เรื่องสั้น : เลิศ

เลิศอายุ 30 กว่า เป็นหนุ่มใหญ่มาจากต่างอำเภอ มาได้เพ็ญเป็นเมียที่นี่ เพ็ญอายุ 30 กว่าเหมือนกัน เธอมีร้านขายของต่างๆ อยู่ชั้นล่างของบ้าน ทั้งคู่ยังไม่มีลูกสักคน

เลิศมีรายได้พิเศษอีกอย่างคือตัดผมอยู่ที่เพิงข้างบ้าน ร้านในตลาดตัด 50 บาท เลิศตัด 30 บาทเท่านั้น

“ช่างทำไมตัดแค่ 30 ทำไมไม่ตัด 50” ครูชายเกษียณแล้ว บ้านใกล้กันถาม

“เราช่างใหม่ อยากหาขาให้มากๆ เลยตัดถูกกว่าเขา” เลิศบอกยิ้มๆ

คนแก่ๆ หลายคน เลิศตัดโดยไม่เอาตังค์ คิดเสียว่าทำบุญไป

“ช่างมีความรู้เรื่องไฟฟ้าไหม ไฟบ้านข้าติดๆ ดับๆ ไฟบ้านอื่นจ้า ไปแก้ให้หน่อย” คนตัดผมคนหนึ่งถาม

ว่างคนมาตัดผมพอดี

“ผมไปดูให้” เลิศบอก แล้วลุกไปหยิบถุงใส่เครื่องมือแก้ไฟฟ้า

เลิศก็ไปแก้ไฟให้เขาสว่างได้เหมือนปกติ

เมื่อมีคนรู้ว่าช่างตัดผมเป็นช่างไฟฟ้าก็ได้ บ้านใครไฟเสียติดขัด จึงมาให้ช่างเลิศไปแก้ให้ ช่างเลิศไปแก้ให้ทุกบ้าน โดยไม่คิดค่าช่าง

บ้านใครตาย เลิศก็ไปช่วยเขาเต็มที่ ตั้งแต่กวาดถูศาลาเอาไว้ศพ ยกเก้าอี้บริการให้แขกนั่ง ช่วยเสิร์ฟอาหารและน้ำตอนกลางคืนให้แขกมาฟังพระสวดศพ งานเลิกยกเก้าอี้ที่แขกนั่งเอาไปเก็บที่เดิม ฯลฯ เรียกว่าช่วยเต็มที่ดังกล่าว

งานแต่ง งานบวช ก็ช่วยเขาแบกหามเต็มที่อีก

หลายงานเมื่อเลิศยื่นซองช่วยงาน เจ้าภาพมักจะบอกเขาว่า “ไม่ต้องช่วยเงินหรอก ช่วยแรงก็พอแล้ว ขอบคุณมากนะ”

“เอาเถอะครับ ทำบุญด้วย” เลิศแค่น

แล้วเจ้าภาพก็รับซองไป

“เอ็งนี่ดีกว่าญาติข้าอีกนะ ทั้งเงินทั้งแรง ญาติๆ ข้าเงินก็ไม่ช่วย งานก็ไม่แข็ง เอาแต่กินเหล้าท่าเดียว” เจ้าภาพชมอีกและวิจารณ์ญาติของตน

เลิศคิดว่า เขาเป็นคนมาจากถิ่นอื่น ต้องช่วยงาน ต้องช่วยเงินคนท้องถิ่นเก่าให้มากๆ ชาวบ้านเขาถึงรักใคร่ เหมือนเครือญาติของเขาอีกคน

และร้านขายของของเลิศยังบริการให้ซื้อเชื่อได้อีก (แต่ไม่เกิน 500 บาทตามที่เมียเลิศตั้งกฎไว้)

