผมมาสอบสายเพราะผมนอนตื่นสาย และสาเหตุที่ผมตื่นสายก็เพราะผมอ่านวิชาที่จะสอบนี้จนตีสาม จากนั้นก็หลับจนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก

เหลือเวลาอีกสิบนาที อาจารย์ผู้คุมสอบเสื้อฟ้าเงยหน้าจากโทรศัพท์ส่งเสียงบอกเวลา นักศึกษาคนอื่นออกไปหมดแล้ว ส่วนอาจารย์เสื้อลายสก๊อตนั่งอยู่ข้างหน้าผมกำลังจิ้มแป้นคีย์บอร์ดราวกำลังพิมพ์งานวิชาการอย่างเมามัน ผมอ่านทบทวนคำตอบข้อสอบปลายภาควิชาสุดท้าย ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด ผมจะกลับบ้านไปฉลองปีใหม่กับพ่อ-แม่และรอเริ่มต้นชีวิตใหม่

ลาก่อนมหาวิทยาลัย เจอกันใหม่ตอนรับปริญญา

สี่เดือนต่อมา ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นเฮฮาของผู้คนที่มาลุ้นผลการจับใบดำ-ใบแดงที่อาคารอเนกประสงค์ข้างที่ว่าการอำเภอ ผมจับได้ใบแดง ได้เป็นทหารเกณฑ์ผลัดสอง พ่อแม่ผมร้องไห้

กลายเป็นว่า อาชีพการงานการเงินที่ฝันใฝ่ถูกเลื่อนออกไป หนี้สินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่กู้มาก็ต้องส่งคืนล่าช้าออกไป นอกจากความเสียใจของพ่อ-แม่แล้วผมก็ไม่ต้องกังวลใดๆ ผมทำนาช่วยพ่อกับแม่ รอเวลาไปเป็นทหารเกณฑ์ผลัดสองช่วงปลายปี

ต่อเรื่องนี้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์รุ่นพี่มหาวิทยาลัยของผมที่ต้องยอมทำงานเป็น รปภ.ของมหาวิทยาลัยเคียงข้างกับ รปภ.ผู้พ่อของเขา จนกลายเป็นข่าวเรื่องความกตัญญูรู้คุณ แต่ไม่มีสักสำนักที่รายงานว่า ที่เขาไม่สามารถไปทำงานเป็นวิศวกรได้ก็เพราะเขาจับได้ใบแดง

ที่ต้องเป็น รปภ.ก็คือ ทำงานฆ่าเวลาก่อนจะไปเป็นทหารเกณฑ์ผลัดสองเหมือนผม

เพียงสัปดาห์ที่สามในค่ายทหาร ผมก็ถูกซ่อมจนสิ้นใจตายในสภาพร่างกายฟกช้ำ มีเลือดออกตามปากและจมูก

เบื้องต้นแพทย์แจ้งผลกับพ่อ-แม่ของผมว่า ผู้ตายมีเลือดคั่งในทรวงอก ปอด และหัวใจฉีก ม้ามแตก สาเหตุจากการโดนกระแทกอย่างรุนแรง

แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่านั้นคือ ไม่มีกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์หรืออาชญาวิทยาใดๆ ที่สามารถหาพยานหรือหลักฐานมาเอาความผิดใครได้เลย

(1) Genetically Modified Organisms