เรื่องสั้น | หล่อนไม่เคยเห็นผี (1)

สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติมีความเกี่ยวพันกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณ แมลง กุ้ง หอย ปู ปลา รอบๆ แอ่งน้ำมีพืชหลายชนิด ปกคลุมอยู่มากมาย บางตอนค่อนข้างโล่งจะมีต้นไม้ยืนต้นสูงใหญ่ที่มีพืชอิงอาศัย ปกคลุมเขียวชอุ่มอยู่ตามกิ่งก้าน มีนกหลายชนิดกำลังกระโดดหรือเดินหากินไปตามพื้นดินแฉะๆ ภายใต้ร่มเงาของไม้พื้นล่าง มีผลสุกมากมายให้ฝูงนกได้จิกกิน

หมู่แมลงจะแลเห็นตัวมันได้ยาก เนื่องจากสีสันและลวดลายของมันจะกลมกลืนไปกับใบไม้และไม่ค่อยชอบปรากฏตัวในที่โล่ง ถ้าหากได้ยินเสียงอะไรนิดหน่อย มันจะพากันกระโดดหรือบินหายตัวไปทันที ในนาข้าวตอนเช้ายังรางเลือนอยู่ในสายหมอก มีน้ำค้างเกาะพร่างพราวอยู่ตามใบข้าว ฝูงนกพากันกระพือปีกส่งเสียงร้อง พากันบินขึ้นจากยอดไม้อย่างรวดเร็ว นกร้องติดต่อกันไปเรื่อยๆ ได้ยินได้ในระยะไกล เสียงร้องของมันจึงดังกังวานก้องไปทั่วท้องนา พอหมู่แมลงกรีดปีกระงมร้อง ฝูงนกพากันพุ่งลงมาทันที

พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่าก้มๆ เงยๆ อยู่กับรวงข้าวเพื่อเก็บพันธุ์ข้าวพื้นเมือง คนเฒ่าค้นหาเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ จำต้องใช้เวลาและความอดทน แกะเมล็ดข้าวจากรวงใหญ่ทีละเม็ด เมื่อได้พันธุ์ข้าวแล้ว เมื่อนำไปปลูกจนแตกกอออกรวงมา คนเฒ่าจะคัดหาเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ไปอีกหลายรุ่น จึงต้องหาเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะกับแปลงนา บางพันธุ์ได้สูญหายไป ก็ได้จากการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน คนเฒ่าเคยมีพันธุ์ข้าวพื้นเมืองมากมายหลายสายพันธุ์ แต่มันได้สูญหายไปหมดแล้ว เพราะมีการปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวให้เหมือนกันหมด โดยเอาพันธุ์พื้นเมืองไปแลกพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ ความหลากหลายของรสชาติ กลิ่นจึงหายไป

พ่อเฒ่าอดใจหายไม่ได้ เมื่อพันธุ์ข้าวพื้นเมืองมากมายได้หายไปจากนาข้าว คนพวกนั้นเอาข้าวชอบปุ๋ยเคมีมาให้ปลูก มันก็ขายปุ๋ยขายยาพ่วงตามกันมา หากไม่ใส่ปุ๋ย ผลผลิตก็จะน้อย ใส่ปุ๋ยมากๆ แมลงศัตรูพืชและโรคระบาดก็ตามมา ยิ่งระดมฉีดยาพ่นยา แมลงก็จะดื้อยา ส่วนแมลงที่มีคุณต่อข้าวก็จะพากันตาย ยิ่งใช้ปุ๋ยใช้ยามาก ก็กลับมีแต่หนี้สินงอกงาม ไม่นานที่ดินที่ติดจำนองก็หลุดมือ

แม่เฒ่าได้ปลูกผักพื้นบ้านที่กินได้ไว้มากมาย นางจึงเก็บใบเด็ดยอดอ่อน หาผลอ่อนผลแก่เก็บไปไว้กิน ในนาของนางมีข้าว กบ หอย ปลาในนามีให้กินตลอด ถ้าหากใช้ปุ๋ยใช้ยาเคมี ทุกอย่างหายไปหมดไม่มีจะกิน ขายข้าวแล้วต้องไปซื้อปลามากิน ซื้อผักมากิน นางพอรู้มาว่าบางคนขายข้าวเปลือกไปจนหมด แล้วก็ซื้อข้าวสารมากิน มันปลูกฝังกันให้เชื่อว่าไม่มีอะไรดีเท่าการใช้ปุ๋ยเคมี ใช้ยากำจัดศัตรูพืช นางรู้มันมีผลประโยชน์มากมายมหาศาล พอใช้กันมากขึ้นก็พากันล่มจม เป็นหนี้เป็นสินเพิ่มขึ้น

