การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ – ไอติม

มันคือสิ่งใดกันนะ ที่พาฉันมาอยู่ตรงนี้ และที่ทุกๆ คนกำลังอยู่ร่วมกัน

ความคิดแล่นวนอยู่ในหัวของฉัน เหมือนนกที่กระพือปีกอยู่ในกรงแคบๆ ไม่มีทางออก เพียงโผบินจากฟากหนึ่งถึงอีกฟาก

จะฟาดปีกฟาดหางอย่างไรก็ไปไม่พ้น

รู้ด้วยว่า หากพยายามจะโบยบินออกไป สุดท้ายก็ต้องร่วงหล่น

…อย่างที่เคยเป็นมา

 

อ้ายหมารอยเดินกะเผลกเข้าประตูห้องมาเหมือนทุกวัน แต่วันนี้แปลกไปกว่าทุกที เมื่อท้องฟ้ายังไม่มืด และแสงแดดยังเจิดจ้าอยู่

“กินอะไรไปแล้วบ้างอีพี่”

พร้อมเสียงทัก คือรอยยิ้มเต็มใบหน้า

หากฉันก็เพียงขยับตัว ตอบเนือยๆ

“กินข้าว”

“กูรู้แล้วว่ามึงกินข้าว กินกับอะไรล่ะ”

พี่โฟเอาอะไรมาให้นะ…แกงอะไรสักอย่าง กับไข่ทอดกระมัง ฉันกินแค่ไม่กี่คำก็อิ่มตื้อ

“จำไม่ได้แล้ว”

“โธ่เอ๊ย อีง่าว” อ้ายหมารอยด่า แต่ใบหน้ายังยิ้มพราย จากนั้นก็นั่งลงใกล้ๆ ส่งของในมือให้

“เอาไป”

“อะไร” ฉันไม่แม้แต่จะยื่นมือ

“น่า เปิดดูสิ”

อย่างเสียไม่ได้ ฉันรับถุงพลาสติกมา กลิ่นคุ้นจมูกโชยขึ้น ของในมือร้อนผ่าวๆ พอก้มดูก็เห็นของสองอย่าง

“อะไรล่ะ” ถามเบา

“มึงก็แก้ถุงดูหน่อยซี้”

พอพูดลากเสียง ก็เหมือนจะเป็นคนนั้น…ที่หวนคืนมา เด็กชายขนตายาว นุ่งกางเกงสีกากี มีเชือกไนล่อนมัดเอวแทนเข็มขัด

มือคลี่ถุง…

ก๋วยเตี๋ยว

มองเห็นเส้นอืดๆ อยู่ในน้ำซุป กลิ่นพริกน้ำส้มนำมา…นี่เองที่แตะจมูกก่อนอย่างอื่น

“กูสั่งลูกชิ้นมาให้มึงพิเศษด้วย”

ฉันแทบพูดไม่ออก ยังไม่ใช่แค่นั้น หมารอยพูดอีกว่า

“แต่เดี๋ยวมึงค่อยกินก็ได้ เอาอันนี้ไปก่อนมันจะไน่”

จากความร้อนของถุงก๋วยเตี๋ยว มีไอเย็นๆ แผ่มา ของอีกอย่างวางใส่มือ

…ไอติม

ก้อนสีขาวนวลโปะเบียดมาในขนมปังสองแผ่น ถั่วคั่วโรยหย่อมหน้า เริ่มละลายแล้วด้วยซ้ำ

ฉันเงยหน้าขึ้นดูอ้ายคนชาติหมา

“กินเลยสิ อีพี่ กินเลย…”

 

[“เฮ้ย ดูนั่น!”

“อะไรอีพี่!”

“หลังคา”

ถ้าเป็นที่บ้าน รอยคงไล่กวดฉันไปรอบๆ พลางดุด่าสารพัน แต่เป็นที่ที่ไม่คุ้นเคย เด็กชายจึงเพียงแต่ขบเขี้ยว แสดงออกเพียงตาขุ่นตาขวาง ฉันได้ทีรีบป้อนคำถาม

“กินอะไรล่ะ ไหน จะกินกันร้านไหน”

“มึงจะกินอะไรก็ว่ามาสิ ร้านไหนขายแคบหมูมั่งเล่า ได้น้ำพริกแดงด้วยก็ดี”

“เช้อ ใครเค้ามากินแคบหมูกันในเวียง ต้องกินก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด”

รอยมีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที ละมือหนึ่งมาควานเข้ากระเป๋ากางเกง เงียบไปพักหนึ่ง ฉันรู้ว่าคงกำลังนับเหรียญทีละเหรียญจึงแกล้งเร่งขึ้นอีก

“ไหนล่ะ ชวนกูมา ว่างั้นว่างี้ มีเงินเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวกูรึเปล่า”

“มันถ้วยละกี่บาทล่ะ”

“หลายบาทอยู่ละ ไม่มีปัญญาเลี้ยงก็บอก”

“กูยักเงินติดมาสิบห้าบาท” เด็กชายเอ่ยขึ้นในที่สุด “ยังไงก็คงพอกิน ไป…มึงเคยอยู่เวียง จะกินทางไหนก็นำไป”

“ไอติมล่ะ กินข้าวหมดจะเหลือซื้อไอติมหรือเปล่า”

“อีผีกะ ผีตานกเค้า ของไม่ทันเข้าปากห่วงจะรีบขี้”

รอยด่าอย่างเหลืออด แต่ฉันหัวเราะชอบใจ นานๆ ทีจะมีโอกาสได้ทำตัวเหนือกว่า

แล้วจึงแหงนหน้าดูร้าน เลือกเดินเข้าที่ที่มีโต๊ะตั้งเรียงราย ข้างหน้ามีตู้กระจกใบใหญ่ เส้นก๋วยเตี๋ยวกองพูน ผักกาดกับกะหล่ำปลีซอยแช่น้ำเต็มกะละมัง ถั่วงอกหางอวบๆ ขาวจนสะท้อนเข้าตา

คนขายเปิดฝาหม้อลวกเส้นที มีไอร้อนพวยพุ่งเป็นสาย

ฉันเข้าไปจองโต๊ะนั่งก่อน มองเห็นรอยตั้งขารถถีบจนมั่น ใช้เวลานานกว่าเคย จากนั้นก็เดินเก้ๆ กังๆ ตามเข้ามา

 

“อีพี่”

รอยทำเสียงต่ำ เหลียวหลังมองคนลวกก๋วยเตี๋ยว ก่อนหันกลับมาถลึงตา

“มึงอย่าเคาะโต๊ะได้มั้ย ฟังแล้วกูปวดเยี่ยว”

“มึงก็ไปเยี่ยวซิ”

ฉันพูดพลางยืดคอส่องดูหน้าร้าน อีกไม่นานจะเป็นชามก๋วยเตี๋ยวของเรา ฉันจงใจสั่ง “เกาเหลา” จะเอามาอวดไอ้หมารอย ดูว่ามันน่ะเคยรู้จักหรือเปล่า

“กูปวดจริงนะ มึงอย่าพูดเล่น”

รอยยังพูดเสียงเบาอยู่ ฟังแทบเป็นกระซิบ แต่เสียงใกล้แตกหนุ่มก็ดังจนคนขายเหลียวดู

“ส้วมไปทางโน้น”

คนขายชี้ รอยหน้าเรื่อขึ้น จังหวะนั้นก๋วยเตี๋ยวก็มาถึงโต๊ะพอดี ใส่มาเกือบเต็มชามกระเบื้อง อวยควันลอยกรุ่น หอมกระเทียมเจียวและตังฉ่าย มีช้อนสั้นเสียบมาคู่ตะเกียบไม้

รอยดูเงอะงะ จับช้อนแล้วก็วาง จับตะเกียบแล้วก็วางอีก ฉันอดยิ้มเยาะไม่ได้

“เฮ่ย!”

แต่ฉันเองกลับหนีบลูกชิ้นไม่อยู่ พลัดกลิ้งตกลงจากโต๊ะหลุนๆ กลายเป็นคนอับอายจนหน้าร้อนผ่าว

“เดี๋ยวกูเก็บให้”

รอยบอก เลื่อนเก้าอี้จะมุดตัวลงไป

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเอา สกปรก” ฉันรีบร้องห้าม

“สกปรกอะไร พื้นออกจะเงาวับ…ทีจี่แมงมุมกัน ตกขี้ดินขี้ทรายมึงยังเอาเข้าปัดๆ เข้าปาก”

ตาฉันมองตาม พื้นเป็นกระเบื้องลายดอกเรียงต่อกันเป็นตาๆ ถึงจะมีคราบขี้ฝุ่นแต่ก็สะอาดสะอ้านกว่าในโหม่งนอนอีกหลายบ้านจริงๆ

แล้วก็เห็นอะไรอีกอย่าง

“รอย”

“อะไร”

“มึงถอดเกิบไว้หน้าร้านรึ”

“อือ กูก็รู้ธรรมเนียม ใช่จะเป็นแต่มึงคนเดียว”

“ไม่ต้องถอด ในเวียงเขาใส่เกิบกินข้าวกัน มึงไปใส่มาซะ เดี๋ยวหายแล้วจะยุ่ง”

“พูดเป็นเล่น คีบเกิบกินข้าวมันไม่อิ่มนะมึง”

 

“พี่!”

เสียงคุ้นหูดังขึ้น เงาดำๆ วิ่งเข้ามา

ก่องแก้วโถมเข้ากอดเต็มแรงแทบหงายหลัง

“ดีใจจัง ตัวเองมาแถวนี้ด้วย!”

“เดี๋ยวๆ ปล่อย ก่องแก้ว”

ฉันรีบแกะมือออก เด็กผมม้าได้แต่จ้องหน้า ทำตาเบิกวาว ทำราวไม่ได้พบกันมาสักชาติหนึ่ง รอยทำเป็นขากเสลดในคอ เด็กผมม้าถึงหันไป

“พี่รอยมาด้วยรึ”

“เออ จะไปบ้านน้องกู”

พอเห็นเป็นคนกันเอง ก่องแก้วยิ่งตีสีหน้าปานได้เพชรได้พลอย

“ทางไหน พี่รอยมีน้องอยู่ในเวียงด้วยรึ”

“น้องกูอยู่บ้านโบสถ์นู่น นี่แวะกินก๋วยเตี๋ยว”

“แล้วอิ่มยังล่ะ เพิ่งกินได้น้อยเดียวเองนี่”

“ก็ยังไม่อิ่มหรอก กินยากกินเย็น ตะเกียบตะแกบอะไรนี่”

“อ้าว แล้วอยู่บ้านพี่รอยกินก๋วยเตี๋ยวยังไง”

“กูก็ใช้มือสาวกินซิ ไม่ก็เอาใส่ถุงทั้งน้ำทั้งเส้น เอาปากขบมุมก้นถุงดูดเอา กินง่ายจะตายห่า”

ก่องแก้วหัวเราะชอบใจ

“เนอะ อร่อยเนอะ เค้าก็เคยทำ เสียแต่มันร้อนมือน่าดูนะสิ”

“ก็ต้องรอให้มันเย็นก่อน…กูเคยกินตอนแม่พาไปเที่ยวหนหนึ่ง”

“กินหนเดียว โวไปสามชาติ” ฉันว่า รอยตาขุ่น แต่ฉันยังพูดต่อ “นี่มันว่าจะเลี้ยงไอติมกู มีถึงไอติมถั่วดำ โม้หรือเปล่าไม่รู้”

“มีจริงๆ” รอยยืนยัน “มึงไม่เคยกินอีพี่ เค้าเอาถั่วมาอัดไว้กับไอติม เสียบในไม้แท่งเลย”

“ไอ้วอก ถั่วมันก็ร่วงหมดสิ”

ฉันยังนึกภาพไม่ออก พลางนึกเจ็บใจตัวเอง ทำไมตอนมาทำงานฉันไม่สนใจจะซื้อไอติมกินบ้างนะ

 

ก่องแก้วนั่งฟังคนเถียงกัน แทนที่จะเบื่อกลับทำหน้าชื่น ตาใส

“ฟังแล้วอยากกินเลย” เด็กหญิงว่า “แต่เค้าชอบไอติมใส่ขนมปังมากกว่า”

“เป็นยังไง ไอติมใส่ขนมปัง…ขนมปังปี๊บที่เป็นตัวๆ นั่นรึ”

ตารอยขมวดคิ้วบ้าง

“ไม่ใช่แบบนั้น เป็นไอติมก้อน ตักใส่ขนมปังเป็นแผ่น”

เด็กผมม้าทำไม้ทำมือ ฉันยิ่งนึกภาพไม่ออกเข้าไปใหญ่ รอยก็เหมือนกัน เกิดมาเด็กชายไม่เคยกินขนมปังแผ่นแน่ ฉันก็ด้วย

“มึงไปกินที่ไหนมา” รอยถาม

“ในเชียงใหม่”

ก่องแก้วเชิดหน้า ภูมิใจและดูเย่อหยิ่ง

 

ได้เวลากลับ อ้ายหมารอยควักเงินจ่ายอย่างจำใจ ก๋วยเตี๋ยวสองชามแพงจนใจหาย เสร็จสรรพดีแล้วเด็กชายก็ย่ำไปหาเกิบ เสือกตีนเทอะทะสอดเข้าคีบ ดูโล่งใจที่ของตัวไม่หาย

“กินก็ไม่อิ่ม” เด็กชายบ่น “เป็นที่บ้านกูใช้มือสาวเอาแล้ว”

“เกิบไม่หายก็บุญละ” ฉันว่า “บ้านนอกเข้าเวียงก็ยังงี้”

“เออ โชคดีจริง…”

แล้ววันนั้น…วันนั้น…หมารอยก็บอกฉันว่า

“…มึงอย่าน้อยใจไปอีพี่ คนอื่นได้ไปไหนช่างเขา ไว้กูมีเงินมีสิน จะพามึงไปเที่ยวเอง ไอติมในขนมปังอะไรนั่น วันไหนกูได้กิน มึงก็ต้องได้กิน”]

 

น่าอับอายสิ้นดี หมารอยยังจำได้…มันยังจำได้ว่าเคยพูดอะไรไว้

ไอติมละลายไน่อยู่ในอุ้งมือ ฉันบีบจนขนมปังแทบบิดเบี้ยว ประคองยกเข้าปาก หากน้ำตาก็หยดเผาะลงมา และหลังจากนั้น กลิ่นก๋วยเตี๋ยวที่ยังโชยออกปากถุง ก็ยิ่งทำให้ตาพร่าพรายไปหมด