มหาเวทย์ผนึกมาร (2)

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

มหาเวทย์ผนึกมาร (2)

 

งานเชื่อมสัมพันธ์โรงเรียนพี่น้องโตเกียว-เกียวโตกินเนื้อที่หลายเล่ม เปิดตัวละครจากโรงเรียนไสยเวทอีกหลายคนจำกันไม่ทัน ว่าเป็นงานเชื่อมสัมพันธ์แต่เป็นการประลองวิชา ว่าเป็นการประลองวิชาแต่ที่แท้หลายคนคิดสังหาร “ภาชนะของสุคุนะ”

ฉากต่อสู้ควรเป็นจุดสนใจแต่บทสนทนาน่าสนใจพอกัน

เช่น การต่อสู้ระหว่างแพนดาจากโตเกียวกับเมกะมารุจากเกียวโต ที่แท้เป็นการต่อสู้ระหว่างตุ๊กตา แพนด้าถือกำเนิดมาจากตุ๊กตาที่ถูกปลุกเสก ส่วนเมกะมารุเป็นหุ่นชักด้วยคุณไสยของชายพิการขยับแขนขามิได้

นี่คือการปะทะกันระหว่างผู้เคลื่อนไหวมิได้ที่ปล่อยท่าไม้ตายกันมันหยด

ปรากฏว่าแพนดามิได้มีร่างเดียว เมื่อเพลี่ยงพล้ำมันสามารถเข้าโหมดกอริลลาออกมาต่อสู้ต่อ จากแพนด้ากลายเป็นกอริลลาช่างคิดได้จริงๆ ที่แท้มันคือจูไก ตุ๊กตาที่มีจิตวิญญาณ แม้ไม่สามารถเป็นคนแต่ก็มีร่างของตัวเอง ไม่เหมือนเมกะมารุที่เป็นคนแต่มิอาจใช้ร่างของตัวเองได้ แบบไหนที่ทุกข์ทรมานมากกว่ากัน

ช่างเป็นการเปรียบเทียบและคำถามที่น่าสนใจ

ในตอนท้ายเล่มห้ายังมีการปะทะระหว่างนักสู้หญิงจากสองเมือง

“แผลเป็นบนหน้าถ้าเป็นผู้ชายคือเหรียญกล้าหาญ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงมันคือข้อเสีย”

และ “ความสามารถเป็นเรื่องของผู้ชาย ผู้หญิงน่ะถึงจะมีความสามารถแต่ไม่น่ารักก็จะโดนดูถูก แน่นอนว่าถึงจะน่ารักแต่ไม่มีความสามารถก็โดนดูถูก” และ “สิ่งที่เป็นที่ต้องการจากผู้หญิงจึงไม่ใช่ความสามารถ แต่เป็นความสมบูรณ์แบบต่างหาก”

เมื่อถึงเล่ม 6 งานเชื่อมสัมพันธ์จบลงด้วยการแทรกแซงของสองวิญญาณคำสาป ฮานามิกับมาฮิโตะ ลำพังฮานามิตนเดียวก็แทบจะใช้กองกำลังทั้งหมดของนักเรียนโตเกียวและเกียวโตผนึกกำลังกัน อีกทั้งต้องอาศัยผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษโกะโจจึงจะขับไล่ฮานามิล่าถอยไปได้

เกิดคดีใหม่ มีผู้ถูกแทงตายหน้าแมนชั่นที่อาศัยของตัวเองสามรายในลักษณะเดียวกัน

ทั้งสามคดีมีประเด็นประตูอัตโนมัติไม่ยอมปิดและได้ร้องเรียนนิติฯ ไปแล้วทั้งสามคดี

นักเรียนไสยเวทปีหนึ่งของเราสามคน อิตาโดริ ฟุชิงุโระ และสาวคุกิซากิออกสืบสวน พบว่าเหยื่อทั้งสามเคยเรียน ม.ต้นด้วยกันอยู่สองปี ที่นั่นคือโรงเรียนที่ฟุชิงุโระเคยเป็นขาใหญ่มาก่อน

