เรื่องสั้น : ขอเสียงหน่อย

ขจิตนุ่งกระโจมอกยืนตากผ้าอยู่ที่ราวเหล็กหลังบ้าน โดยไม่รู้ว่า ผช.ผญบ.อำนวยเดินเลาะระหว่างบ้านเช่าและบ้านของป้าเล็ก แม่ค้าขายผักฉายาหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านมายืนมองเธอเป็นนานสองนานแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง เหงื่อที่ไหลโซมออกตามรูขุมขนซึมซับกับผ้าซิ่นจนชุ่มแนบเนื้อขับเน้นรูปทรงโค้งเว้าสมสัดส่วนของครูสาววัยใกล้สี่สิบ เมื่อขจิตหันมาเห็นสายตาโลมเลียลามกนั้น เธอรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาคลุมปิดเนินหน้าอก แล้วเดินมาสนทนากับ ผช.ผญบ.อำนวย

“ผมมาเชิญครูไปร่วมประชุมเย็นนี้ที่ศาลาหมู่บ้านครับ” ผช.ผญบ.อำนวยแจ้งความประสงค์ แต่ยังจดจ้องเรือนร่างขจิตไม่วางตา

“ได้ค่ะ ขอบคุณ ผช.ผญบ.อำนวยที่อุตส่าห์มาเชิญถึงหลังบ้าน”

ขจิตตอบรับด้วยถ้อยคำที่สุภาพ แม้จะรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของ ผช.ผญบ.คนนี้

ขจิตย้ายมาเป็นครูประจำโรงเรียนแห่งนี้ได้ปีกว่าแล้ว เธอเลือกมาเช่าบ้านของป้าเล็กซึ่งปลูกติดกัน ไร้รั้วรอบขอบชิดจึงเดินไปมาหาสู่ได้สะดวก และเธอขอย้ายชื่อเข้าอยู่ตามทะเบียนบ้านหลังนี้ด้วย เพื่อความสะดวกในการติดต่อทำธุระกับส่วนราชการ

“ครูจิต ผช.ผญบ.อำนวยมาทำไม” ป้าเล็กเดินเลาะระหว่างบ้านเช่าเข้ามายืนถามแบบเสียงนำมาก่อนอย่างสนใจใคร่รู้ หลังจาก ผช.ผญบ.คนนั้นคล้อยหลังขึ้นรถยนต์กระบะสี่ประตูขับออกไปได้ไม่นาน

“เชิญไปประชุมค่ะ แล้วเขาได้ชวนป้าด้วยหรือเปล่า” ขจิตตอบและถามกลับ

“ไม่นี่ ประชงประชุมเรื่องอะไรที่ไหนกัน ทำไมป้าตกข่าว” ป้าเล็กสงสัยและรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนของหมู่บ้านนี้ ทั้งๆ ที่อยู่มาจนอายุเกือบเจ็ดสิบปีแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ป้าไปกับหนูนะคะ” ขจิตออกปากชวน เธอไม่กล้าไปคนเดียว

ที่ศาลาหมู่บ้านมีผู้คนมานั่งรอประชุมตามที่ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งให้ชาวบ้านเข้าร่วมปรึกษาหารือและขอมติสนับสนุนโครงการตามที่ทางเทศบาลจัดสรรงบประมาณมาให้ โดยที่ผู้ใหญ่บ้านเสนอให้ทำถนนคอนกรีตลาดเข้าไปให้ถึงสำนักสงฆ์ และน้าหมายเสนอให้ซื้อเครื่องกรองน้ำแบบหยอดเหรียญมาติดตั้ง จึงมีการพูดคุยเป็นกลุ่มย่อยซึ่งส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชาย ส่วนผู้หญิงนั่งอยู่อีกฝั่งเล่นไพ่เล่นบิงโกส่งเสียงเฮฮา

การประชุมเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อผู้เสนอโครงการทั้งสองคนต้องพูดถึงความจำเป็นของโครงการที่จะทำประโยชน์เพื่อคนในหมู่บ้านมากที่สุด แต่พอหยั่งเสียงที่จะลงมติยังดูก้ำกึ่ง ทั้งเห็นดีด้วยกับเครื่องกรองน้ำแบบหยอดเหรียญตามที่น้าหมายเสนอ เพราะจะทำให้ชาวบ้านได้ดื่มน้ำสะอาดและประหยัด ส่วนถนนคอนกรีตที่จะลาดเข้าไปให้ถึงสำนักสงฆ์นั้น ใครๆ ก็รู้ถึงจุดประสงค์แอบแฝงของผู้ใหญ่บ้าน สุดท้ายขจิตจึงยกมือขอเสนออีกโครงการ

