เรื่องสั้น | ก่อน 8.30 น.

นอกกระจก ลึกเข้าไปในรั้วโรงเรียน ใครบางคนสวมชุดกากียืนอยู่ใต้ร่มเงาประดู่ กลางสนามหญ้าแห้งๆ เด็กๆ นับไม่ถ้วนเข้าแถวอาบแสงแดด ฉันจินตนาการถึงเหงื่อไคลกับกลิ่นตัวของพวกเขา

สัญญาณวิทยุเริ่มขาดๆ หายๆ เสียงประกาศจากโรงเรียนริมถนนแว่วมา ภาพจำลองอนาคตวางกองอยู่ตรงนั้น โฮมสกูลที่เคยฝันใฝ่หว่านเมล็ด ฝ่อสนิท

คุณเอ่ยว่าหนาว “น้องหนาว น้องหนาว” จึงละสายตา ปิดวิทยุยุติการก่อกวน ก่อนลดแอร์ ปรับทิศทางลมไปทางซ้าย คนขายพวงมาลัยหลบหลีกมอเตอร์ไซค์เปิดไฟเลี้ยวขวา

ถึงไฟจราจรที่ 4 ครึ่งทางแล้ว และพอพ้นจากไฟจราจรที่ 5 อีกราวๆ 10 กิโลเมตรจะถึงจุดหมาย ฉันชวนคุย ก่อนชำเลืองกระจกมองหลัง บนคาร์ซีต คุณจับเลโก้แมลงเต่าทองเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา

หลายปีแล้วที่วนเวียนบนเส้นทางสายเดิม ความคุ้นชินสร้างความทรงจำขนาดย่อม ภายในบรรจุความผุพังของถนนกับช่องเดินรถสำหรับลัดเลาะเอาตัวรอด แม่นยำราวป้ายแนะนำเส้นทาง

ทว่านับจากวันที่คุณเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ฉันก็หยุดพุ่งทะยานในช่องเดินรถฝั่งขวา ขับไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วขังตัวเองในอัลบั้ม วิช ยู เวอร์ เฮียร์ ของพิงก์ฟลอยด์

ปกติแล้ว แม้ก่อนและหลังความสูญเสีย ฉันไม่เคยพาคุณมาที่ทำงานด้วยเลย เป็นข้อตกลงที่เราคุยกันเมื่อครั้งยังมีชีวิต

ทว่าครั้งนี้ ไร้ที่พึ่ง ปราศจากคำปรึกษา และญาติที่ฉันฝากเลี้ยงติดธุระเข้า กทม.กะทันหัน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจแรงๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

ไปด้วยกันไหม ฉันแกล้งถาม คุณนอนพยักหน้า อ้อนวอนให้ฉันอ่าน หมีตัวใหญ่ที่สุด [1] ทดแทนเสียงที่ถูกพรากไปเพราะความตายที่คุณไม่น่าจะรู้จัก

แสงสลัวจากไฟฉายเล็กๆ ที่คุณส่องไปส่องมา ช่วยฉันอ่านจบลงสองรอบ และเหมือนเฉกเช่นคืนก่อนๆ หลังรับขวดนมที่เพิ่งชง เพียงลูบหัวตบก้นเบาๆ คุณก็หลับอย่างง่ายดาย

โมงยามของการอ่านจึงเริ่มขึ้น ฉันหยิบบันทึกในกลักไม้ขีดของอุมแบร์โต เอโค จ่อตรงหน้า มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาส่องไฟ ดวงตาจับจ้อง

ล่วงเลยกระทั่งตีสอง ฉันพับมุมกระดาษในย่อหน้าสุดท้ายของบทที่มีชื่อว่า “วิธีลอกจากอินเตอร์เน็ต” เหมาะสำหรับใช้ในการเรียนการสอน ว่าด้วยการค้นหาข้อเขียนที่เชื่อถือไม่ได้พร้อมระบุเหตุผล

ทว่าความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ต่อวิชาชีพ ไม่ได้หมายความว่าฉันพร้อมดำเนินชีวิตเต็มรูปแบบโดยปราศจากคุณ การวางหนังสือที่อ่านจบ เรียงรายซ้อนกันเพื่อถ่ายภาพสันปกแล้วโพสต์ลงในเฟซบุ๊กทุกๆ วันหวยออก เสมือนแค่ยาปฏิชีวนะ

