เรื่องสั้น : เ(ค)รื่องกีดขวาง (จบ) / สุขุม คัมภีรภาพ

เรื่องสั้น

สุขุม คัมภีรภาพ

 

เ(ค)รื่องกีดขวาง (จบ)

 

คืนนั้นเขาฝัน หลังรถยนต์สี่ประตูจะขับผ่านรางรถไฟ เขาชะลอรถ หันซ้ายแลขวาจนแน่ใจ แต่ก็ต้องสะดุ้งกับสัญญาณไฟสีเหลืองกะพริบเตือนว่ารถไฟจะมา

ออริยานั่งหน้าซีด มือกุมสายคาดเข็มขัดนิรภัยแน่น ปากพึมพำภาษาพระสวด เขาฟังไม่เข้าใจ ขณะสองล้อหน้ารถยนต์สี่ประตูคร่อมราง เขาเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวผ่านพ้น จู่ๆ รถดับ สตาร์ตเท่าไรไม่ติด เหงื่อออกชุ่มแผ่นหลังและหน้าผาก ออริยาปากยังพึมพำ เร็วๆ สิพี่ เธอเร่ง รอรถไฟมาได้ตายห่ากันพอดี เธอว่า รีบลงไปเข็นรถกันเถอะ เขาชวน ก่อนปลดเข็มขัดนิรภัยออกและเปิดประตูลงไป

เขาไปยืนหน้ารถ พยายามออกแรงผลักกระโปรงรถ ให้สองล้อหน้าถอยห่างจากราง เหลียวมองด้านข้าง ไฟสัญญาณเตือนยังกะพริบ ถนนนเล็กๆ สายนี้ไม่มีเครื่องกั้น ผู้ขับรถต้องใช้ความระมัดระวังกันเอง คนในพื้นที่จะรู้ว่ารถไฟมาเวลาไหนบ้าง เขาหันมองออริยา เธอยืนกอดอกเป็นคุณนาย มองเขาแก้ปัญหา เสียงหวูดโว้ด โว้ดดังมาแต่ไกล เขาตะโกนบอกออริยาให้มาช่วยกันหน่อย เธอส่ายหัว กลัวรถไฟเหยียบ เธอว่า เขารวบรวมพลัง ออกแรงผลักอีกรอบ ไม่ได้ผล เหมือนล้อรถจะถูกดูดติดรางรถไฟ มันไม่ขยับเขยื้อน เสียงหวูดโว้ด โว้ด ดังเข้ามาใกล้ รางเหล็กสั่นสะเทือน

เขาสะดุ้งตื่น เหงื่อแตกพลั่ก หัวใจหวิวหวั่น หันมองออริยาในความมืด เธอนอนหงายหายใจสม่ำเสมอ เขาขยับแล้วเลิกผ้าห่มพ้นตัว จากนั้นลุกไปเข้าห้องน้ำ

 

ออริยานั่งมองเม็ดฝนพราวใบกระถินริมรั้ว พ่อตามักเด็ดยอดอ่อนมาจิ้มน้ำพริก เขามองหอยทากลากเมือกยาวเป็นทางบนพื้นปูนหน้าบ้าน ก่อนจะทบทวนบทสนทนาระหว่างออริยากับลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งที่บ้านสวนสมรม แกอยากมาช่วยจับไก่เนื้อ แลกกับขี้ไก่ พอนำเรื่องนี้ไปถามพ่อตา ก็ถูกด่าว่าทันที ไม่ต้องให้คนนอกเข้ามายุ่ง เดี๋ยวนี้ริคบหาคนอื่น แล้วพ่อตาก็หันมาจ้องหน้าเขา ขี้ไก่นอกจากจะใส่กระสอบขายได้ บางส่วนยังแบ่งเอาไปใส่ต้นปาล์มในสวน ใครอยากได้ก็ซื้อเอา ซื้อเหมือนเศษใบไม้กระสอบละยี่สิบ พ่อตาอารมณ์เดือดดาล แล้วไก่นะ บริษัทเข้ามาจับเอง ไม่รู้เรื่องเลย เขากับออริยาไม่เคยรู้ว่าพ่อกับลุงหมายไม่กินเส้นกัน ถ้าไม่ขัดกันเรื่องถนนลาดยางมะตอย ก็คงเรื่องแกนนำสนับสนุนโรงไฟฟ้าชีวมวล เขาเดา แต่แม่เล่าให้ฟังว่า ข้อพิพาทแตกหักระหว่างเพื่อนบ้าน แค่ไม้ต้นเดียวต่างหาก