ผช.ผญบ.อำนวยเชิญขจิตออกไปพูดข้อดีของโครงการถังขยะประจำบ้าน เธออธิบายให้ที่ประชุมฟังว่า แต่ละบ้านไม่มีถังขยะ ชาวบ้านจึงเผาขยะ เกิดกลิ่นควันที่เป็นอันตราย ส่งผลกระทบต่อโลกและสุขภาพ ถ้าแต่ละบ้านมีถังขยะก็จะช่วยลดปริมาณการเผาลงได้ เพราะต่างคนต่างเผา หมู่บ้านจึงปกคลุมไปด้วยกลิ่นควัน สงสารคนแก่และเด็ก อาจป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืดและมะเร็งได้ ขจิตกล่าวสั้นๆ แบบได้ใจความ และสรุปตอนจบด้วยคำพูดทีเล่นทีจริงว่าขอเสียงหน่อย ขอเสียงสนับสนุนโครงการนี้

แล้วผู้ใหญ่บ้านก็โพล่งขึ้นกลางที่ประชุมว่า ถ้าจัดให้มีการซื้อถังขยะมาวางตามหน้าบ้าน ชาวบ้านต้องเสียค่าจัดเก็บและกำจัดมูลฝอยให้กับทางเทศบาลหลังคาเรือนละ 50 บาท ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเริ่มไขว้เขว ส่งเสียงปรึกษาขอความเห็น เพราะต่างคนต่างไม่อยากเสียเงินส่วนนี้และการเผาแบบเดิมก็ยังไม่เกิดปัญหาตามที่ขจิตอธิบาย

เพื่อให้ได้ข้อยุติ ที่ประชุมจึงเปิดให้มีการลงมติ ผลปรากฏว่าโครงการทำถนนคอนกรีตได้ 43 เสียง เครื่องกรองน้ำแบบหยอดเหรียญ 40 เสียง และถังขยะประจำบ้าน 3 เสียง

คนที่ลงมติสนับสนุนโครงการของขจิตก็มีป้าเล็ก ผช.ผญบ.อำนวยและตัวเธอเอง สร้างเสียงโห่ฮาในที่ประชุม สุดท้ายโครงการทำถนนคอนกรีตก็ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมหมู่บ้าน

“ขอบคุณครูจิตที่มาร่วมประชุมและเสนอโครงการที่ดีมากในเย็นวันนี้นะครับ” ผู้ใหญ่บ้านอำนาจกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ ขณะขจิตกับป้าเล็กเดินออกจากศาลา

“ป้าเห็นด้วยกับครูนะ แต่เราจะไปสู้บรรดาพวกผู้ชายมันได้ยังไง ญาติพี่น้องของผู้ใหญ่ทั้งนั้นที่เข้าประชุม แล้วโครงการก็เอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องเห็นๆ อ้างชาวบ้านจะไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ได้สะดวก ทั้งๆ ที่มีบ้านคนไม่กี่หลัง ทำถนนผ่านสวนยางพารากับสวนปาล์มตัวเองและญาติพี่น้องต่างหาก ป้าละเหนื่อยจริงๆ” ป้าเล็กสาธยายความในใจออกมาขณะเดินกลับบ้านสองคนกับขจิต

“โครงการที่น้าหมายเสนอก็เข้าท่านะป้า” ขจิตเอ่ยขึ้นแบบขอความเห็น

“ก็เข้าเค้าเข้าท่ากว่าผู้ใหญ่บ้านมากเลยแหละ จริงๆ แล้วมันเป็นการคานอำนาจกันมากกว่า คราวที่แล้วสมหมายลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งหลังอดีตผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต แต่แพ้คะแนนเสียงเสียงเดียวด้วยนะ อีกอย่างใครจะไปยอม เมื่อหลานผู้ใหญ่บ้านทำธุรกิจโรงน้ำแข็ง ผลิตน้ำดื่มขาย”

“เป็นการชิงคะแนนนิยมในฐานเสียงของผู้ชายสองคนอย่างนั้นเหรอป้า แล้วสิทธิสตรีล่ะอยู่ไหน ทำไมไม่ให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในเรื่องพวกนี้บ้าง” ขจิตเอ่ยออกไปอย่างต้องการคำตอบ

