เรื่องสั้น : แพรกับวัตถุลึกลับในย่ามของกวี (จบ)

2: คอมแบตของซาร่า

“มาแล้วจ้า! น้องแพรวาซาร่าผู้น่ารัก”

เสียงเจ๊เปรียวดังลั่นจนแพรต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากใบหู คำว่า “รัก” ถูกลากเสียยาวเหยียดด้วยการรัวลิ้นที่เสียง ร เรือ พัลวันตามสไตล์เจ๊เปรียวในวันอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

“ที่เก่าเวลาเดิมนะจ๊ะ สองทุ่มครึ่ง กับคุณลุงทิปหนัก”

เจ๊เปรียวเป็นสาวประเภทสอง แพรรู้จักเจ๊เปรียวผ่านเพื่อนหญิงคนหนึ่งเมื่อปีกลายและเริ่มรับงานผ่านแกมาร่วมเจ็ดแปดเดือนแล้ว

“หนูต้องกลับไปห้องก่อนสิพี่ จะทันมั้ยเนี่ย ทำไมวันนี้แกเรียกปุบปับจังอะ”

ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แต่แพรก็รู้ว่านั่นไม่ใช่ปัญหา เธอแค่แสร้งทำเป็นอิดออดไปอย่างนั้นเอง เพื่อไม่ให้เจ๊เปรียวคิดว่าเธออยากได้งานมากนัก แพรชอบขึ้นห้องกับคุณลุงมากกว่าแขกอื่นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเหตุที่แกทิปหนักสมชื่อประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งที่สำคัญกว่า นั่นก็คือ แกไม่เคยทำอะไรแพรเลย อย่างมากสุดก็แค่ลูบๆ คลำๆ เท่านั้น

สองทุ่มครึ่งนิดๆ แพรไปถึงห้องที่โรงแรมตามนัด คุณลุงมีสีหน้าเคร่งขรึมแต่ไม่เคร่งเครียด ที่จริงบุคลิกของแกก็เหมือนผู้ใหญ่ใจดีที่อาจพบเห็นได้ทั่วไป พูดจาเนิบช้า ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มสุภาพ ตอนนั้นแกอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวของโรงแรม

“หนูซาร่าแต่งชุดนี้นะ วันนี้”

คุณลุงส่งถุงกระดาษใบใหญ่ให้แพรเหมือนทุกครั้ง แต่คราวนี้มีถึงสองใบ เธอรับถุงสองใบนั้นมาจากมือคุณลุงพลางนึกสงสัยว่าวันนี้จะได้แต่งชุดอะไร คราวก่อนแพรแปลกใจมาก ว่าแกไปหาชุดข้าราชการสีกากีที่ตัดเย็บออกแนวเซ็กซี่แบบนั้นมาจากไหน ชุดแบบนั้นไม่มีที่ไหนขายแน่ๆ กระทั่งในร้านค้าออนไลน์แพรก็ไม่เคยเห็น หรือว่าแกจะสั่งตัดเป็นการเฉพาะ?

เหมือนทุกครั้ง ระหว่างที่แพรเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงคุณลุงฮัมเพลงไทยเดิมเบาๆ อย่างอารมณ์ดี แพรไม่รู้จักชื่อเพลงเพลงนั้น แม้ว่าทำนองของมันจะคุ้นหูเพียงใดก็ตาม แพรสวมใส่เสื้อผ้าชุดนั้นอย่างช้าๆ ประณีต ไม่รีบร้อน เพราะรู้ว่าคุณลุงเป็นคนละเอียดลออและไม่ชอบให้แต่งกายอย่างลวกๆ

เมื่อแพรเปิดประตูห้องน้ำออกมา คุณลุงมองซาร่าของแกอย่างพอใจ แต่ก็แน่นอนว่าแกไม่ได้แสดงความพอใจนั้นอย่างออกนอกหน้า น้องแพรวาซาร่าผู้น่ารัก ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนสั้นลายพรางสีเขียว วิ่นแหว่งเป็นรูโหว่ตรงโน้นตรงนี้หลายจุด เช่น ตรงหน้าท้อง ตรงหัวนมข้างซ้าย ตรงไหล่ขวา ฯลฯ แพรสวมกางเกงตัวจิ๋วสีเขียวเข้ม เอวสูง ขับเน้นช่วงขายาวสวยของเธอให้ดูเซ็กซี่ยิ่งกว่าเดิม มีหมวกเบเร่ต์สีเขียวเข้มสวมอยู่บนศีรษะ

ตรงกันข้ามกับตอนแต่งชุดสีกากีคราวที่แล้ว วันนี้แพรจงใจไม่รวบผม และปล่อยผมหยิกยาวดำสลวยออกเคลียบ่าสองข้าง