ชั่วโมงการหลับจึงขึ้นอยู่กับการอ่าน มากบ้างน้อยบ้าง ไม่สามารถระบุเวลาที่แน่ชัดได้ หนังสือคล้ายเพื่อนเก่าไม่เจอกันเนิ่นนาน บางครั้งชวนคุยถึงเรื่องราวในอนาคตที่ยังไม่ปรากฏ บางครั้งฉุดรั้งให้หมกมุ่นกับความทรงจำในอดีตที่คลึงคล้าย

ทว่านั่นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการตื่น ยิ่งการหลับยากเย็นแสนเข็ญมากเท่าไหร่ การตื่นคือสิ่งตรงกันข้าม ฉันไม่เคยตื่นสายเกินกว่าที่ตั้งปลุกไว้ ให้ตายเถอะ มันจำเป็น สี่ช่วงเวลา นับแต่ 6.00 น. เพิ่มไปทีละห้านาที จวบจน 6.15 น. ฉันจะตื่นไม่เกินนั้น

เช้านี้ก็เช่นเดียวกัน หลังเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัว ฉันสะกิดปลุกคุณ สีหน้าไม่สู้ดี สะลึมสะลือ โยกเยกโอนเอน ฉันตะล่อมอยู่นาน กระทั่งทิ้งไพ่ใบสุดท้าย คุณจึงต่อรองขอพาแมลงเต่าทองไปด้วย

สายน้ำจากฝักบัวพุ่งขึ้นจากพื้นประหนึ่งน้ำพุ คุณวาดมือปัดป่ายไปมา พลางตบแปะ คล้ายปรบมือ ก่อนอังมือบังไว้ไม่ให้น้ำกระเซ็นสูง คุณหัวเราะชอบใจ ถามฉันว่า “น้องทำอะไรอยู่ น้องทำอะไรอยู่”

ต่อรองอยู่นานกว่าคุณจะยอมออกจากห้องน้ำ ร่างถูกห่อคลุมห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวราวดักแด้ ฉันจูงมือคุณไปยังโถงกลางบ้าน หยิบผ้าอ้อมสำเร็จรูปกับกางเกงขายาวสีน้ำเงินและเสื้อยืดสีฟ้าลายหลวงพระบางมาสวมใส่ให้

กระทั่งปิดไฟ ถอดปลั๊ก ล็อกประตูบ้าน ฉันย่อตัวลงแล้วกางแขนรอรับคุณเดินเข้าหา อ้อนวอนให้หอมแก้มซ้าย-ขวา ฉันเสนอบทบาทสมมุติ คุณเป็นหมอ เป่าลมใส่ก้อนกระจุกความตายตรงปลายคิ้วซ้ายสองครั้ง ก่อนอุ้มนั่งในคาร์ซีต อธิบายการเดินทางให้ฟังซ้ำ คุณหมอพยักหน้า “น้องจะไปด้วย น้องจะไปด้วย ไปหาพี่นักเรียน”

บทสรุปของการเดินทาง ไม่แตกต่างจากที่แล้วมา รวดเร็วในบางเรื่อง ทว่าเชื่องช้าในรายละเอียดปลีกย่อย ฉันหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีสมาร์ตโฟน คงดีกว่านี้ หากคืนนั้นควบคุมตัวเองได้

ฉันขว้างมันกระแทกกับผนังห้อง หลังได้ยินเสียงไซเรนขณะเลื่อนดูภาพถ่ายครั้งไปเที่ยวลาวด้วยกัน คุณสะดุ้งตื่น สะอึกสะอื้น ฉันโผเข้ากอดพลางลูบหัวแล้วหลับตา

สมาร์ตโฟนถูกส่งซ่อมในเย็นวันรุ่งขึ้น ขณะขับรถ สถานีวิทยุกลายเป็นสิ่งเดียวที่มอบเสียงเพลงให้ ฉันค้นพบว่า ยิ่งใกล้ไฟจราจรที่ 3 มากเท่าไหร่ ท่วงทำนองเริ่มชัดขึ้น

ทว่ากลับกลายเป็นพิงก์ฟลอยด์ที่ได้รับผลกระทบ ชีวิตที่ปราศจากเครื่องมือสื่อสารไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ฉันแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครยกเว้นนักเรียน ความอิ่มเอิบเกิดขึ้นเมื่อไม่มีใครโทร.ตามหรือไลน์หา