“เลิศไม่กลัวเขาโกงหรอ ให้ซื้อเชื่อได้นี่” ครูชายบ้านใกล้เลิศถาม

“โกงก็โกงไป นึกว่าทำบุญทำทานไป” เลิศว่าเสียงค่อยๆ

“ที่ติดยายผ่อนไว้ 200 บาท หลายเดือนแล้ว ยังไม่เอามาให้เลย” เมียเลิศบอกครู

“ได้ยินคนข้างบ้านแกที่มาตัดผมบอกว่า ขอยืมเขาไปร้อยบาทก็ยังไม่ได้ใช้เลย ลูกๆ แกไม่มาดูดำดูดีหลายเดือนแล้ว สงสารนะแกตัวคนเดียว มาเชื่ออีกก็ต้องให้ไปอีก ทำไงได้ตาดำๆ” เลิศเข้าข้างยายผ่อน

คนแถวบ้านป่วยหนัก เลิศรู้จากคนมาตัดผมบอกให้ฟัง เลิศหิ้วนมกล่องครึ่งโหลไปเยี่ยมคนป่วย

“เลิศนี่ดีกว่าน้องข้าอีกนะ ไม่เห็นมาเยี่ยมเลย” คนป่วยชมเลิศ

“ครับๆ แถวย่านบ้านเดียวกันเห็นหน้ากันบ่อย แล้วลุงก็ไปตัดผมร้านผมเป็นประจำ ก็ต้องมาเยี่ยมเยือนกัน ตอบแทนกันบ้าง” เลิศบอก

“อ้อ คราวนี้ลุงเดินไปร้านตัดผมไม่ได้แล้ว วันอาทิตย์ผมจะมาตัดให้ที่บ้านเลย ฟรีครับ ไม่คิดเงิน คิดว่าทำบุญครับ”

“ดีๆ พ่อคุณ จำเริญๆ เถอะ” คนป่วยอวยพรล่วงหน้า

เด็กๆ แถวบ้านเลิศ ไปสมัครเรียนต่อ ม.1 เลิศก็ให้รวมเพื่อนๆ แล้วเลิศก็เหมารถพาไปให้สมัคร วันประกาศผลสอบเลิศก็เหมารถให้ไปอีก

ในงานจัดงานวันเด็กของโรงเรียนประถมใกล้บ้านเลิศก็บริจาคไอศกรีมถังให้เด็กกินกันให้อร่อยปาก

เด็กๆ แถวบ้านเลิศมาซื้อขนม น้ำอัดลม น้ำแข็ง ฯลฯ

“จัดงานวันเกิดจ้ะน้าเลิศ” เด็กบอกเลิศเมื่อเลิศถามว่าซื้อไปไหนมากมาย

“งั้นน้าช่วยน้ำอัดลมขวดใหญ่ขวดหนึ่งก็แล้วกัน” เลิศไม่คิดค่าน้ำอัดลมหนึ่งขวดใหญ่

ผู้ใหญ่บ้านตายด้วยโรคมะเร็ง

ครูชายเกษียณแล้วอยู่บ้านใกล้บ้านเลิศ มาคุยกับเลิศที่ร้านตัดผมของเขาหลังจากอ่านหนังสือพิมพ์แล้ว

“เลิศสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านสิ”

“ก็คิดๆ อยู่เหมือนกันครับ…ครูว่าผมจะสู้เขาได้ไหม อย่างเช่นลูกผู้ใหญ่ที่ตายสมัคร เขาเป็นคนท้องที่เก่ากว่าผม ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงเขาเยอะกว่าผม” เลิศปรึกษาครูเก่า

“ครูว่าสู้ได้สบายมาก เมียเลิศก็เป็นคนท้องที่เก่า เกิดที่นี่ ญาติก็เยอะ เท่าเจ้าเดชลูกผู้ใหญ่ที่ตาย เพื่อนฝูงก็เท่าเจ้าเดชอีก…ความดีของเลิศเยอะกว่าเจ้าเดชมาก คิดๆ แล้ว ครูว่าชนะแน่นอนนา” ครูเก่าบอกอย่างลึกซึ้ง

“งั้นสมัครครู เชื่อครู” เลิศตัดสินใจ

ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน 2 วัน เลิศกับเมียก็ปิดร้านตัดผมและร้านค้า ออกขอเสียงชาวบ้าน