“มีบทบาทส่วนร่วมอะไร หมู่บ้านนี้เขาให้ผู้ชายเป็นผู้นำ ส่วนผู้หญิงก็นั่งเล่นไพ่เล่นบิงโกโห่ฮาอย่างที่เห็น” ป้าเล็กพูดพร้อมกับส่ายหน้าระอาใจ

ขจิตกลับมาถึงบ้าน รีบอาบน้ำแล้วนอนอ่านหนังสือ แต่สมาธิไม่จดจ่อ ภาพการประชุมที่เพิ่งผ่านมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วยังวนเวียนอยู่ในหัว เธอคิดจะทำโครงการขยะแลกไข่ จะรีบนำเสนอผู้อำนวยการและอาจของบฯ สนับสนุนจากทางเทศบาลด้วย เพื่อให้นักเรียนรู้จักการแยกขยะ และขยะบางประเภทสามารถนำมารีไซเคิลหรือขายได้ แล้วกลิ่นเหม็นจากการเผาไหม้ก็ลอยเข้ามารบกวนถึงในห้องนอน ขจิตลุกออกจากเตียงยืนแนบหน้าต่างกระจก มองหากลุ่มควันว่าลอยมาทางทิศไหน ยิ่งดึกกลิ่นยิ่งรุนแรง ช่วงเช้าๆ แทบทุกบ้านต่างพากันลุกมาเผาขยะเหมือนพิธีกรรมอย่างหนึ่ง กลิ่นเหม็นไหม้จะปลุกขจิตเสมอ บางวันเธอเวียนศีรษะขณะขับรถไปโรงเรียน พวกชาวบ้านไม่เหม็นกันบ้างเหรอ หรือพวกเขาถูกปิดจมูก

ขจิตสงสัยและตั้งคำถามกับตัวเอง

“ครูจิตอยู่มั้ยคะ” ป้าเล็กยืนตะโกนอยู่หน้าบ้าน

“อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ กำลังไปเปิดประตู” ขจิตส่งเสียงสวนออกไป

“ค่ำนี้ว่างหรือเปล่า ป้าจะชวนไปงานศพตาชมที่สำนักสงฆ์ น่าสงสารแกนะ ป่วยเป็นมะเร็งตาย ป้าก็ไม่เคยเห็นแกสูบบุหรี่ นี่ยังสงสัย คนเขาลือกันมาแบบนี้ แล้วทางมันเปลี่ยว กลางค่ำกลางคืนหูตาป้าไม่ดี เอารถมอเตอร์ไซค์ของป้าไปนะ”

“ตาชมไหนป้า” ขจิตถาม

“ตกลงหนูไปใช่มั้ย ตาชมที่อยู่ข้างบ้านผู้ใหญ่นั่นแหละ แกมีศักดิ์เป็นลุงของสมหมาย” ป้าเล็กถามและขยายความเพิ่มเติม

ที่ศาลาสำนักสงฆ์ มีชาวบ้านมาร่วมงานศพตาชมในคืนแรกหนาตา แต่ละคนนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันเรื่องการบ้านการเมือง ข่าวสารปัจจุบัน บางคนก็ไถ่ถามถึงสาเหตุการตายของตาชม และที่เป็นหัวข้อสนทนาออกรสกว่าเรื่องอื่นก็คงเป็นเรื่องโครงการทำถนนคอนกรีตลาดเข้ามาให้ถึงสำนักสงฆ์ของผู้ใหญ่อำนาจถูกเทศบาลตีกลับให้มาทบทวนด้วยสาเหตุไม่แน่ชัด ต่างคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางเดียวกันเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

“อ้าว! ครูจิตมากับใคร อ๋อมากับป้าเล็กนี่เอง เชิญนั่งก่อนครับ” น้าหมายในฐานะเจ้าภาพคนหนึ่งเชิญแขกนั่งเก้าอี้

“สมหมาย ตาชมเป็นมะเร็งปอดตายจริงเรอะ สาเหตุมาจากอะไร” ป้าเล็กยังไม่ทันนั่งก็ชิงถามน้าหมายออกไปด้วยความใคร่รู้

“ลุงแกตายเพราะสูดควันจากการเผาขยะน่ะสิ” น้าหมายเอ่ยออกมา สายตาจดจ้องขจิต จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาเล่าเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง…