ความตายของเหยื่อทั้งสามนำไปสู่สะพานยะโซฮาจิ สถานที่ฆ่าตัวตายขึ้นชื่อซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางวิญญาณสำคัญบริเวณนั้น (จะว่าไปการฆ่าตัวตายสำเร็จในความเป็นจริงก็มักเกิดที่สะพานเดิม) แต่ก็เป็นที่เด็กแก่นๆ ชอบไปเล่นบัมจี้จัมป์กลางดึกเพื่ออวดความกล้ากันด้วย

ที่แท้ฟุชิงุโระมีพี่สาวต่างมารดา สึมึคิ ที่หลับไม่ตื่นจนบัดนี้เพราะสะพานแห่งนี้ด้วย

นักเรียนทั้งสามถูกเรียกถอนกำลังเพราะวิญญาณคำสาปที่แกร่งกล้าเกินไปบริเวณนี้

แต่ฟุชิงุโระไม่ถอย เมื่อหาวิญญาณคำสาปบนสะพานไม่พบ เขาจึงเดินลงไปใต้สะพานที่ซึ่งมีสายน้ำไหลผ่านหุบเขาขวางทางอยู่ เป็นเวลาเดียวกับที่มาฮิโตะส่งวิญญาณคำสาปตนใหม่มาถึงพอดี

“ออกมาแล้วสินะ ดูท่าจะคุ้มกับการปัดเป่า” สาวคุกิซากิพร้อมอิตาโดริยืนขนาบข้างสหายฟุชิงุโระรอต้อนรับ ที่แท้การเดินข้ามน้ำใต้สะพานกลางดึกมีความหมายทางไสยศาสตร์ (ในความเป็นจริงก็เป็นข้อห้ามอยู่แล้ว เพราะอะไรที่น่ากลัวมักลอยมาติดที่ตอม่อสะพานนั้นเอง)

“เป้าหมายของพวกเราคือเก็บนิ้วของสุคุนะน่ะครับ” เจ้าวิญญาณคำสาปพูด ที่แท้มิใช่ฟุชิงุโระซึ่งเป็นสายเลือดโดยตรงของผู้ใช้อาคมที่เป็นตัวดึงดูด แต่เป็นภาชนะของสุคุนะ อิตาโดริ ต่างหากที่เป็นตัวปัญหา การต่อสู้เลือดสาดกินเนื้อที่ตลอดทั้งเล่มก่อนที่ฟุชิงุโระจะได้นิ้วอีกหนึ่งของสุคุนะมาถือไว้

“ไม่ชอบคนดี” ฟุชิงุโระรำพึงถึงพี่สาว สึมึคิ ที่หลับไม่ตื่น “ไม่ชอบคนที่ให้อภัยคนเลวแบบนั้นแล้วถือว่าการให้อภัยเป็นเรื่องสูงส่ง เรื่องนั้นทำให้คลื่นไส้” ที่แท้นี่คือปมของฟุชิงุโระ ด้านมืดที่ทำให้เขาเป็นผู้ใช้คุณไสยที่แกร่งกล้าเกินปีหนึ่ง

คุกิซากิกับอิตาโดริฟาดฟันกับวิญญาณคำสาปใต้สะพานอีกหนึ่งยกใหญ่ก่อนที่อิตาโดริจะกลืนกินนิ้วสุคุนะของมันลงท้องไปอีกนิ้วหนึ่ง!

จากนี้เนื้อเรื่องแฟลชแบ็กไปที่เรื่องของโกะโจ ซาโตรุครั้งที่ยังเป็นนักเรียนไสยเวทและไม่มีผ้าคาดตากับคู่หู เกโท สุงุระ ซึ่งจะได้เป็นนักสาปแช่งในภายหลัง ภารกิจที่ครูใหญ่มอบหมายให้ทั้งสองไปทำคือคุ้มครองสาวน้อยเซโชไท “แล้วลบเธอทิ้งซะ” ตอนนี้อ่านมันมาก