สวนที่ออริยาซื้อด้วยเงินออมข้างสวนสมรมลุงหมาย มีต้นเทียมปลูกระหว่างเขตแดน ต่างคนต่างถกเถียง ลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งบอกว่า ไม้ต้นนี้พ่อแกปลูกไว้ เมื่อพ่อตาให้เจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัด ต้นเทียมอยู่ในเขตสวนที่ออริยาซื้อ ถามเจ้าของเดิม ไม่มีใครปลูก มันน่าจะขึ้นเองตามธรรมชาติ ขนาดหนึ่งคนโอบ หากโค่นคงขายได้ราคางาม พอพ่อตาจะโค่นเพื่อล้อมรั้วลวดหนาม ลุงหมายก็ตามผู้ใหญ่บ้านซึ่งนามสกุลเดียวกันมาห้าม ในที่สุดตกลงกันไม่ได้

เขานึกถึงสีหน้าบูดบึ้งกับพร้าคมวาวที่ลุงหมายแบกวันนั้น

 

กลางพฤศจิกายน ฝนตกหนักบางแห่ง คราวนี้ไฟดับข้ามคืนถึงเช้า สงสัยไม่มีใครโทร.ไปแจ้งการไฟฟ้า ออริยาสีหน้าเคร่งเครียด แต่ละนาทีถูกผลาญด้วยน้ำมันกับเครื่องปั่นไฟ เธอบ่นว่าขายไก่เนื้อคราวนี้คงขาดทุนยับ เขายืนโอบไหล่ออริยา มองท้องฟ้าอุ้มน้ำ ก่อนมันจะกลิ้งลงสองข้างแก้ม

“จับไก่ขายคราวนี้คงเลิกเลี้ยง” เธอสะอื้น แล้วหันมายิ้มเศร้า เขาโอบไหล่เธอแน่นขึ้น

“ถ้าการเมืองดี ไฟฟ้าคงไม่ดับบ่อย” เธอเอ่ยอย่างสิ้นหวัง ยกหลังมือปาดน้ำตา

เขาตัดสินใจคุยกับออริยา จะไปขอซื้อต้นเทียม เธอบอกว่าพ่อรู้คงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี อีกอย่างต้นไม้นั่นก็ขึ้นอยู่ในที่ดินของเรา เขามืดแปดด้าน เรื่องนี้ยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่คิด แต่เขาก็ไม่นิ่งดูดาย โทร.สอบถามการไฟฟ้า ขอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยจัดการรานกิ่งไม้ในพื้นที่

เขาขับรถกระบะสี่ประตูวนเวียนสวนสมรม ต้นเทียมกิ่งพาดสายไฟ ลำต้นเอนกะเท่เร่ เกือบครึ่งเดือนกว่ารถการไฟฟ้าพร้อมลูกจ้างแบกเคียวด้ามไม้ไผ่และพร้าเข้ามา ลุงหมายขึ้นโรงพักแจ้งตำรวจ ลงบันทึกประจำวันว่าพนักงานการไฟฟ้าบุกรุกและทำลายทรัพย์สิน

ชาวบ้านในพื้นที่ซุบซิบเรื่องลุงหมายสีหน้าบูดบึ้ง แจ้งความพนักงานการไฟฟ้าที่เข้าไปรานกิ่งไม้ตามหน้าที่ ก่อนจะรวมตัวกันกดดันให้ลุงหมายล้มต้นเทียมเพื่อส่วนรวม เพราะหลังจากวันนั้นไฟฟ้าในหมู่บ้านดับสองคืนติดกัน แต่ละหลังเริ่มบ่นน้ำไม่ไหล ไม่ได้ชาร์จแบตมือถือ ต้องหุงข้าวกับเตาแก๊ส ตู้บุญเติมเป็นใบ้ ตู้น้ำมันหยอดเหรียญไร้คนใช้บริการ พ่อตาหงุดหงิด อดฟังหนังน้องเดียว