สิ่งที่อยู่ในถุงใบที่สองคือรองเท้าคอมแบต ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อว่าคุณลุงจะสามารถกะไซซ์รองเท้าให้แพรได้พอดิบพอดีขนาดนี้ คอมแบตคู่นั้นสีดำเป็นเงาวับ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการขัดขึ้นเงามาอย่างดี ยิ่งกว่านั้น แพรยังสามารถสวมคอมแบตคู่นั้นได้อย่างสะดวกและง่ายดาย เนื่องจากเชือกจำนวนหนึ่งถูกร้อยเตรียมมาให้เรียบร้อยแล้ว

คุณลุงส่งสัญญาณให้แพรนั่งลงบนโซฟา ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเหมือนทุกครั้ง โซฟานั้นอยู่ถัดจากประตูห้อง หันหน้าไปทางโทรทัศน์ที่อยู่ติดระเบียง ม่านสีเทาดำถูกชักปิดสนิทตั้งแต่แรก

ตรงปลายเตียง ระหว่างโซฟาที่แพรนั่งกับโทรทัศน์มีที่ว่างอยู่พอสมควร คุณลุงเดินช้าๆ ไปยังที่ว่างนั้น แพรรู้ว่าสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คืออยู่เงียบๆ เธอยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง จงใจเผยต้นขาขาวนวลเนียนอยู่ในแสงไฟดาวน์ไลต์สีส้ม แพรนั่งนิ่ง ตัวตรง เชิดอกอูมตูมตั้ง จับจ้องสายตาไปยังคุณลุงด้วยท่าทีเย็นชาเฉยเมยอย่างที่คุณลุงเคยสั่งให้ทำ

เหมือนทุกครั้ง คุณลุงเริ่มด้วยการกดเล่นเพลงแล้ววางไอโฟนลงบนปลายเตียง เสียงวงมโหรีเล่นเพลงไทยเดิมล่องลอยออกจากลำโพงขนาดเล็ก แผ่วเบาแต่สดใส ได้ยินชัดในห้องสงัดที่มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศครางหึ่งๆ

คุณลุงเปลื้องเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วออกเดินวนไปวนมาอยู่หน้าจอโทรทัศน์ที่ไม่ได้เปิด พุงยื่นของคุณลุงเรียกว่าอ้วนพอพลุ้ยๆ ไม่ถึงกับอ้วนมาก แกมีขนหน้าอกประปราย ก้นปอด ผิวหนังตกกระเหี่ยวย่นตามธรรมชาติของคนวัยกว่าเจ็ดสิบ

คุณลุงเริ่มต้นด้วยการโคลงศีรษะไปมาเหมือนซึมซับเสียงเพลงไพเราะ ก่อนทำเข่ายืดยุบตามจังหวะเพลง แล้วค่อยกางมือออกข้างกาย ตั้งวงรำ เริ่มจากข้างซ้ายแล้วย้ายมาข้างขวา ข้างขวาแล้วย้ายมาข้างซ้าย เดินไปรำไปด้วยท่าทางสะเงาะสะแงะ กลับไปกลับมาในระยะทางเดินราว 3 เมตรนั้น ดูๆ ไปก็เหมือนพวกคนแก่ขี้เมาตามขบวนแห่นาค เพียงแต่ว่าคุณลุงไม่ได้เมาและไม่เคยเมา

เดินวนอยู่ครู่หนึ่ง คุณลุงก็หันไปหยิบปากกาหมึกซึมอย่างดีจากชั้นวางโทรทัศน์ เดินวนไปมาด้วยท่าเดิม แต่ถือด้ามปากกาไว้ด้วยมือขวาที่ตั้งวงสูง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนมือนั้นต่ำลง เอาปากกาด้ามนั้นแตะๆ ไปตามปีโป้อันน้อย ถูไถไปมาอย่างช้าๆ เงยหน้าขึ้นหลับตาพริ้ม

ภาพวิตถารแปลกพิลึกนี้เกือบทำให้แพรหัวเราะออกมาในครั้งแรกที่ได้เห็น แต่เธอก็สะกดกลั้นความรู้สึกขบขันเอาไว้ได้ เหตุหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะแพรสงสารที่คุณลุงแก่แล้ว วัยของแกนี้ที่จริงจะเป็นปู่ของแพรก็ยังได้ และแพรเองก็ไม่เคยมีปู่ เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังสองคนนับแต่จำความได้

นั่นอาจเป็นสาเหตุที่แพรให้ความเคารพแกมากเป็นพิเศษก็เป็นได้ และความเคารพนี้ก็ทำให้เธอสามารถสะกดกลั้นการหัวเราะ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้แกรู้สึกอับอายไว้ได้ตั้งแต่แรก

ปีโป้น้อยที่ห้อยพับแกว่งไปมาของคุณลุงไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใด คุณลุงหยุดเดิน เอาสองมือจับหัวท้ายปากกาเป็นแนวขวางแล้วเขี่ยมันขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะหันมาหาแพร พร้อมทั้งส่ายสะโพกไปด้วย

“ไอ้โอ๊บ… ไอ้โอ๊บ”