เข้าบ้านแรก หัวแถวบ้านใกล้วัด

เลิศกับเมียไหว้เจ้าของบ้านซึ่งนอนอยู่ใต้ถุนบ้านบนร้านไม้จริงกับเด็กอีก 2 คน

“เลือกผมเป็นผู้ใหญ่บ้านนะครับ เรียกง่ายใช้คล่อง อยู่ที่บ้านทุกวัน” เลิศบอกอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

“เลือกเอ็งแน่นอน เอ็งตัดผมถูกกว่าช่างในตลาด งานทั้งหลายเอ็งก็ช่วยแข็งขันดี” คนวัยลุงบอกเสียงหนักแน่น

บางบ้าน เมียเลิศขอเสียงบ้าง แล้วก็ได้รับคำตอบ

“งานผัวข้า ช่างเลิศก็ไปนอนเป็นเพื่อนศพทุกคืน คนในบ้านข้าเลือกช่างเลิศแน่นอน” คนวัยแม่เลิศรับรอง

และเข้าอีกหลายบ้าน จนถึงบ้านยายผ่อน

เมียเลิศไม่ไหว้ยายผ่อน ส่วนเลิศไหว้

“ยายเลือกผัวหนูเป็นผู้ใหญ่นะ”

“เอาเงินมาแจกข้าบ้างสิ” ยายผ่อนขอตาเขม็ง

เมียเลิศนิ่งนิดหนึ่ง แล้วบอกหน้าเรียบๆ

“เอาค่าที่หนูติดยายซื้อของไว้นะ ยกให้ยายเลยเอ้า แล้วยายอย่าบอกคนอื่นนะขอร้อง ขืนบอก พวกที่หนูติดเงินเขารีบมาบอกขอแบบยายบ้าง หนูก็ทุนหายกำไรหมดกันละยาย”

เมียกับเลิศรีบลงจากบ้าน

เข้าอีกบ้านซึ่งมีผัวเมียวัยปู่ย่ามองเลิศอยู่ นอนอยู่บนร้านไม้จริงใต้ถุน

เลิศขอเสียงบ้าง หลังจากยกมือไหว้แล้ว

“ลุงกะป้า ผมขอเสียงเลือกผมเป็นผู้ใหญ่บ้านนะ”

คนวัยปู่ย่า ลุกขึ้นจากนอน

“เอ็งไม่แจกเงินเหรอ” คนวัยปู่ถามเสียงเข้ม

“เดี๋ยวนี้น่ะ เงินไม่มาเสียงไม่ไปนะ” คนวัยปู่บอกอีก

“เอ็งอ้างจน เอ็งก็ต้องกู้เขามา เอ็งไม่แจกเงิน เอ็งเอาเปรียบคนเลือกเขานะ เพราะเอ็งได้เงินเดือนจากผู้ใหญ่บ้าน ถ้าไม่มีเงินเดือนสิ ข้าถึงไม่ขอเงินเอ็ง” คนวัยปู่สอนหนัก

เมียเลิศตัดสินใจ “ลาละลุงป้า เพราะยังมีอีกหลายบ้าน” เธอรีบยกมือไหว้แล้วสะกิดผัวให้รีบเดินตาม

ฯลฯ

ผลการเลือกตั้ง เลิศชนะได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน

เลิศชวนครูใกล้บ้าน และญาติทางเมียเลิศอีก 3 คนมากินเลี้ยงฉลองชัยชนะกันอย่างเงียบๆ บนชั้นสองของร้านค้าในคืนหนึ่ง

“ไม่น่าเชื่อนะ เลิศชนะได้” ญาติทางเมียเลิศคนหนึ่งชวนกันคุยขึ้นถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา

“ความดีของเลิศเขาเยอะกว่า” ครูวิจารณ์แล้วว่าต่อ

“ถ้าเลิศไม่เคยช่วยใคร ไม่ทำอะไรให้ใคร เอาแต่กินเหล้าบ่อยๆ แบบเจ้าเดชคู่แข่ง แพ้เจ้าเดชแน่” ครูขยายความอีก