โลกหดแคบเพียงชั่วพริบตา ฉันเปลี่ยนสถานะเป็นฝ่ายควบคุม ส่วนคอมเมนต์ต่างๆ ฉันไม่เคยตอบกลับอยู่แล้ว ปล่อยไว้คล้ายสัตว์เลี้ยง หากไม่ให้อาหาร มันจะตายไปเอง

ห้องโดยสารคือพื้นที่ส่วนตัว โครงสร้างเล็กๆ เก็บเสียงได้มากพอจนสามารถกรีดร้อง สบถด่าใดๆ ได้ ก่อนสูดมันกลับเข้าร่าง วนเวียนไป ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ทว่าปฏิสัมพันธ์บนท้องถนนยากจะหลีกเลี่ยง เฉกเช่นทุกๆ เช้า ฉันจำต้องผ่านจุดที่คุณตาย หวนนึกถึง และประหวั่นพรั่นพรึงกับชีวิตที่แขวนไว้กับความไม่แน่นอน

อย่าชะล่าใจ ฉันเคยเตือนคุณ มันกวักมือเรียกไหวๆ ทักทายตั้งแต่ซอยเล็กๆ หน้าบ้าน ระหว่างหยุดรอเพื่อเลี้ยวซ้ายสู่ถนนสายรอง ไม่ปลอดภัย เพราะไม่ใช่เส้นขาวทึบอย่างที่ควรจะเป็น

ประสบการณ์เป็นผู้สอนฉันโดยตรง ใครบางคนอาจหยิบยืมเลนที่ควรเป็นของเราเพื่อแซงคันหน้าเมื่อรถว่าง นั่นหมายความว่า หากเลินเล่อ เลี้ยวซ้ายแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ อาจประสานงา

ยังไม่ถึงไฟจราจรที่ 1 ก็เสี่ยงอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ทว่าความจริงยังมียิ่งกว่า บริเวณสามแยกเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดิน เป็นจุดอันตรายที่ต้องลุ้นระทึกทุกครั้ง คุณเสียชีวิตที่นั่น ขณะช่วงชิงจังหวะระหว่างค้างเติ่งอยู่เกาะกลางถนน

อุบัติเหตุเกิดถี่แทบทุกสัปดาห์ ชาวบ้านเรียกร้องขอติดตั้งไฟจราจร รถเลี้ยวขวาหรือกลับรถควรรอสัญญาณไฟ ความเสี่ยงเกิดขึ้นพร้อมความหงุดหงิดเพราะไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ ต่างฝ่ายต่างมองไม่เห็น

ฉันจดจ่ออยากเสนอไฟจราจรที่ 5 เป็นโมเดลนำร่อง เปิดใช้เฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนเช้ากับเย็น ทว่าข่าวคราวเงียบหาย รอยสเปรย์สีขาวกลายเป็นเบาะแสชั่วคราว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากเท่าสัญญาณจราจรไฟกะพริบสีเหลืองที่หลงเหลือเพียงตอเสากับสายไฟห้อยพะรุงพะรัง

แต่นั่นก็ก่อนการเกิดของไฟจราจรที่ 3 อย่างเป็นรูปธรรม จากเดิม สามแยกนี้ไม่ต่างอะไรกับบ้านฉัน ถนนสี่เลน มีถนนสายรองแยกออกมา หากคุณรอเลี้ยวหรือกลับรถ เพียงชะลอ ชิดขวา เมื่อถนนโล่ง ก็เหยียบคันเร่ง

กระทั่งปีที่แล้ว ฉันจำต้องเหยียบเบรกตัวโก่ง เมื่ออยู่ๆ กลายเป็นไฟแดงติดยาวเหยียด ฉันได้ข่าวว่าคุณมาฝึกงานและพักอยู่ในซอยนั้น ผลพลอยได้จึงตกแก่รถราที่เข้า-ออกเป็นประจำ

เหมือนกันไม่มีผิดกับสามแยกที่คุณตาย มันกลายเป็นไฟจราจรที่ 3 สมบูรณ์แบบ ส่วนที่นี่ ความหวังที่จะกลายเป็นไฟจราจรที่ 1 ริบหรี่จวนมอดดับ 6 ไฟจราจรที่ฉันปรารถนาจึงคล้ายมลายหาย