“ต้นไม้ยืนต้นอยู่ดีๆ จะโค่นมันทำไม” ลุงหมายโยนคำถาม

“ถ้ามันล้มฟาดสายไฟ ใครจะรับผิดชอบล่ะครับ” เขาพูดสวน ความคิดแผ่ขยายไป

“แล้วมันล้มหรือยัง” ลุงหมายหันสีหน้าบูดบึ้งมองมา

“โค่นก็หมดปัญหา” ชาวบ้านคนหนึ่งโพล่งทะลุกลางปล้อง

“ตกลงปัญหาคือต้นไม้ยังไม่ล้ม แต่คนจะโค่น” ลุงหมายพูดเนิบ หันมองต้นเทียมสูงชะลูด ลมพัดยอดใบไหวส่าย

“ไฟดับขึ้นมา ชาวบ้านทุกคนเดือดร้อนค่ะ” ออริยาแย้งกลับ พยายามรักษาน้ำเสียงให้สุภาพ

“กระต๊าก กระต๊าก” ลุงหมายทำท่าตีปีก

“อย่าพูดเหตุผลให้เปลืองน้ำลาย แกฟังผู้หญิงเสียที่ไหน” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกน

“ต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นเหตุให้ไฟดับรึยัง แต่ละคนคิดไปเองทั้งนั้น” ลุงหมายยื่นหน้าไปทางออริยา มีเสียงกระซิบในกลุ่มชาวบ้าน

“เพื่อความสบายใจ โค่นเถอะ อย่าเห็นแก่ตัว” ชาวบ้านอีกคนปากกล้า

“ว่าใครเห็นแก่ตัววะ” ลุงหมายกัดฟันกรอด หันสีหน้าบูดบึ้งจ้องคนพูด กระแทกปลายพร้าปักดินฉึบๆ “ตกลงธุระของทุกคนที่มาวันนี้ คือจะโค่นต้นเทียมในที่ดินคนอื่น มันใช่เรื่องมั้ย” ชาวบ้านหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก เงียบเป็นเป่าสาก

“แน่ก็เข้ามา” ลุงหมายเชิดสีหน้าบูดบึ้ง หยิบพร้าคมวาวขึ้นจะไล่ฟัน แล้วเดินกระดกก้นเหมือนตัวหนังตะลุงเข้าบ้านสวนร่มรื่น กาเหว่าแว่วเสียงหาคู่อยู่บนทางมะพร้าว

 

หลังชาวบ้านรวมตัวกดดันให้ลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งโค่นต้นเทียมไม่เป็นผล ข่าวโรงไฟฟ้าชีวมวลกระพือในหมู่บ้านอีกระลอก บางคนพูดว่าลุงหมายสนับสนุน เพราะจะขายที่ดินครึ่งหลังสวนสมรมสร้างโรงงาน บางคนรอประชาพิจารณ์รอบใหม่ แต่ส่วนใหญ่ยืนกรานแข็งขันคัดค้าน

“ตกลงลุงหมายเป็นแกนนำสนับสนุนโรงไฟฟ้าชีวมวลจริงมั้ย” เขาอยากรู้

“สิทธิของแก” ออริยาไหวไหล่ ไม่มีท่าทีสนใจเรื่องนี้ หลังจากจับไก่เนื้อขายหมดแล้ว เธอขาดทุนไม่มาก และกำลังคิดว่าควรหาอะไรทำ

“เลี้ยงด้วงสาคูแทนไก่เนื้อดีกว่า” ออริยาเอ่ยไม่มีปี่มีขลุ่ย ในความคิดเธอ นอกจากเรื่องส่วนตัวแล้ว ก็มีความเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎรที่ยังสนใจติดตาม

เพจ UNME of Anarchy เผยแพร่ภาพและข้อมูล “ระบุว่าในคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ออกจากที่ตั้งหมู่บ้านทะลุฟ้า บริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล หลังติดตั้งลวดหนามหีบเพลง และตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก สืบเนื่องจากนัดหมายของผู้ชุมนุมที่จะเดินทางจากอนุสาวรีย์สู่ทำเนียบ เพื่อตั้งหมู่บ้านในเชิงสัญลักษณ์”

– เขาคิดกันแบบเด็กๆ ตั้งเสร็จ รื้อออก

– ใครสั่งมา

– รัฐคอนเทนเน่อ

– น่าสมเพช ประเทศนี้มีร้าบานขังตัวเองไว้ในทำเนียบ

– หมดงบค่าขนย้ายไปเท่าไรล่ะ ภาษีกูทั้งน้าน

– มาไวกว่าวัคซีนอีกกกก

– ทำเหมือนถ่ายหนังสงคราม…

– สุดจัดจริง ทำอย่างกะพวกกูเป็นซอมบี้

– ไอ้สัส น้าค่อมกล่าว

 