หอมกลิ่นดิน หอมกลิ่นข้าวใหม่ สายลมได้หอบพัดพากลิ่นของความสุขล่องลอยไปไกล เพราะในนาข้าวได้ปลูกข้าวเอาไว้อย่างหลากหลาย นั่นทำให้ข้าวสุกไม่พร้อมกัน คนเฒ่าจึงทยอยเกี่ยวไปได้เรื่อยๆ เกี่ยวข้าวเบาก่อน เหลือข้าวหนักไว้เกี่ยวทีหลัง ถ้าหากปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองจะขายออกยาก ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ภูมิปัญญาที่สั่งสมถ่ายทอดสืบกันมาได้ถูกทำลายลงโดยน้ำมือของคนปลูกข้าว รสชาติของข้าวที่กินได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มันต้องกินปุ๋ยกินยาที่บริษัทขายเอง

พ่อเฒ่าจึงปลูกพันธุ์ข้าวในนาให้มีความหลากหลายของพันธุ์ข้าว เพราะข้าวแต่ละพันธุ์มีความทนทานต่อโรคและแมลงต่างกัน หากเกิดแมลงระบาด มีหนูมากมายมากัดกินต้นข้าว แกก็ยังเหลือข้าวสายพันธุ์อื่นเอาไว้กิน ฝนแล้งจะเหมาะกับข้าวเบา แต่ถ้าฝนหนักก็จะดีกับข้าวหนัก แกจึงมีข้าวเอาไว้กินตลอดปี ถ้าได้ข้าวมากจึงจะแบ่งขายไปบ้าง ผักหญ้ามีให้เก็บให้กิน มีปลาในน้ำมากมาย ในนาไม่มีพิษภัยของสารเคมี มีแต่ความสุขเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน นาข้าวจึงมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ

แม่เฒ่ารับรู้ว่ามีผีคอยปกปักรักษานาอยู่ ผีจะอยู่ตรงทางน้ำผ่าน มีต้นไม้ยืนต้นขึ้นปกคลุมจนแน่นทึบ ใครจะไปตัดไม้ ปิดทางน้ำไม่ได้ มันผิดผี ทำแล้วจะเจ็บไข้ไม่สบาย นางนึกไปถึงผีขุนน้ำ อันมีแม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่โพสพ ผืนดินของนางมีเจ้าปกปักรักษา มีความอุดมสมบูรณ์ของดิน ความหลากหลายของพรรณพืช สัตว์มากมายรวมกันเป็นระบบนิเวศต่างพึ่งพาอาศัยกัน มีการกินเป็นทอดๆ เป็นห่วงโซ่อาหาร

พ่อเฒ่าอดน้อยใจไม่ได้ว่า กลางทุ่งไม่มีควายมากินหญ้า นกเอี้ยงก็หายไป พอคนเริ่มทำนาหว่าน เป็นช่วงตั๊กแตนขยายพันธุ์ มันระบาดไปทั่ว ต้องฉีดพ่นยา กลิ่นเหม็นไปทั่วทุ่ง แกรู้มานานแล้ว ไม่มีการเลี้ยงผีกันอีกแล้ว ผีถูกขับไล่หายไปพร้อมกับความอุดมสมบูรณ์ เมื่อผีหายไป ผักหญ้าและสัตว์เล็กสัตว์น้อยก็หายไป แกเชื่อว่าวันหนึ่งผีจะกลับมาสู่ท้องนา ศาลเพียงตาจะมีอยู่ทุกหัวคันนา

แม่เฒ่ามองนาอย่างมีชีวิต ในนาข้าวแห่งนั้น เป็นตู้กับข้าวใบใหญ่ ให้นางได้เก็บ ได้กิน ได้ใช้อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น ความหลากหลายของอาหารมีมากกว่าอาหารในตลาด มีความอิ่มหนำโดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อหามา นาของนางมีความสุขอยู่เต็มผืนดิน มีผีคอยดูแลจึงมีทุกอย่างในนาข้าว