คุณลุงกระซิบเสียงกระเส่า แพรงุนงง ไม่เข้าใจว่าคุณลุงหมายถึงอะไร แต่ก็เดาว่าน่าจะเหมือนกับทุกๆ ครั้ง แพรจึงฉีกสองขาออกกว้างตามแบบที่คุณลุงเคยสอน ยกขาสูง ทำท่ายั่วยวนพอประมาณ แล้วค่อยๆ ถอดรองเท้าออกทีละข้าง เริ่มจากข้างขวา ขว้างเบาๆ ตรงไปยังใบหน้าของคุณลุง

“โอย… โอย…”

คุณลุงคราง ขณะลูบคลำใบหน้าแดงระเรื่อ แกค่อยๆ คุกเข่าก้มตัวลงบนพื้นห้อง เอื้อมมือไปควานหยิบรองเท้าคอมแบตขึ้นมากอดแนบอก เอนกายก้มเอาซีกหน้าข้างหนึ่งแนบกับพื้น และแลบลิ้นยาวออกเลียส้นคอมแบตข้างนั้นเหมือนอย่างเอร็ดอร่อยเต็มที

แพรขว้างคอมแบตอีกข้างไปยังจุดที่แกครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ แต่คุณลุงไม่สนใจ ยังคงรัวลิ้นเลียส้นคอมแบตข้างเดิมอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะหลุดคำพูดออกจากปากอย่างกระท่อนกระแท่น ขาดหายเป็นห้วงๆ ว่า

“โยนีคือธรรมะ… ธรรมะก็คือโยนี… โอย… ทั้งโยนีและธรรมะ เป็นพะ… พะ… ลังงาน…”

ผมยาวหงอกขาวของคุณลุงสยายยุ่งระอยู่บนพื้น มองจากมุมของแพร เห็นกลางกระหม่อมของแกว่างเปล่าปราศจากเส้นผมเป็นวงกว้าง

“พลังงาน… นำไปสู่ความเคลื่อนไหว โอย… ความเคลื่อนไหว… นำไป… สู่ความเปลี่ยนแปลง… ความเปลี่ยน… ความเปลี่ยนแปลง…นำไปสู่… ความ… โอย…”

ฉับพลันแพรก็นึกถึงภาพเมื่อตอนบ่ายขณะแกยืนอยู่บนปะรำพิธี กำลังสั่งสอนผู้คนจำนวนหลายร้อยคน ภาพนั้นทำให้แพรหมดความอดทนอดกลั้นใดๆ ทั้งสิ้น

เธอหลับตางอตัวขณะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างสุดที่จะกลั้น

“โอย… โอย… กลัวแล้วๆ โอย…”

ไม่รู้ด้วยเหตุอะไร ดูเหมือนเสียงหัวเราะของแพรทำให้คุณลุงตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แกส่งเสียงร้องโหยหวนแหบแห้ง พูดจาฟังไม่ได้ศัพท์ด้วยเสียงสั่นกระท่อนกระแท่น หันหน้าเหลือกตาแดงก่ำมองเขม็งมายังแพร เกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นห้องอย่างไม่อาจควบคุมตัวเอง ขณะมือสองข้างยังกอดคอมแบตแนบแน่นอยู่ที่หน้าอก แกหายใจเสียงดังฟืดฟาดเสียจนแพรนึกกลัวว่าแกจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า

“ความเปลี่ยนแปลง…โอย… นำไปสู่… น้ำ… น้ำ… น้ำแตกแล้ว… หนู… โอย… อา…อา”

คุณลุงแถกไถร่างกายหมุนตัวกลับด้าน หันปลายเท้ามาทางแพร แล้วจึงยกก้นโด่งขึ้นด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด ขาแกสั่นพั่บๆ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความสุขสุดยอด สูดลมหายใจดมคอมแบตข้างนั้นอย่างแรงเสียงดังฟืดฟาด

“โอย… ช่วยด้วย… หนู… โอย โอย สุนทรภู่ช่วยด้วย! ตามีช่วยด้วย!”

แพรไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณลุง แกไม่เคยตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน แพรขยับร่างกายไปมา พยายามคิดว่าจะช่วยคุณลุงได้อย่างไร เธอมองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบย่ามของคุณลุงที่ข้างโซฟาขึ้นมาอย่างงงๆ

แพรควานมือลงในย่ามและพบวัตถุทรงกระบอก คล้ายว่าทำจากไม้หรือไม่ก็พลาสติก รูปร่างเรียว ความยาวคงราวสักฟุตครึ่งกระมัง แพรมองไปที่ก้นสีแดงเถือกของท่านนักกวีที่ลอยเด่นอยู่บนพื้นห้อง เห็นร่างของแกสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ส่งเสียงครางกระเส่าไม่เป็นภาษา

ทันใดนั้น แพรก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สมควรทำ มุมปากซ้ายขวาของเธอสั่นกระตุก เกิดเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว