เรื่องสั้น : เมืองตอแหล (1) / โค้งน้ำ ลำวารี

 

 

เมืองตอแหล (1)

 

ชาย ชาตรี ไม่ชอบเดือนพฤษภาคมเอาเสียเลย เขาอยากให้ลบเดือนอันไม่น่าภิรมย์นี้ออกไปจากปฏิทินเสียด้วยซ้ำ นอกจากมันจะร้อนแทบด่าวดิ้นแล้วไม่ว่าคุณจะไปทางไหนก็พบแต่ “ที่นี่! มีคนตาย” ทุกวันรัฐบาลจะประกาศเรื่องราวสุดแสนทรมานใจว่าวันนี้มีคนอำลาญาติพี่น้องไปกี่สิบคนพร้อมกับแสดงความเสียใจแก่ครอบครัวพวกเขาแบบแกนๆ ขอไปที อีกทั้งยังมีคนเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน วันละหลายพันคน คนป่วยล้นโรงพยาบาล หมอพยาบาลต้องทำงานหนักจนตัวเองเป็นลมล้มพับ และที่บัดซบไม่แพ้กัน คือเมืองทั้งเมืองตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะไปเดินตลาดก็ไม่ได้ จะไปนั่งในร้านอาหารก็ไม่ได้ จะไปเดินเล่นในสวนสาธารณะก็ไม่ได้อีก มันเหมือนมีผีห่าซาตานคอยซุ่มเข่นฆ่าเอาชีวิต อะไรๆ มันติดขัดคับข้องใจไปหมด “ห่าเอ๊ย” นั่นคือคำสบถของผู้คนด้วยความหงุดหงิดใจ

“ทำไมมันเลวร้ายขนาดนี้” ชายหนุ่มรู้สึกแบบนั้น หนทางทำมาหากินก็ตีบตัน ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเลือกเส้นทางชีวิตของตัวเองได้ แต่เอาเข้าจริงแล้วเส้นทางมีให้เลือกน้อยนิดสำหรับคนเรียนไม่จบชั้นมอหก เขาไม่มีเสียงสวรรค์อย่างนักร้องอมตะ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ไม่มีมุขตลกฮาๆ อย่างน้าค่อม ซึ่งแม้พวกเขาจะเป็นตะวันลับฟ้าไปแล้วแต่ก็ยังมีคนพูดถึงในความสามารถอันล้นเหลือของพวกเขา ถ้าจะให้ใช้คำพูดแบบ “สุดติ่งกระดิ่งแมว” ก็ต้องบอกว่าพวกเขา “ปังปุริเย่” จริงๆ แต่สำหรับเส้นทางชีวิตของคนที่เกิดในเพิงปุปะริมคลองมีความรู้แค่หางอึ่งอย่างเขา ทางเลือกก็หนีไม่พ้นการเจริญรอยตามมารดา คอยวางพวงมาลาประดับรถยนต์หารายได้มาประทังชีวิตไปวันๆ

แต่การเลือกเส้นทางนี้ก็นับว่าเป็นทางดีที่ชาย ชาตรี คิดได้ในห้วงสึกนึกสุดท้าย…เพื่อแม่ เขาจดจำวันอันบัดซบนั้นติดตา วันที่เลือดในกายของเขาร้อนลุ่มหัวใจห้าวเป้งไป “ท้าไฟต์” กับขาใหญ่ประจำถิ่นเพราะสุดทนที่ที่วันๆ มันเอาแต่ขู่ตะคอกกรรโชกเงินทองชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ ผลก็คือเขาถูกรุมกระทืบรากเลือด ถ้าไม่คิดได้ว่ายังมีแม่ที่น่าสงสาร เขาอาจจะตัดสินใจเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ซึ่งผลของมันก็คือเขาคงได้อำลาโลกนี้ไปแล้ว และเหตุการณ์อันไม่น่า “หาทำ” นั้นก็เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมอันบัดซบและน่าหดหู่ใจนี่แหละ

ชายหนุ่มเอามือปาดหน้าผาก เหงื่อซึมออกมาชุ่มมือ แม้จะยังเป็นเวลาเช้าอยู่ แต่เมืองบัดซบนี้ร้อนบรรลัย เมื่อคืนเขาต้องกินยาพาราฯ ก่อนนอนสองเม็ด ตอนกลางวันนั้นร้อนจนหัวแทบระเบิด ตอนกลางคืนก็อบอ้าวทำให้เขานอนหลับๆ ตื่นๆ ฝันไม่เป็นเรื่องเป็นราวปะติดปะต่อ มีแต่เรื่องที่ต้องหนี ไม่รู้ว่าทำไมในฝันจะต้องหนีด้วย ทั้งที่ในชีวิตจริงมีแต่เรื่องที่บีบบังคับให้ยอมจำนนทั้งนั้น

คฤหาสน์คนจนปลูกติดต่อกันยาวเป็นพืดริมคลองขุดทอดสู่แม่น้ำเจ้าพระยา มันทำให้ชีวิตของเขาดูดีขึ้น ไม่เหมือนตอนเป็นเด็ก แม่ต้องหอบหิ้วเขากับพี่สาวตระเวนหาที่ซุกหัวนอนไปทั่ว ราวเป็นพวกผีตองเหลือง พอใบตองมุงหลังคาแห้งก็ต้องย้ายถิ่น แม้ว่าคำว่า “คฤหาสน์คนจน” จะเป็นคำเรียกแบบตอแหลเยาะเย้ยถากถาง แต่เขาก็ชอบคำคำนี้ มันเป็น “ความเท่าเทียมทิพย์” ระหว่างคนจนกับคนรวยที่ได้ใช้คำว่า “คฤหาสน์” ซึ่งมันเป็นคำที่พวกชุมนุมประท้วงในเดือนพฤษภาคมพูดกันบ่อยๆ นอกจากตะโกนไล่รัฐบาลแล้วพวกเขายังเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียมกัน เขาเองก็อยากได้ และเชื่อว่าทุกๆ คนก็อยากได้ แต่สำหรับเขาแล้วไม่เคยเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ มันจะก้าวข้ามเรื่องความรวยความจนไปได้ยังไง จะมีก็เพียงแต่ “ความเท่าเทียมทิพย์” เท่านั้น

“คงมีเพียงแค่ลมหายใจและความตายนั่นแหละที่ทุกคนเท่าเทียมกัน เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง มันเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ”

ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านปุปะทำเหมือนทุกวัน เมื่อตื่นนอนแล้ว เขาก็ตลบมุ้ง พับผ้าห่มวางบนหมอน มองไปยังตู้เสื้อผ้าพลาสติก เล็งว่าวันนี้จะใส่ชุดไหนดี ที่ใส่แล้วดูดี ใส่แล้วเท่ มีเสน่ห์จนทำเงินได้เป็นพัน แต่แล้วก็ต้องหัวเราะออกมา มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้น มีแค่ชุดเดิมๆ ให้เลือกอยู่แค่สองชุด

นักวางพวงมาลาประดับยนต์คว้าผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนหลังตู้มาพาดไหล่ เดินไปยังโต๊ะกลางบ้านเพียงโต๊ะเดียวที่มีอยู่ เปิดฝาชีครอบสำรับกับข้าวออก อยากรู้ว่าอาหารวันนี้เป็นอะไร ความจริงเขาก็เลือกไม่ได้อยู่แล้ว พี่สาวทำอะไรทิ้งไว้ก็ต้องกินทั้งนั้น ถ้าไม่อยากกินก็ต้องไปต้มน้ำร้อนชงบะหมี่สำเร็จรูปกินเอง แต่ว่าอาหารวันนี้เรียกว่าเข้าขั้นหรูทีเดียว เป็นต้มยำรวมมิตร สงสัยว่าเมื่อวานนี้เงินเดือนแม่บ้านของพี่สาวจะออก

แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าห้องน้ำ เขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่น เขาเพ่งตามองไปกลางแม่น้ำสายใหญ่ เมื่อเห็นภาพนั้นเขาก็ออกวิ่งทันที

 

อาจเป็นเพราะสวย โสภา ต้องจดแต้มในวงรัมมี่ของแม่ซึ่งซุกอยู่กลางสวนกล้วยมาตั้งแต่อายุแปด-เก้าขวบ จึงส่งผลให้เธอเป็นคนชอบตัวเลขจนมาเป็นนักคำนวณมืออาชีพในเวลานี้

ตอนแรกๆ ที่เริ่มงานนี้ เธอไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอาชีพได้หรือเปล่า เพราะต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนตอนที่แม่รวมเพื่อนพ้องมาเล่นรัมมี่โดยไม่ให้พ่อรู้ แรกๆ เธอต้องคอยเอากระดาษที่จดตัวเลขไปซุกตามศาลพระภูมิบ้าง หิ้งพระบ้าง เพราะเกรงว่าหากมีใครมาพบเห็นเข้าแล้วไปโพนทะนาต่ออาจจะพาเธอเข้าคุกได้ แต่เมื่อทำนานเข้า เธอก็เข้าใจเส้นสนกลในอันลึกซึ้งของอาชีพนี้ เธอย้ายสังกัดมาอยู่กับคุณนายผู้กำกับ กระทั่งทุกวันนี้เธอสามารถเลี้ยงชีวิตตัวเองและส่งเงินให้แม่เล่นรัมมี่ได้

สวย โสภา ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมายึดอาชีพนักคำนวณหรอก ตอนแรกที่เข้ามาทำงานในเมืองกรุงอันลึกลับซับซ้อนและผู้คนมากด้วยเล่ห์กล เธอเป็นพนักงานอยู่ร้านติ๊งต่องกะดึก แต่เกิดเป็นติ่งซีรีส์เกาหลีจนงอมแงม ยิ่งไอ้เรื่อง “โอเคไม่โอเค” อะไรนั่นด้วยแล้วเธอชอบมาก ดูแทบไม่ได้หลับได้นอน มันสร้างแรงบันดาลใจให้เธอฝันอยากมีคฤหาสน์สวยๆ ท่ามกลางขุนเขาอย่างนางเอกบ้าง นั่นแหละทำให้เธอหลับกลางอากาศขณะคิดเลขเผลอทอนเงินผิดไปหลายร้อยสองสามรอบ เธอเลยถูกเฉดหัวออกจากร้าน และทำให้วิถีชีวิตของเธอเข้าสู่เส้นทางของนักคำนวณ จนมาเป็นลมอยู่ใต้ปีกของคุณนายผู้กำกับที่ใครๆ บอกว่ามีเส้นสายยุ่บยั่บ แต่ละเส้นใหญ่กว่าเส้นก๋วยจั๊บทั้งนั้น

งานของสวย โสภา จะหนักตอนปลายเดือนถึงวันที่ 1 และช่วงกลางๆ เดือน ช่วงนั้นสมาร์ตโฟนของเธอจะร้อนเกือบทั้งวัน ทั้งโทรศัพท์เข้ามา ส่งไลน์มา และทักแชตมาทางอินบอกซ์ พวกเขาต่างเข้าหาเธอด้วยความหวัง แม้จะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่ก็ยังดีที่มีโอกาสได้ฝัน ขอเพียงฝันเห็นตัวเลขสวยๆ ก็ทำให้สุขใจแล้ว แม้จะเป็นเพียงฝันคืนเดียวก็ตาม

วันนี้เป็นวันว่างเพราะอยู่ในช่วงต้นเดือน เธอเลยจะไปตลาดแต่เช้า เพื่อซื้อของกินอร่อยๆ มาคลายความเหนื่อยล้าหลังจากต้องปวดหัวกับการคำนวณตัวเลขมาหลายวัน

หญิงสาวเดินออกจากคอนโดฯ สูง 37 ชั้น มุ่งหน้าไปยังท่าเรือข้ามฟากเพื่อข้ามไปยังอีกฟากฝั่งของแม่น้ำ แต่วันนี้ดูแปลกๆ รู้สึกว่าหนังตากระตุกถี่ๆ

 

โครม!

เสียงแห่งศักดิ์ศรีปะทะกันดังสนั่นสายน้ำใหญ่หัวใจของเมืองหลวง จากนั้นเกิดความชุลมุนวุ่นวายของผู้คนเพื่อหวังจะหนีให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราช

เรือด่วนพุ่งเข้าชนกลางลำเรือข้ามฟากที่มีผู้คนนั่งยืนอยู่บนเรือสี่ห้าสิบชีวิต เสียงหวีดร้องสะท้านไปทั้งสองฟากฝั่ง

เรือข้ามฟากถูกชนพลิกคว่ำ ชีวิตคนบนเรือโกลาหล

เมื่อชาย ชาตรี วิ่งไปถึง ทั้งริมฝั่งน้ำและกลางน้ำสับสนอลหม่าน คนหลายสิบคนกำลังตะเกียกตะกายว่ายเปะปะเพื่อพยุงร่างไม่ให้ตัวเองถูกกลืนลงไปใต้สายน้ำ แต่หลายคนไม่มีโอกาส พวกเขาจมลงใต้สายน้ำทันทีเมื่อเรือสองลำปะทะกันรุนแรง ชีวิตด่าวดิ้นปล่อยให้สายน้ำพาไปตามยถากรรม

ในวินาทีเป็นวินาทีตายเช่นนี้ การได้ช่วยชีวิตใครสักคนให้รอดพ้นเงื้อมมือของยมบาลได้นับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว

ชายหนุ่มตัดสินใจกระโจนลงสู่สายน้ำที่ไหลล่องไปออกทะเลใหญ่ ว่ายสุดกำลังแขน เมื่อไปถึงกลางวงล้อมของความชุลมุนวุ่นวายหลบหนีจากความตาย เขาก็คว้ามือของคนคนหนึ่งที่กำลังสำลักน้ำไว้ทันที

ร่างนั้นโถมเข้าใส่ทั้งตัวด้วยความหวังสุดท้ายที่จะนำพาให้ชีวิตรอด ชาย ชาตรี รู้ดีว่าถ้าเขาขืนปล่อยให้ทำแบบนั้นทั้งสองชีวิตคงจมลงใต้ผืนน้ำดับดิ้นไปพร้อมกัน เขารีบเอามืออีกข้างยันร่างนั้นไว้ ตะโกนสุดเสียง “อย่ากอด เราจะจมน้ำตายทั้งคู่”

เสียงเหมือนตะคอกนั้นช่วยให้หญิงสาวเรียกสติคืนกลับมาได้บ้าง เธอชะงักมือ ชายหนุ่มจึงจู่โจมเข้าคว้าคอเสื้อด้านหลังของเธอทันที

“อยู่เฉยๆ อย่าเกร็งตัว เดี๋ยวจะลากเข้าฝั่งเอง” ชายหนุ่มตะโกนสั่งแข่งกับเสียงหวีดร้องของสัญญาณฉุกเฉิน สองแขนของหญิงสาวตะกุยตะกายลดลง แต่ในดวงตายังมีแววของความตื่นตระหนก นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่เพิ่งรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาอย่างหวุดหวิด

ชาย ชาตรี ไม่ได้เหลียวไปมองกลางแม่น้ำที่กำลังโกลาหล ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนมากกระโจนลงไปช่วยคนที่กำลังตะเกียกตะกายลอยคออยู่ พร้อมกับมีเรือหางยาวซึ่งเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเร่งเครื่องสะท้านสายน้ำอยู่หลายลำ