นางมีความเชื่อว่าผีจะกลับมา จันทร์หญิงร่างทรงจะพาเหล่าผีมาปกปักรักษาผืนดิน ผืนน้ำ และข้าวในนา อีกไม่นานผีจะกลับคืนสู่ท้องนา เมื่อนั้นความอุดมสมบูรณ์จะกลับมา

ผีจะนำภูมิปัญญาพื้นบ้านมาให้ ผีจะบันดาลทั้งข้าวปลาอาหารให้เต็มยุ้งฉาง ให้เต็มท้องนา ผีกำลังจะมา ผีจะกลับมาคืนเรือน เพลงของผีจะล่องลอยในสายลม

อากาศร้อนอบอ้าว ลมไม่พัดมาสักวูบ มองเห็นเปลวแดดระยิบระยับ แม่เฒ่าถอดงอบออกมาโบกวีไปมา พ่อเฒ่าดึงเอาผ้าขาวม้าที่เคียนหัวออกมาเช็ดใบหน้า คนเฒ่าพากันมานั่งหลบแดดใต้ร่มไม้ ไกลตาออกไปไอร้อนผะผ่าวเต้นวูบวาบ มีเสียงนกร้องระงมดังมาจากหมู่ไม้ซึ่งปกคลุมหนาแน่น ตรงนั้นเป็นหัวไร่ปลายนามีศาลไม้สูงเพียงตาตั้งอยู่ เป็นที่ผีคอยปกปักรักษาตาน้ำซึ่งผุดออกมาจากพื้นดินจึงเป็นแหล่งอยู่อาศัยของส่ำสัตว์ ละแวกนั้นมีพลังจากความเชื่อความศรัทธาที่มีต่อผี จึงไม่มีใครมาตัดไม้ รุกรานเอาชีวิตสัตว์ คนเฒ่าคุ้นกับธรรมชาติในแถบนี้เป็นอย่างดี จึงไม่มีอะไรมารบกวนสัตว์พวกนั้น

ในเมื่อผีมีความเงียบสงบสุข คนเฒ่าบูชาผีด้วยความทะนุถนอมเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเชื่อว่าผีจะคอยดูแลคุ้มครองปกป้องรักษาเรือกสวนไร่นาให้มีความอุดมสมบูรณ์ ผืนดินต้องมีต้นไม้ขึ้นปกคลุม เรือนยอดแผ่คลุมท้องฟ้า รากหยั่งลึกลงใต้ดิน ดูดเอาความชุ่มฉ่ำของน้ำให้มาขังเฉอะแฉะ เพราะที่นั่นมีความชุ่มชื้นจำนวนมากใต้ผิวดิน เมื่อมีน้ำไหลใสสะอาดจึงมีสัตว์น้ำมาอยู่อาศัยมากมาย

สายลมพัดพาเมล็ดพืชให้แพร่กระจาย เมื่อมีน้ำผุดออกมาจากใต้ดิน ต้นไม้ก็เกิดขึ้นมาใหม่ส่งผลถึงชีวิตของส่ำสัตว์ได้เข้ามาอยู่อาศัย คนเฒ่ารู้เรื่องดิน รู้เรื่องน้ำ รู้เรื่องต้นไม้ยิ่งกว่าใครๆ ภายในนั้นมีความร่มรื่น ชุ่มชื้น ผีได้นำความมหัศจรรย์มาสู่ท้องนา ทำให้ทุกชีวิตต่างอยู่เย็นเป็นสุข คนเฒ่าเชื่อสนิทใจว่าผียังคงก้มหน้าก้มตาปกปักรักษาธรรมชาติ ผียังคอยดูแลลูกหลานและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร

เมื่อฝนตกลงมา ต้นไม้ก็จะดูดซับน้ำเก็บเอาไว้ ดินชุ่มชื้น ผักหญ้าขึ้นงาม คนเฒ่าจึงไม่ประหลาดใจเลยว่า ผีนำพาความสุขมามอบให้กับผืนดิน ผืนน้ำ ว่ากันตามความจริง ผู้คนก็หาเก็บหากินจากดอกผลของต้นไม้ใบหญ้า สัตว์เล็กสัตว์น้อยมากมาย ผีได้ปลุกความหวังและความสุขบนความเชื่อซึ่งมีมาแต่ดั้งเดิม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเคยมีอยู่ในนิทานปรัมปรา ได้มอบความงามให้ท้องทุ่ง มีน้ำไหลเอื่อย มีดงหญ้าพืชรกทึบเป็นที่อยู่ที่กินของสัตว์ มองแต่ไกลเห็นต้นไม้ใหญ่ยืนต้นขึ้นอยู่หนาแน่น

คนเฒ่าพากันเดินเข้ามาในดินแดนของผี ยกมือขึ้นพนม แล้วเพ่งจิตอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณนั้น พอสิ้นคำอธิษฐานเพียงชั่วครู่ ลมพัดกระหน่ำเข้ามา ต้นไม้ใบหญ้าก็สั่นไหว แล้วอีกไม่ถึงอึดใจฝนก็ตกลงมา พอแดดออกก็หยุดตกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้เพียงหยดน้ำเกาะตามใบไม้ใบหญ้า

บนกิ่งต่ำๆ ของต้นไม้มีนกกระโดดซุกซอกไประหว่างใบไม้จากโคนกิ่งเรื่อยไปถึงปลายกิ่ง คอยจิกกินหนอน แมลง ที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ พอมีเสียงดัง ทำให้มันตกใจ พอตัวหนึ่งบินไปอีกตัวหนึ่งก็บินตามไปด้วย พากันบินไปเกาะต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วก็ส่งเสียงร้องกันระงม

ผีกลับมาแล้ว ผีนำความงอกงามมาสู่พืชพรรณ ผีนำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ส่ำสัตว์

ดินดำน้ำชุ่ม ข้าวเขียวชอุ่มงามตา ความสุขหล่นกระจายเกลื่อนท้องทุ่ง

คนเฒ่ามีความทรงจำเกี่ยวกับผี มันเลือนรางดูเหมือนภาพเก่าๆ เป็นวันที่ต้องรอคอย ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการนับถือเซ่นไหว้ผี สิ่งเหล่านี้เหมือนเกราะคุ้มใจ ต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมมากมายจึงมีน้ำผุดออกจากดิน มีอาหารมีที่คุ้มแดดคุ้มฝน นกและแมลงได้พากันมาอาศัยหาอยู่หากิน คนเฒ่าเห็นสิ่งเหล่านี้จนชินตา เห็นจนเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่คุ้นเคย เหมือนภาพซ้อนที่ติดอยู่ในทุกห้วงของลมหายใจ ช่วงที่ต้นไม้ออกดอกออกผล นกหลากชนิดบินมาจิกกิน ส่งเสียงร้องดังระงม บางครั้งกระรอกก็จะโผล่เข้ามาในตอนนี้ วิ่งไปตามกิ่งไม้ เสาะหาผลสุกมาลิ้มรสชาติ ในยามแสงแดดอ่อนส่องผ่านม่านใบไม้ ประกายวูบวับวูบวาบแต่งแต้มอยู่บนพื้นดิน ยิ่งยามโพล้เพล้จะมีเสียงนกร้องเซ็งแซ่ ต่างยกพวกมาจับจองหาคอนไว้เกาะเมื่อตะวันตกดิน

พ่อเฒ่าจ้องมองดงไม้ด้วยความสุข ผีทั้งหลายได้ร่วมปกปักรักษา มีต้นไม้ก็จะมีสัตว์มาอยู่ แล้วน้ำจะนำความชุ่มชื้นมาสู่พื้นดิน เหล่าผู้คนต่างได้อาศัยพึ่งพา แม่เฒ่ายังคงหาเก็บยอดอ่อนหน่ออ่อนของต้นไม้ ตามพื้นมีเห็ดซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ผุพัง นางหาอยู่หากินตามสภาพแวดล้อม อาหารนั้นมีหลากหลายในธรรมชาติ เมื่อเมล็ดเริ่มงอกต้นอ่อนจากผืนดิน ความเขียวขจีผลิใบอ่อน ต้นอ่อนและยอดอ่อนล้วนกินได้ทั้งสิ้น บางชนิดมีหัวฝังอยู่ใต้ดิน แกะจากฝักกินสดๆ ได้อร่อย พืชผัก สมุนไพรชูยอดพุ่มใบภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ แมลงกินได้เกาะตามกิ่งไม้ ต้นไม้ ผลไม้ล้วนสุกในเวลาเดียวกัน เป็นฤดูกาลแห่งความสุขของนาง