เลิศเอาแต่ยิ้มรับคำวิจารณ์ ไม่วิจารณ์อะไรเพิ่มเติม

“ถ้าไอ้เดชลงทุนสักแสนกว่า แจกหาเสียง ชนะเลิศนะ” ผู้พูดหันมามองเลิศ

“ใช่ครับ” เลิศยอมรับ

“มันประมาทไปหน่อย” ญาติทางเมียเลิศสรุป

“คงไม่มีเงินพอ ค่าทำศพพ่อเขาหมดไปหลาย” ครูวิจารณ์

ฯลฯ

เดือนต่อมาจากการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน

เดชมาคุยกับเลิศที่ร้านตัดผมเลิศ ขณะปลอดคนมาตัดผม

“ข้าไม่อ้อมค้อมนะ ข้าจ้างเอ็งออกจากผู้ใหญ่บ้าน เอ็งจะเอาเท่าไร ข้าจะลงเลือกอีก ข้าอยากเป็นผู้ใหญ่บ้านจริงจังเสียแล้ว ข้าจะกัดฟันขายนาจ้างเอ็ง” เดชว่า

เลิศกะพริบตาคิดครู่หนึ่ง แล้วว่าช้าๆ อย่างตั้งสติกะทันหัน

“เขาว่าอีกปีหนึ่ง ส.ท. จะหมดวาระ เลือกตั้งกันใหม่ ก่อนเลือกตั้ง ส.ท. เดือนหนึ่ง ผมจะลาออกจากผู้ใหญ่บ้านไปลง ส.ท. ช่วงนี้ขอกินเงินเดือนผู้ใหญ่บ้านไปก่อน ตุนทุนไว้”

“เอ็งจะเอาเท่าไหร่” เดชถาม

“เอาสามแสนเอ้า” เลิศบอกเบาๆ “เอาภายใน 2-3 เดือนนี้นะ”

“จะเอาไปทำอะไรมากมายนัก ข้านึกว่าจะเอาสักแสนหรือสองแสน” เดชต่อรองและถาม

“ผมจะออกหาเสียงตั้งแต่ช่วงนี้เลย ใช้เงินเลย ต้องเอาเงินใส่ซองช่วยงานเขา งานบวช งานแต่ง งานตาย งานวัดทอดผ้าป่ากฐิน เอาอย่างน้อยก็เจ้าละ 300 บาท งานผ้าป่างานกฐินก็ซักพันสองพัน จะไปให้ทุนการศึกษา 2 โรงเรียนในเขตนี้สักโรงเรียนละ 3 ทุน ทุนละ 2,000 บาท ขึ้นปีใหม่ก็ต้องซื้อของขวัญไปให้พวก ส.ท.เขา ให้เขาเอาเราเข้าทีมด้วย สักกระเช้าละพันกว่าบาท ตอนหาเสียง ส.ท. ก็ต้องเอาเงินช่วยทีมเขา สักแสนกว่าบาท หรืออาจไม่ถึงก็ได้ สามแสนนี่ไม่แพงเลยจริงๆ แล้วถ้าผมไม่ได้ ส.ท. ละก็ ซวยตายเลย ขาดเงินผู้ใหญ่บ้านไปหลายเงินทีเดียว มากกว่าสามแสนก็แล้วกัน จริงไหม” เลิศหยุด ให้เดชคิดตาม

“หลายคนต้องว่าผมโง่ที่ลง ส.ท. เป็นผู้ใหญ่บ้านดีๆ ไม่พอเพียง โลภเกินไป” เลิศว่า

“เอ้อ…เดี๋ยวๆ…ผมขอไปปรึกษากับเมีย กับหัวหน้าทีม ส.ท.เขตเราก่อนนะ อีกสี่ห้าวันจะได้คำตอบ” เลิศผัดผ่อน

“ข้าก็เหมือนกัน ขอไปปรึกษาแม่ ปรึกษาพี่สาวพี่เขยก่อน สามแสนเชียวนะ”

“ไม่แพงหรอก” เลิศรีบขัดจังหวะ