ภาระของชายหนุ่มตอนนี้ก็นับว่าหนักหนาสาหัสไม่แพ้กันในการที่จะพาหญิงสาวที่ว่ายน้ำไม่เป็นและกำลังตื่นตระหนกในความเป็นความตายเข้าฝั่ง เมื่อมือข้างหนึ่งของเขาเกาะท่าเรือได้ก็มีมือหลายมือมาช่วยกันลากเขาและเธอขึ้นไปนอนแผ่หลาบนโป๊ะเรือ

ชายหนุ่มพ่นหายใจเหนื่อยหอบ เศร้าใจกับศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยอมกันไม่ได้แต่คนตายได้ “ประเทศนี้มีแต่ไอ้พวกบ้าศักดิ์ศรี” เขาได้แต่รำพึงในใจ หญิงในชุดชาวเอาแอมโมเนียชุบสำลีมายื่นใกล้ๆ จมูก เขารู้สึกว่าหายใจคล่องขึ้น เหลือบมองไปยังหญิงสาวที่เขาลากเข้าฝั่ง เธอหันมาพอดีพร้อมกับส่งยิ้มให้ แต่เป็นยิ้มที่อ่อนล้าโรยแรง

 

ในเมืองที่ใบหน้าฉาบหนาด้วยความลวงและความตลบตะแลงปลิ้นปล้อน การแต่งแต้มต่อเติมสีสันที่เกิดจริงเพื่อลวงล่อให้เชื่อหรือหลงใหล มันเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม

ชาย ชาตรี ออกจากคฤหาสน์คนจนด้วยชุดเก่ง เสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็กส์สีกรมท่า ผูกเน็กไทสีฟ้า สวมหมวกกอล์ฟสีน้ำตาลอ่อน มันเป็นเครื่องแบบประจำของเขาในการออกไปประกอบอาชีพวางพวงมาลาประดับรถยนต์ ซึ่งมันทำให้ลูกค้าสนใจเพียงเห็นแวบแรก แต่ว่าวันนี้เขาออกจากบ้านช้ากว่าวันวานนับชั่วโมง นั่นเพราะเกิดโศกนาฏกรรมกลางสายน้ำตั้งแต่เช้าตรู่

ความหยิ่งผยองในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แบบผิดๆ ทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้า ผู้คนนับสิบต้องบาดเจ็บล้มตาย นั่นเพียงเพราะต่างฝ่ายต่างอ้างความถูกต้อง อ้างความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแม่น้ำสายใหญ่ที่พวกเขาต่างใช้หากินเลี้ยงชีวิตโดยคำนึงถึงความวิบัติที่รออยู่ข้างหน้า แล้วเป็นไง…เฮ้อ

ชายหนุ่มนึกถึงหญิงสาวที่เขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายลงไปช่วยชีวิต ทำให้อดรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่สามารถช่วยชีวิตหนึ่งให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของศึกแห่งศักดิ์ศรีได้ เขาเพ่งตามองข้ามแม่น้ำสายใหญ่ไปยังตึกสูงฝั่งตรงข้าม ไม่รู้หรอกว่าเธออยู่ตึกไหน เพราะเธอไม่ได้บอก เธอบอกแต่เพียงว่าชื่อสวย แล้วให้ชื่อบนเฟซบุ๊กมาว่าชื่อ “คนสวย” เขาอดอมยิ้มไม่ได้ หน้าตาแบบนี้น่ะรึคนสวย

ขณะที่เดินออกจากคฤหาสน์คนจนที่ซุกอยู่ด้านหลังสุดของตลาดเก่าแก่มีของกินราคาแพง บางร้านที่ขึ้นชื่อว่าทำอาหารอร่อยกว่าจะเข้าไปนั่งกินเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงจะต้องจองเป็นวันสองวัน ตอนนี้เขายังไม่สามารถสะเออะเข้าไปนั่งลิ้มรสอาหารในนั้นได้ ถึงแม้ตอนนี้การแต่งกายจะไม่ขี้เหร่ แต่ว่าเงินในกระเป๋ามันไม่โอเค แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะพาแม่ไปนั่งชูคอในร้านให้ได้