ช่างมันเถอะ คุณตายไปแล้ว เหลือแค่ฉันเท่านั้นที่ยังต้องผจญกับมัน ทางออกง่ายที่สุดคือหลบเลี่ยง เริ่มใหม่ ฉันไม่เสียดายสองถึงห้านาทีสำหรับขับย้อนมากลับรถ

ทว่าหลายเดือนมานี้ทำเวลาได้ไม่คงที่ จากไม่เกิน 35 นาที ล่วงเลยไปถึง 40 นาที หรือราวๆ 1 ชั่วโมง ไฟจราจรที่ 2 ก่อสร้างสะพานข้าม ฉันสงสัย จะมีสักกี่คนทราบข่าวล่วงหน้า จะมีสักกี่คนทันนัดหมาย น่าเห็นใจ แม้แต่ละคนจะด่ากันอย่างสาดเสียเทเสียเมื่อถึงคราวแก่งแย่งช่วงชิงช่องเดินรถที่เริ่มบีบอัดโดยไม่รู้ตัว

ยอมรับ แอพพลิเคชั่นสำหรับวัดค่าฝุ่นละอองกลายเป็นสิ่งจำเป็น มลพิษสร้างความหวั่นวิตกพอๆ กับราคาน้ำมันที่ขยับขึ้น-ลง ฉันอยากย้ายมาโรงเรียนใกล้บ้านในบางครั้ง ทว่าความเป็นตัวของตัวเองอาจถูกท้าทายและตรวจสอบคุณงามความดีกระจุยกระจาย ไม่ต่างจากการปรับปรุงซ่อมแซมถนน มันเปิดกว้างให้รถทุกคันพร้อมทำผิดกติกา

ไม่รู้โชคดีหรือร้าย ฉันสามารถอ้างเหตุผลว่ารถติดได้อย่างเต็มปากเต็มคำแล้ว แม้จะเป็นการมุ่งหน้าออกนอกเมือง สู่โรงเรียนเล็กๆ ในจังหวัดริมทะเลก็ตาม

ทว่าหากนับเป็นข้อดี วันนี้โรงเรียนมีกิจกรรมส่งท้าย เทศกาลสวมครุยลอดซุ้มไม้เรียวรับวุฒิบัตรจบการศึกษา ในฐานะครูผู้สอน ฉันได้รางวัลครูดีเด่นประจำปีการศึกษา โปรดอย่าเข้าใจผิดหรือแปลกใจ มันถึงคิวของฉันพอดี

ทว่าเมื่อเหลือบมองเวลา คงไม่ทัน 8.30 น. ฉันหยุดแช่บริเวณไฟจราจรที่ 1 นานเกินไป แม้ความจริงแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด แต่นั่นแหละ คุณก็รู้ว่าการจราจรเอาแน่เอานอนไม่ได้

ฉันเล่าให้คุณฟังเสมอว่าคือ -ปรากฏการณ์ซ้ายไม่สุด บริเวณนั้นมีร้านโจ๊ก ร้านหมูย่าง ร้านขายมอเตอร์ไซค์ และเท่าที่สังเกต สามคันเปิดไฟเลี้ยวซ้ายจอดนิ่งริมทางเท้า พ้นถัดไป รถบรรทุก 2 ชั้นเปิดไฟฉุกเฉินขนถ่ายสินค้า

ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเปิดไฟเลี้ยวซ้ายค้างไว้เพื่อกดดัน อย่างน้อยๆ เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้คันหลังที่ตรงไปหรือรอเลี้ยวขวาทราบว่าจุดหมายของฉันไปทางไหน

อย่างตรงไปตรงมา ฉันรู้สึกเป็นมิตรกับรถที่เปิดไฟเลี้ยวและไม่พ่นควันดำใส่ฉัน แต่นั่นแหละ เป็นเพียงคำนำในวิชาสัญจรพื้นฐาน การใส่ร้ายป้ายสีอาจเกิดขึ้น เมื่อระบบไฟเลี้ยวขัดข้องหรือการเผาไหม้มีปัญหา

เรื่องจริงที่สุดคือการสูญเสียพลังงานตั้งแต่หัววันมากกว่า คิดดูสิว่า หากสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน ตื่นเช้าเพื่อฟันฝ่าไปถึงจุดหมาย ตกเย็นกระเสือกกระสนกลับบ้านอย่างเหนื่อยหน่าย จะบั่นทอนจิตใจขนาดไหน