เรื่องราวเป็นดังนี้

ท่านปรมาจารย์เทนเกนเป็นอมตะแต่มิใช่ไม่แก่ เมื่ออายุถึงระดับหนึ่งอาคมจะเปลี่ยนแปลงกายเนื้อ ท่านเทนเกนจะวิวัฒนาการกลายเป็นตัวตนในมิติที่สูงขึ้นมิใช่คนอีกต่อไป

ในกรณีที่แย่ที่สุดท่านเทนเกนจะกลายเป็นศัตรูของมนุษยชาติ

ดังนั้น ทุกๆ ห้าร้อยปีท่านเทนเกนจะหลอมรวมกับ “เซนโชไท” มนุษย์ที่เข้ากันแล้วเปลี่ยนข้อมูลของกายเนื้อใหม่ ด้วยวิธีนี้ท่านจะไม่วิวัฒนาการ

ก็เป็นไปตามที่เรารู้ๆ กัน เมื่อไรที่มีพลังปราบปีศาจแกร่งกล้าจนปราบได้ทั้งหมดย่อมหลีกไม่พ้นที่ตนเองจะกลายเป็นปีศาจเสียเอง

ความดีก็เช่นกัน ยามใดที่ความดีท่วมท้นล้นเกินคนอื่นก็กลายเป็นคนเลวไปเสียทั้งหมด

“ตอนนี้พวกที่หมายชีวิตของเด็กสาวแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่” ครูใหญ่มอบงานต่อ “กลุ่มนักสาปแช่ง Q” ที่หมายล้มวงการอาคม และ “กลุ่มลัทธิบังเซ” ที่หมายให้ท่านเทนเกนบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่แปดเปื้อนสิ่งใด

ก็เป็นไปตามที่เห็นในโลกแห่งความเป็นจริง บางนิกายของบางศาสนาจึงไม่ยอมให้ศาสดาหรือคำสอนแปดเปื้อนหรือวิวัฒน์ได้เลย กลายเป็นกลุ่มหัวรุนแรงไปเสีย

เวลานั้นโกะโจและเกโทน่าจะยังอ่อนหัดต่อโลกแม้วิชาจะแกร่งกล้า สองคนคุยกันว่าต้องระวังพวกกลุ่มนักสาปแช่ง Q มากกว่ากลุ่มลัทธิบังเซ แต่ทั้งคู่คาดการณ์ผิดจึงถูกนักฆ่าจากบังเซ (ซึ่งไม่ใช่ผู้ใช้คุณไสยจึงไม่มีใครระวัง) ดัดหลังได้ในที่สุด มันแทงมีดทะลุหลังโกะโจและสังหารเด็กสาวเซนโชไทได้ในที่สุด!

ในตอนแรกที่รับงาน โกะโจและเกโทก็เอะใจแล้วว่าเพราะอะไรครูใหญ่ถึงใช้คำว่า “ลบทิ้ง” เหตุเพราะการหลอมรวมย่อมทำให้เด็กสาวหายไปจากโลกแต่ที่สองคนคาดไม่ถึงคือเธอจะตายจากไปจริงๆ ในตอนท้าย

เหตุการณ์ซับซ้อนยืดยาวดุเดือดเลือดพล่านตอนนี้ชักนำให้เกโทกลายเป็นนักสาปแช่งตัวฉกาจที่หมายล้างบาง “ผู้ไม่ใช้อาคม” ให้หมดโลก! เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่เขาเชื่อว่าจะกำหราบพวกวิญญาณคำสาปให้ราบคาบได้เสียที

เป็นไปตามขนบของโลกอีกเช่นกัน วิธีหนึ่งในการทำให้โลกดีขึ้นคือกำจัดพันธุ์ด้อยให้หมด!!

“เกโท สุงุรุฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน 112 คน” ครูใหญ่แจ้งข่าวแก่โกะโจ

สองสหายจึงต้องเผชิญหน้ากันเองในที่สุด นั่นคือที่มาของโกะโจ ผู้ใช้คุณไสยระดับไร้เทียมทานผู้ใช้ผ้าคาดสายตาไว้ตลอดเวลา

โปรดติดตาม •

 

การ์ตูนที่รัก | นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์