กับข้าวกับปลามีในตู้กับข้าวใบใหญ่ จะเก็บกินก็ไม่มีวันหมด เพียงแต่ปล่อยให้ขึ้นเอง คนเฒ่ามีอาหารธรรมชาติเรียงรายอยู่รอบตัว เพียงแค่มองดูและรู้จักความมหัศจรรย์ของต้นไม้และสัตว์เล็กสัตว์น้อย โดยเก็บหาอาหารจากที่ใกล้มือ ฤดูกาลหมุนเวียนผ่านไป ของกินได้ก็เปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อม คนเฒ่ามองเห็นสีสันของใบไม้ ผลไม้ที่ขึ้นอยู่กับเวลารสชาติของพืชผักมีความสด กรอบ เป็นรสชาติตามธรรมชาติ

ผีถูกสร้างขึ้นจากจารีตประเพณี เพื่อให้ผีสงวนรักษาต้นไม้ ผืนน้ำ ส่ำสัตว์ ความเชื่อความศรัทธาจึงก่อกำเนิดขึ้น มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับวิถีชีวิตประจำวัน ผีถูกกำหนดด้วยความพึงพอใจระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ภายใต้ความเรียบง่าย อ่อนน้อมยอมรับในการมีอยู่ของผีอย่างต่อเนื่อง และสืบต่ออย่างไม่ขาดสาย มีผีอยู่จึงได้บันดาลข้าว ปลา อาหารให้มีกินมีใช้อย่างไม่ขาดแคลน

บางคนทำลายธรรมชาติด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่เห็นว่าจะเกิดความเสียหาย เพียงแค่จับผีเสื้อไปตัวเดียว เด็ดดอกไม้สวยงามติดมือกลับไป คนเฒ่ามองว่าการกระทำเพียงเล็กน้อย มันส่งผลกระทบมากมายจนคาดไม่ถึง ทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับการผสมเกสร จึงไม่ติดดอกออกผล

ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว คนเฒ่านั่งเหม่อมองสายน้ำที่ไหลเอื่อย ฉับพลันที่ลูกมะเดื่อสุกงอมได้หลุดจากกิ่งร่วงหล่นสู่พื้นน้ำ ปลาโผขึ้นฮุบทันที ฝูงปลาแย่งชิงอาหารทำให้ท้องน้ำแตกกระจายเหนือยอดไม้ หมู่นกโบยบินโผร่อนผ่านไปมา คนเฒ่านึกถึงธรรมชาติที่มีการเกื้อกูล ควบคุมกันและกันโดยมีธรรมชาติเป็นผู้กำหนด หากแหล่งอาหารสูญหายไป จะมีผลกระทบถึงกันอย่างต่อเนื่องตามห่วงโซ่อาหาร ช่วงที่ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มระบัดใบอ่อน ผีเสื้อและแมลงจะมีจำนวนมาก คนเฒ่าเคยเห็นผีเสื้อบางชนิดชอบเกาะหลบอยู่ตามพุ่มไม้ ตัวของมันมีสีคล้ำกลมกลืนไปกับพุ่มไม้ที่เกาะอยู่ บางชนิดก็มีลวดลายของปีกที่เป็นจุดวงกลมใหญ่คล้ายดวงตาของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า เป็นการดำเนินชีวิตไปตามเงื่อนไขและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ

ถ้าหากวันไหนฝนตก คนเฒ่าจะทำงานในท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย พอฝนหยุดตกกลิ่นป่าไอดินอบอวลไปทั่ว พากันสูดกลิ่นหอมอย่างชื่นใจ เสียงนกที่ร้องระงมก่อนฝนตกเงียบหายไป ความชุ่มชื้นร่มเย็น มีเสียงน้ำไหล เสียงลมพัดกระทบใบไม้ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วทำให้คนเฒ่าเพลิดเพลินอยู่ในทุ่งนา เมื่อนกส่งเสียงร้องอยู่บนพุ่มไม้ เพียงครู่เดียวก็บินจากไป มันคงจะตกใจที่เห็นคนเฒ่าเดินก้มๆ เงยๆ อยู่ในนาข้าว แดดยามบ่ายราแสงลงเรื่อยๆ ลมพัดหอบไอแดดร้อนอบอ้าวเข้ามาด้วย ความเหนื่อยล้าและร้อนระอุวูบวาบ จึงชวนกันไปหลบแดดใต้ร่มไม้ พักผ่อนให้คลายร้อนพอหายเหนื่อยก็ลงนาต่อ