ปลายมีนาคม กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนพายุฤดูร้อน ออริยาไม่กังวลใจกับไฟฟ้าดับ ในเมื่อไก่เนื้อถูกจับขายหมดแล้ว ช่วงนี้เธอครุ่นเครียดกับข่าวร่างรัฐธรรมนูญถูกตีตก ยิ่งรัฐบาลสลายการชุมนุมม็อบ 20 มีนาคมด้วยแก๊สน้ำตา กระสุนยาง คลิป จนท.คฝ.ใช้กระบองฟาดประชาชนที่แยกสะพานวันชาติ ออริยาดูเหม่อเศร้า เธอพึมพำ “หยุดคุกคามประชาชน หยุดคุกคามประชาชน” เขาเป็นห่วงออริยา อยากให้เธอติดตามเพจ DEEN VLOG หรือเฟซบุ๊กร้านเจ้เล้ง ranjaeleng บ้าง จะได้ผ่อนคลาย

คืนนั้นฝนกระหน่ำ ก่อนเขากับออริยาเข้านอน ไฟฟ้ากระตุกและวูบดับ ขณะกำลังเคลิ้มหลับ เขาสะดุ้งเสียงเคาะประตู พ่อตาได้ยินเสียงแง้นๆ ของเลื่อยยนต์ เขาเหลือบดูเวลาในหน้าจอไอโฟนแล้วอ้าปากหาว เกือบเที่ยงคืนแล้ว ฝนซาเม็ด อึ่งอ่างงึมงำ เขาคว้ากุญแจรถ จากนั้นเดินตามพ่อตาออกจากบ้าน “ธุระก็ไม่ใช่ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะออกไปกันอีก” ออริยาบ่นไล่หลัง

ไฟส่องทางหน้ารถกระบะสี่ประตู สะท้อนภาพลุงหมายใช้เลื่อยยนต์ตัดกิ่งก้านต้นเทียมที่ล้มขวางถนน พ่อตาและเขาจอดรถชิดข้างทาง สวมไฟฉายคาดหัวก่อนลงจากรถ แล้วช่วยกันเคลื่อนย้ายกิ่งก้านที่ถูกตัด แง้นๆ พื้นถนนเปียกลื่น แง้นๆ พ่อตาตะโกนคุยกับลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งใต้แสงไฟฉาย

“เลื่อยเป็นท่อนๆ ยาวสักสี่เมตร” พ่อตาเจ้ากี้เจ้าการ มือล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบตลับเมตรออกมาวัด

“มึงอย่ามายุ่ง” ลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งแยกเขี้ยว

“ต้นเทียมอยู่ในที่ดินลูกสาวกู ไม่ยุ่งได้ไง” พ่อตายืดอกแย้ง

“เลื่อยแล้วมึงจะเอาไปไหน” ลุงหมายดับเครื่องเลื่อยยนต์

“ขายสิ” พ่อตาว่า

“ไม้นี่ของกู” ลุงหมายอ้าง

“ของลูกสาวกูต่างหาก” พ่อตาเถียง

“มึงอย่าหัวหมอ” ลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งเย้ย เปิดเลื่อยยนต์ เร่งเครื่องแง้นๆ

 

“เอ้า ยืนบื้ออยู่ทำไม” ลุงหมายกับพ่อตาผสานเสียง เรียกเขาให้มาช่วยกันผลักต้นเทียม หนึ่ง สอง สาม ท่อนแรกกลิ้งไปหน้าสวนออริยา อากาศชื้น แต่ออกแรงแล้วร้อนเหงื่อแตกพลั่ก เอ้า อีกท่อนกลิ้งทุลักทุเลไปหน้าสวนสมรม เขายกมือเปียกชื้นเช็ดกางเกง จากนั้นยืดตัวยืนเท้าสะเอว หายใจหอบ มองใบต้นเทียมร่วงกระจัดกระจายชุ่มฝนบนพื้น เขาสูดกลิ่นใบไม้เปียก พรุ่งนี้พ่อตากับลุงหมายสีหน้าบูดบึ้งจะขึ้นโรงพัก ให้ตำรวจชี้ขาดว่าใครควรจะได้ไม้เทียมสองท่อนนี้

เขานึกภาพความวายป่วงออก ภาวนาให้ตำรวจยึดเอาไปเสีย เรื่องมันจะได้จบๆ