ประสบการณ์จึงสร้างความเห็นส่วนตัว ยามเช้ารีดสมรรถนะการขับรถได้ดีที่สุด ตรงกันข้าม สมรรถนะจะลดฮวบฮาบเสี่ยงอุบัติเหตุมากกว่าในยามเย็นที่แสนเมื่อยล้าอ่อนเพลียและเริ่มง่วง

ทว่าฉันชาชินเสียแล้ว ซ้ายไม่สุดสร้างความระส่ำระสายจนต้องหรี่วิทยุ ขณะพ้นผ่านสามสี่คันกีดขวาง และคิดว่าเข้าสู่วงจรที่พบเห็นไม่บ่อยนักคือ ซ้ายโล่ง

รถคันหน้าเปิดไฟเลี้ยวขวาเปลี่ยนใจกะทันหัน ฉันติดแหง็กและบอกได้ทันทีว่าจงใจแทรก รถคันนั้นจอดขวางทางอันชอบธรรม คล้ายถูกหักหลังและเป็นประจักษ์พยานในคราวเดียวกัน กรณีนี้จึงชัดเจนว่า ความเป็นมิตรไม่แน่นอนเสมอไป

กระทั่งกลอุบายเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ รถคันหน้าถูไถเบียดเสียดทีละนิดทีละน้อย ไฟเบรกของคันที่ถูกแทรกแดงโล่ ฉันลุ้นให้ถูกชนท้าย

ความเลวร้ายชั่ววูบ ทำให้ฉันนึกย้อนเมื่อสามสิบปีก่อน ยามเช้า นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พ่อไปโรงเรียนในเมือง มีเวลามากพอที่จะมองทางซ้าย หายักษ์บนภูเขา

จำไม่ได้ว่าคิดไปเอง หรือพ่อเป็นคนเล่า แต่น่าจะคิดไปเองเสียมากกว่า เพราะคำสอนเดียวของพ่อที่ยังจำได้มาจนบัดนี้คือให้ฉันระมัดระวังและเดินชิดขวา

แค่นั้นจริงๆ สำหรับคำสอน ยักษ์บนภูเขา ไม่ได้หมายถึงอะไรที่ลึกลับซับซ้อน เพียงจินตนาการแห่งวัยเยาว์ มองไกลสุดลูกหูลูกตา เส้นขอบภูเขาไม่เหมือนการลากดินสอในชั่วโมงศิลปะ คล้ายรอยหยักของใบเลื่อยที่โค้งมน

ฉันฟันธงเงียบๆ ว่านั่นคือยักษ์ที่ยืนเรียงรายเฝ้ามองมนุษย์ ทว่าฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ยักษ์หมดพิษสง หลงเหลือเพียงความจริงคือต้นไม้บนภูเขา และจากถนนสองเลนกลายเป็นสี่เลน นั่งซ้อนท้ายกลายเป็นคนขับ ไม่มีเวลาจดจ่อมองสิ่งใดริมทาง นอกเสียจากฉกฉวยช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ขณะติดไฟแดง

ลึกเข้าไปในรั้วโรงเรียนใกล้ๆ สี่แยก ชุดกากีสองสามชุดยืนพนมมือใต้ร่มเงาประดู่ เด็กๆ นับไม่ถ้วนเข้าแถวอาบแสงแดดไม่สะทกสะท้าน

เสียงประกาศจากโรงเรียนยังแว่วมา พิธีรีตองต่างๆ นานาไร้ความหมาย ฉันเหลือบมองเวลา พาดผ่านเกจ์น้ำมัน คนขายพวงมาลัยเดินผ่าน ไม่มีวัตถุมงคล

ฉันไม่เคยซื้อสินค้าประเภทนี้ เว้นเพียงโดนัทถุงละยี่สิบบาท ฉันเปิดกระจกอุดหนุนบ่อยครั้ง ธุรกิจใหม่เติบโตรวดเร็วจนสามารถเปิดสองคูหาใกล้ๆ สี่แยก

ทว่าระยะหลังหาซื้อได้เพียงไฟจราจรที่ 1 กับ 4 การก่อสร้างบริเวณไฟจราจรที่ 2 ส่งผลกระทบจนร้านอีกสาขาปิดตัวลง จำนวนแยกเกี่ยวพันกับธุรกิจประเภทนี้ สามในห้าของไฟจราจรระหว่างเดินทางไปทำงานคือสี่แยก พื้นที่เหมาะเจาะสำหรับค้าขาย