เขาสไลด์ดูเรื่องราวของข่าวที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปยังเฟซบุ๊ก “หนุ่มประดับยนต์” เข้าไปค้นหาเพื่อนคำว่า “คนสวย” แต่มันมีอยู่เกือบสิบคน เลยต้องเข้าไปเปิดดูเรื่องราวทีละคน จึงพบว่า “คนสวย” ที่ต้องการ จึงแอดขอเป็นเพื่อน แน่ะ! ใส่โปรไฟล์เป็นดาราเกาหลีเสียด้วย “โอ้โฮ จกตาน่าดูนะเธอ” เขาพูดคนเดียวแล้วก็หัวเราะ แต่ก็น่าจะสมกับคนหล่อไม่เสร็จอย่างเขา สังคมจอมปลอมแบบนี้ ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นได้ทั้งหมด เช่นเดียวกับเรื่องราวที่แม้จะได้ยินกับหูว่าจะเป็นเรื่องจริงเสียทั้งหมด

เป็นดังคาดเมื่อเขายุรยาตรไปถึงสี่แยกที่รถราขวักไขว่ แม่ถลึงตาถามทันทีว่าทำไมมาช้านัก เขาอยากจะตอบว่าเรื่องมันยาว แต่อย่าดีกว่า จะยิ่งทำให้แม่ไม่สบอารมณ์แล้วด่าเปิง จึงเล่าเรื่องอันน่าตื่นเต้นและเศร้าสะเทือนใจให้ฟัง แม่ฟังแล้วได้แต่บ่นว่า “เวรกรรม”

“เดือนพฤษภาคมมันช่างเลวร้ายจริงๆ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง วันนี้เขาวางพวงมาลาประดับยนต์ได้ไม่กี่สิบพวง แม้จะราคาไม่แพง พวงละยี่สิบสามสิบบาท แต่ก็มีรถน้อยคันที่เปิดกระจกมารับพวงมาลาจากคนที่ยืนตากแดดตาละห้อย แต่เขาก็ต้องอดทนให้ผ่านพ้นเดือนนี้ไป ไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า แม้เขาจะไม่เชื่อว่าคนหนุ่มคนสาวพวกนั้นจะทำได้ทั้งหมด แต่ขอให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาบ้าง เขาอยากจะลบความทรงจำอันเลวร้ายในพฤษภาคมนี้ไปเสียที

ชายหนุ่มเดินกลับคฤหาสน์คนจนตอนค่ำด้วยความอ่อนล้า แต่ก็ยังดีอยู่บ้างที่เขาไม่ปวดหัวราวกะโหลกร้าวเหมือนเมื่อวาน เปิดเข้าไปดูในเฟซบุ๊กตอนนี้สวยรับเป็นเพื่อนแล้วพร้อมโบกมือทักทาย แล้วตามมาด้วยสติ๊กเกอร์ของผู้หญิงที่กำลังตื่นตระหนก “มันหมายความว่ายังไงกันนะ” ชายหนุ่มเก็บมาครุ่นคิด แล้วถ้าเธอตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาล่ะ “นี่เราเป็นบ้าอะไรไปนี่ ถึงต้องมาสนใจเรื่องของคนที่เพิ่งช่วยชีวิตและเจอกันแค่วันเดียวด้วย” เขาพึมพำไม่เข้าใจตัวเอง แต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะพิมพ์ข้อความในแชตบอกซ์ถามไปว่า “คุณเป็นอะไรไปรึเปล่า มีอะไรก็บอกได้ เราเป็นเพื่อนกัน”

ชาย ชาตรี ไม่รู้เลยว่าหลังจากพิมพ์ข้อความนี้ไป จะทำให้ชีวิตในเดือนพฤษภาคมของเขาเลวร้ายขึ้นไปอีก