ใบไม้ใบหญ้าขึ้นเป็นกอเป็นพุ่มสุมทุมรกเรื้ออยู่ไม่ไกลต้นไม้ยืนต้น กระรอกกระโจนโลดแล่นอยู่บนต้นไม้ กิ่งกระเพื่อมไหวยามที่มันโผทะยาน จากกิ่งหนึ่งไปเกาะอีกกิ่งหนึ่ง แสงแดดส่องเฉียงลอดใบไม้ลงมาเป็นลำมาเต้นวูบวาบบนพื้นดิน คนเฒ่านั่งมองดูความอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์และพืชพรรณนานาชนิด ตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบเห็น เพราะมีการนับถือผี จึงเอื้อให้หลายชีวิตกำเนิดขึ้นมา มีประโยชน์ที่เอื้อต่อกันในระบบนิเวศ เป็นความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตของคนในชุมชน

กลิ่นหอมของข้าวเหมือนยังคลุกเคล้าอยู่ในอากาศ ฟ้าดูลิบโล่ง ลมโชยมาเพียงแผ่วเบา มีเสียงอะไรบางอย่างแทรกตัวออกมาจากความเงียบ กอข้าวไหวยวบยาบเป็นทางยาว กลิ่นน้ำอบลอยอบอวลกรุ่นจมูก แล้วพัดแรงขึ้น ใบข้าวพลิกไหวพะเยิบพะยาบมีเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน คนเฒ่าตื่นตระหนก ความกลัวไหลลามแผ่คลุม ขนลุกซู่หนาวเยือกวูบวาบตามผิวกาย พลันนั้นมีเสียงเห่กล่อม เสียงตีโทนกระหึ่มก้อง บทเพลงของผีได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ราวจะร้อยหนังตาให้หนักลง ฉุดกระชากความรู้สึกนั้นให้ล่องลอย แดดหุบแสง กลิ่นหอมดอกลั่นทมกรุ่นกำจาย หญิงในชุดนุ่งห่มสไบปรากฏเพียงเงาจางๆ แล้วอันตรธานสาบสูญ คนเฒ่าเดินไม่ไหว มือตีนอ่อน ขาก้าวไม่ออก

เสียงเห่กล่อมยังล่องลอยในสายลม เสียงนั้นเศร้าเย็น

เมื่อลืมตาขึ้นมา แสงแดดกระจ่างชัดเจนอยู่ในอากาศ คนเฒ่าเหมือนตกอยู่ในความเงียบและวังเวง มีบางสิ่งบางอย่างติดค้างอยู่ในใจ หูได้ยินเสียงตีโทนกระหึ่มก้อง เป็นจังหวะรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง เปลือกตากะพริบถี่ แดดจัดขึ้นทุกที ภาพและเสียงก็หายไป คนเฒ่ายกมือท่วมหัว ปากขมุบขมิบขอสมาลาโทษ มีความตั้งใจจะปกปักรักษาต้นไม้ทุกชนิดทุกต้น และจะปลูกต้นไม้ให้ป่าเขียวชอุ่ม เพื่อให้สัตว์มีที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งอาหารของชุมชน เป็นต้นน้ำของความชุ่มชื้น มีศาลเพียงตาใต้โคนต้นไม้ใหญ่