บ้านผู้ใหญ่เปิดเป็นร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน มีขยะทุกวัน แต่ละวันจะนำไปเผาหลังบ้าน ขุดหลุมกว้างสองคูณสองเมตร ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านแถวนั้น แต่ไม่มีใครกล้าพูดกล้าร้องเรียน บ้านตาชมอยู่ติดหลุมขยะ จึงได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างไม่อาจหลบเลี่ยงและไม่ยอมหลีกหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะความมักง่าย เพราะความเห็นแก่ตัว สุดท้ายความตายของชายแก่ๆ คนหนึ่งจึงอาจเป็นอนุสติให้คนในหมู่บ้านนึกถึงปัญหาและหนทางแก้ไข

“ครูจิต ผมขอโทษด้วยนะครับ ประชุมหมู่บ้านครั้งที่แล้วผมไม่ได้สนับสนุนโครงการของครู ถ้าพวกเรารู้ว่าครูจะเสนอโครงการด้วยจะได้ช่วยกัน แต่เอาเถอะ คราวต่อไปถ้ามีการประชุมใหม่ พวกผมจะสนับสนุนโครงการของครูเต็มที่” น้าหมายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาเพ่งมองไปที่กลางศาลาตั้งศพ แล้วก็ถึงเวลาสวดพระอภิธรรม

“ป้าว่าแปลกมั้ย จู่ๆ น้าหมายก็พูดเรื่องนี้กับหนู” ขจิตยกมือพนมระหว่างอก แต่หันมากระซิบกระซาบกับป้าเล็ก

“ไม่แปลกหรอก มันคือความจริง คราวก่อนครูถามป้าเรื่องบทบาทสตรี นี่ยังไง ความคิดเรื่องถังขยะประจำบ้าน อย่างน้อยก็มีคนกล้าพูดเห็นด้วยต่อหน้า เหมือนจะให้คำมั่นสัญญาด้วยนะ ป้าว่าความตายของตาชมอาจเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านของเราก็ได้” ป้าเล็กพูดตามความคิด

“บทบาทสตรี หวังว่ามันคงไม่ถูกโยงให้เป็นเรื่องการเมืองภายในหมู่บ้านของผู้ชายสองคน”

ขจิตรำพึงเบาๆ กับตัวเอง แล้วเธอก็รับรู้ถึงที่มาของกลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยลมเข้ามาถึงในห้องนอนทุกค่ำทุกคืน

ขจิตนุ่งกางเกงขายาวรัดรูปและเสื้อยืดแขนยาวขาวบางถากถางหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้าน โดยไม่รู้ว่า ผช.ผญบ.อำนวยเดินเลาะระหว่างบ้านเช่าและบ้านของป้าเล็ก แม่ค้าขายผักฉายาหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้านมายืนมองเธอเป็นนานสองนานแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง เหงื่อที่โซมออกมาตามรูขุมขนซึมซับกับชุดจนชุ่มแนบเนื้อขับเน้นรูปทรงโค้งเว้าได้สัดส่วนของครูสาววัยใกล้สี่สิบ ผู้ดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างดี จนเมื่อเธอหันมาเห็นสายตาโลมเลียลามกนั้น จึงวางจอบลงคว้าหมวกมาพัดวีไล่ความร้อน แล้วเดินมาสนทนากับ ผช.ผญบ.อำนวย พ่อหม้ายผู้สูญเสียเมียรักจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และต้องเลี้ยงดูลูกสาวฝาแฝดอำไพวรรณและอำไพพรรณ ซึ่งเธอเป็นครูประจำชั้น

“ครูขจิตครับ ผมขอให้ครูไปช่วยประชุมที่ศาลาหมู่บ้านบ่ายโมงวันนี้หน่อยครับ” ผช.ผญบ.อำนวยแจ้งความประสงค์ คราวนี้มาแปลก เขาเรียกชื่อเต็มของเธอ

“มีเรื่องอะไรเร่งด่วนหรือคะ” ขจิตถามออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ในใจไม่อยากนึกต่อบทสนทนาเท่าไร ด้วยสายตาของ ผช.ผญบ.อำนวยละลาบละล้วง

“วันนี้มีประเมินผู้ใหญ่บ้าน ช่วยหน่อยนะครับ ขอเสียงหน่อย ถ้าครูได้ร่วมเป็นผู้ประเมินพี่ชายผม” ผช.ผญบ.อำนวยสาธยาย จากนั้นจึงรีบร้อนเดินจากไป เพื่อขอคะแนนเสียงจากเพื่อนบ้านหลังอื่น