ต้นไม้ที่จะปลูกเป็นต้นไม้พื้นเมือง ซึ่งมีขึ้นทั่วไปในท้องถิ่น ที่จะบำรุงดิน รักษาแหล่งน้ำเอาไว้ ส่วนต้นไม้ที่ไม่ค่อยเป็นประโยชน์ต่อพื้นดิน น้ำและอากาศ เช่น ยูคาลิปตัส คนเฒ่าเคยใช้จอบขุดดินบริเวณรอบต้น ไม่มีแม้แต่ไส้เดือน แมลงตัวเล็กตัวน้อย มันทำให้ดินแข็งไม่ร่วนซุย ดูดเอาน้ำมากมายไปไว้ในลำต้น การปกป้องรักษาต้นน้ำ ผีขุนน้ำ เป็นเรื่องความเป็นความตายของชุมชน เพราะว่าป่าเป็นสิ่งซึ่งให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้อากาศบริสุทธิ์เอาไว้หายใจ มีน้ำไว้ใช้เพราะมีต้นไม้ก็จะมีความชุ่มชื้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์

นานมาแล้ว ถนนได้นำวัฒนธรรมแบบวัตถุนิยมเข้าไปครอบงำผู้คน จนหลงลืมผีปล่อยให้ความศรัทธา ความเชื่อหายไปกลางแสงแดด คนส่วนใหญ่คิดแต่เรื่องเงิน คิดแต่หาประโยชน์ส่วนตัว ผีหายไปจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ผีกลายเป็นผีเร่ร่อนล่องลอยไปตามยถากรรม ความเชื่อดั้งเดิมได้ถูกทำลาย ผีสาบสูญและหายไปนานแล้ว เมื่อขาดการเซ่นไหว้บูชาผี ผีไม่อยู่ต้นไม้จึงถูกตัดโค่นทำลาย

ผีจะกลับมานำความสุขมาสู่รากเหง้า

ผีได้นำความศรัทธากลับคืนสู่ธรรมชาติ

คนเฒ่าได้สัมผัสดินและต้นไม้ สังเกตเห็นรากและรากต้องอาศัยดิน มีชีวิตอยู่บนพื้นดิน มองเห็นคุณค่าของแม่ธรณี มีชีวิตอาศัยน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นไม้ใบหญ้า ได้อาศัยดื่มกิน มองเห็นคุณค่าของแม่คงคา เมื่อมีดินดี น้ำชุ่ม ก็ได้ปลูกข้าวเอาไว้กินมองเห็นคุณค่าของแม่โพสพ

ตัณหาเป็นรากเหง้าของความทุกข์ ความอยากที่ไม่รู้จักพอ และไม่สามารถลดความอยากได้ ผู้คนแสวงหาวัตถุ เงิน ทองมากมาย แต่แล้วคนยังมีความทุกข์อยู่ มีความเดือดร้อนใจจึงเกิดการเอารัดเอาเปรียบ การทำลายความเชื่อเรื่องผี เมื่อผีหายไปต้นไม้ซึ่งเป็นแหล่งน้ำก็ถูกทำลาย ดินก็เสื่อมยังส่งผลกระทบถึงนาข้าว คนเฒ่ามีความกังวลใจ หากขาดผีไปสิ่งมีชีวิตเป็นจำนวนมากกำลังจะสูญพันธุ์ไป

ภายในที่ดินของคนเฒ่า มีต้นไม้ที่ให้เมล็ดเป็นอาหาร ต้นไม้ที่ให้ผล ต้นไม้ที่ใช้เป็นที่พักอาศัย ต้นไม้ที่ให้วัตถุดิบสำหรับทำเสื้อผ้า มีไม้ไผ่สำหรับเอาไปจักสาน ต้นไม้ให้วัตถุดิบสนองความจำเป็นในการดำรงชีวิต จึงต้องมีศาลให้ผีสิงสถิต เพื่อเซ่นไหว้บูชาและให้ผีปกปักรักษาต้นไม้ ผีมีอยู่ด้วยความอุดมสมบูรณ์

พ่อเฒ่ามองการพัฒนาเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายค่านิยมที่ดีงาม ทำลายการเคารพนับถือในชีวิต ผีถูกทำลายด้วยความเชื่อว่างมงาย ผู้คนไม่พึ่งพาอาศัยเกื้อกูลกับต้นไม้ พื้นดิน แม่น้ำ เมื่อขาดความเคารพยำเกรงต่อผี จึงได้ทำลายสภาพแวดล้อม