ทุกสี่ปี ผู้ใหญ่บ้านจะต้องถูกประเมินเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากราษฎรในหมู่บ้าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยออกระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ.2559 เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ คุณลักษณะความเป็นผู้นำและความพึงพอใจ โดยมีคณะกรรมการประเมินผลที่นายอำเภอแต่งตั้งออกพื้นที่มาอธิบายหลักเกณฑ์และขั้นตอนการประเมิน โดยสุ่มเลือกราษฎรในหมู่บ้านจำนวน 20 คน เป็นผู้ประเมิน หากผ่านก็ได้ดำรงตำแหน่งต่อไป หากไม่ผ่านต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง

ขจิตชวนป้าเล็กไปด้วยกัน ที่ศาลาหมู่บ้านมีผู้คนมากหน้าหลายตามาร่วมประชุมเพื่อประเมินผู้ใหญ่บ้านอำนาจจนต้องกางเต็นท์ ตั้งโต๊ะ เสริมเก้าอี้ แต่กลับไม่เห็นเงาเจ้าตัว มีเพียงพ่อ แม่ ลูกเมียและ ผช.ผญบ.อำนวยยืนพูดคุยกับคนนั้นคนนี้สีหน้าเคร่งเครียด เพิ่งมาทราบเอาภายหลังว่าผู้ใหญ่บ้านอำนาจนอนป่วยอยู่ที่บ้านด้วยอาการหอบหืดกำเริบ สร้างความสงสารเห็นใจให้กับใครหลายคน ขจิตมองหาที่นั่ง ขณะป้าเล็กเจอเพื่อนผู้สูงวัยและพากันไปนั่งอีกมุมหนึ่งของศาลา จนเมื่อคณะกรรมการอธิบายระเบียบ ขั้นตอนการประเมินผลจนเป็นที่เข้าอกเข้าใจของชาวบ้านแล้ว ผู้เข้าประชุมจึงจับสลากเพื่อเป็นตัวแทนประเมิน ขจิตไม่ได้หมายเลข 1-20 จึงต้องแยกย้ายกลับบ้านด้วยความเสียดาย ส่วนผู้ประเมินต้องอยู่ต่อ และหนึ่งในนั้นคือป้าเล็ก

“ขอบคุณครูจิตที่รอป้านะ” ป้าเล็กรีบกล่าวหลังส่งแบบประเมินและถ่ายรูปกับผู้ร่วมประเมินและคณะกรรมการ จากนั้นจึงเดินตรงดิ่งฝ่าแดดร้อนเปรี้ยงมาที่รถยนต์เก๋งของขจิตที่จอดรออยู่ใต้ร่มไม้

“ป้าให้ผ่านมั้ยคะ” ขจิตรีบถาม หลังจากป้าเล็กเปิดประตูรถเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับด้วยสีหน้าขมวดมุ่นครุ่นคิด

“ป้าก็กาให้ผ่านเสียเป็นส่วนใหญ่นะ ในเมื่อผู้ร่วมประเมินคนอื่นๆ เป็นญาติของผู้ใหญ่ทั้งนั้น บางคนไม่เคยเห็นหน้ามาตั้งนานแล้ว ไม่รู้วันนี้โผล่มาจากไหนกัน ถ้าป้าไม่ให้ผ่าน เขาก็รู้สิ มีลงชื่อและถ่ายรูปหมู่เป็นหลักฐานด้วย” ป้าเล็กอธิบาย

“เขารู้หมายถึงใครเหรอป้า” ขจิตถามออกไป เพราะไม่เข้าใจในคำพูดกำกวมของป้าเล็ก

“พวกผู้ใหญ่อำนาจนั่นแหละ คณะกรรมการมาออกพื้นที่ทำงานเสร็จก็กลับ แต่เราต้องอยู่ในหมู่บ้านต่อไป บอกตามตรง ป้ากลัวอิทธิพลมืดเหมือนกัน” ป้าเล็กพูดความอึดอัดในใจออกมา

ขณะขจิตเลี้ยวรถยนต์เก๋งจอดหน้าบ้านเช่า

ขจิตคิดเห็นหลากหลายช่องโหว่ในการประเมินผล หลังจากนี้คงต้องลุ้นกันว่า ผู้ใหญ่บ้านอำนาจจะอยู่ต่อหรือรอถูกปลด ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอการประเมินผลอีก 4 ปีข้างหน้า เธอรีบลงจากรถยนต์เก๋งแล้วเดินตรงรี่ไปที่สวนหลังบ้าน หยิบคราดโกยเศษต้นไม้ใบหญ้าที่ถากถางไว้เมื่อเช้ามากองสุมกัน

ค่ำนี้เธอจะจุดไฟเผาไล่ยุงให้ควันเหม็นคลุ้งปกคลุมทั่วทั้งหมู่บ้าน