แม่เฒ่ายังมีผีอยู่ในความเชื่อ นางมองเห็นความวิบัติเข้ามาพร้อมความสะดวกสบายและความทันสมัย ในนาข้าวไม่มีพืชผักที่กินได้ นก แมลง ฝูงปลาต่างหายไปจนหมดสิ้น มีเพียงพื้นดินไร้หญ้าปกคลุม ยากำจัดศัตรูพืช ปุ๋ยเคมี ได้กระชากแหล่งอาหารซึ่งมีอยู่มีกินอย่างอุดมสมบูรณ์ ทุกคนพึ่งพาตลาดเพื่อซื้อหาของกินของใช้ คนถูกผลักดันให้อพยพย้ายถิ่นมาทำงานในเมือง ไม่มีคนอยากอยู่ในท้องไร่ท้องนา

คนเฒ่ามีความเชื่อว่าธรรมชาติมีธาตุทั้ง 5 ดิน น้ำ อากาศ ลม และไฟ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคน เมื่อนำเทคโนโลยีเข้ามามาก ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสินค้าไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างถูกมองว่ามีประโยชน์หรือไม่ ผีจึงไม่มีประโยชน์เพราะเป็นความเชื่อที่ขัดขวาง เป็นข้อห้ามจากจารีตประเพณี มองต้นไม้ว่าอยู่ในธรรมชาติ การกราบไหว้บูชาได้กลายเป็นความงมงาย ต้นไม้ได้ถูกทำลายเป็นเพียงสินค้าในตลาด

ผีให้ทุกสิ่งทุกอย่าง แบ่งปันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับชีวิต

ผีคือทุกสิ่งทุกอย่างของชุมชน

สรรพสิ่งล้วนมีชีวิตกลมกลืนซึ่งสัมพันธ์กับสรรพชีวิตที่แวดล้อม

ผีทำให้ทุกชีวิตทุกสิ่งล้วนศักดิ์สิทธิ์

ผีในป่าตามธรรมชาติมีความสัมพันธ์กับบรรยากาศ ก่อเกิดอิทธิพลต่อภูมิอากาศ ดินจึงมีความชุ่มชื้น และความอุดมสมบูรณ์เกิดจากการทับถมของใบไม้ ดินกลายเป็นที่อยู่อาศัยให้แก่สัตว์และพันธุ์ไม้หลายชนิด ผีจึงมีอยู่ในความเชื่อดั้งเดิม

คนเฒ่ายังมองเห็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับระบบนิเวศน์ คนจึงมีหลักความมั่นคงในเรื่องอาหาร มีความสำนึกในบุญคุณของผี ในป่าหากมีผีจะมีความอุดมสมบูรณ์

พ่อเฒ่าเคยนำเหล่าผู้คนมาปลูกต้นไม้ที่ให้อาหาร ปลูกต้นไม้หรือพืชที่จะใช้เลี้ยงสัตว์ได้ ปลูกต้นไม้เป็นที่อยู่อาศัย เป็นเครื่องนุ่งห่มได้ ปลูกต้นไม้ที่ใช้เนื้อไม้ได้

แม่เฒ่าบอกว่า นกเป็นตัวปลูกพืช เป็นตัวกระจายเมล็ดพันธุ์ เมื่อรักษานกนานาชนิดก็จะมีต้นไม้มากมายให้ผีได้อยู่ได้อาศัย มีแหล่งอาหารให้คนได้เก็บได้กินได้ใช้ประโยชน์

ก่อนหน้านี้ ผีเคยถูกเย้ยหยัน ถูกมองข้าม ถูกโดดเดี่ยว ถูกกล่าวประณามเพราะคนไม่เชื่อการบูชาผี จึงได้ทำลายต้นไม้ใบหญ้า สัตว์และแมลง การมีอยู่ของผี ทำให้มีต้นไม้หลายชนิดซึ่งให้เมล็ดและผลเป็นอาหาร มีผลไม้ตามฤดูกาล ไม้ที่ให้รากและหัว สัตว์และแมลงมากมาย ผีจึงเป็นความมั่นคงทางอาหาร

ศาลบูชาผียังมีอยู่ ผีทำให้เหล่าผู้คนต่างเคารพและยำเกรง มีความหวาดกลัวต่อการผิดผี ผิดจารีตประเพณี ทำให้คนรอดพ้นจากความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยากได้อยากมี

ผีจึงยิ่งใหญ่ไพศาลในธรรมชาติ

ผีได้ปลุกให้พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่าตื่นตัวเห็นคุณค่าสิ่งมีชีวิตรอบตัว