เมื่อก่อนฉันซื้อฝากคุณเป็นประจำ ระหว่างรอความเคลื่อนไหวจากไฟจราจร ฉันเปล่งเสียงร้องเพลงรักซ้ำซาก พลางหยิบแย่งโดนัทด้วยความหิว ทว่าทุกอย่างผกผัน ก้อนกระจุกความตายฝังแน่นตรงปลายคิ้วซ้าย การเหม่อมองและเฝ้าฟังพิงก์ฟลอยด์เลื่อนไหลแทนที่

หรืออาจเป็นเพราะรถหยุดนิ่งเนิ่นนาน คุณจึงร้อนรนกระวนกระวายอยากออกจากคาร์ซีต ฉันนึกถึงเกมเกมหนึ่ง ยึดโยงชั่วขณะปัจจุบัน สังเกตรถเลนฝั่งตรงข้าม แล้วเลือกทำนายว่า เลี้ยวหรือกลับรถ ตอบเร็วเฉลยทันทีผิดถูกสลับกันไป ทว่าฉันต้องแปลกใจ มีคำตอบไม่คาดคิดแหวกแนว รถคันหนึ่ง ทะยานพุ่งตรง

เกมงี่เง่า ระหว่างรอไฟเขียวเมื่อหลายปีก่อน บัดนี้ ฉันกำลังขุดขึ้นมาเล่นกับคุณอีกครั้ง ทว่าคุณก็ลืมง่าย ร้องเรียกว่าเห็นอะไรบางอย่าง รุ่นราวคราวเดียวกัน ยืนโด่เด่บนเบาะมอเตอร์ไซค์พลางเกาะไหล่ใครบางคนที่น่าจะเป็นย่าหรือยาย

บอกได้คำเดียวว่าโคตรสลดหดหู่ ฉันสงสัยว่าหากมีสมาร์ตโฟนจะฉกฉวยขึ้นมาบันทึกภาพไหม ขณะคุณนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยในคาร์ซีต ตัวกะเปี๊ยกยืนเกาะหลังซิกแซ็กไปมา

“พี่นักเรียนจะไปไหน พี่นักเรียนจะไปไหน” ฉันถูกกระตุ้นถาม ก่อนพึมพำคำตอบส่งเดช แมลงเต่าทองลอยไปมา ก้อนกระจุกความตายเต้นตุบๆ ร้อนผ่าวตรงปลายคิ้วซ้าย ฉันจำต้องเก็บกดทับ เหมือนหนึ่งในความลับ เคยหิวกระหายความตาย เกาะกลางถนนหรือเสาไฟริมทางคือราคาที่พร้อมจ่าย ฉันปฏิเสธกล้องติดหน้ารถเพราะสิ่งนี้

ปฏิทินชีวิตยังไม่ทันหมดเล่ม ความตายเพียงเริ่มชอนไชเท่านั้น ดอกผลจึงสุดหยั่งคาดคะเน ทว่าฉันมีคุณให้พะเน้าพะนอ การหว่านปุ๋ยพรวนดินกลายเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองหาวิธีลืม และนิทานไม่ใช่วิธีที่ดีนัก

ฉันสั่งนิทานลดราคามา 5 เล่ม ช่วงหัวค่ำวันเดียวกับที่ทำลายสมาร์ตโฟน เพียงหน้าแรกของแมวล้านตัว [2] คุณก็สลับสับขั้วกลายมาเป็นฝ่ายขยี้ฉันจนแหลกละเอียด

คุณชี้ว่า ชายกับหญิงชราคือเรา “น้องอยู่ไหน น้องอยู่ไหน” คุณกระเซ้าถาม ฉันตอบว่าอยู่ในบ้านนั่นไง แล้วคุณก็บอกว่า “พ่อกับแม่ไปทำงาน พ่อกับแม่ไปทำงาน น้องรอในนี้”

คุณวิ่งไปหยิบสีไม้ ระบายสีแดงบนหน้ากระดาษนิทานภาพสีขาว-ดำ ก่อนลากวงกลมเบี้ยวๆ สองวง แล้วลากสองเส้นโยงหา ราวเชือกผูกลูกโป่งไม่ให้หลุดลอยสู่ท้องฟ้า

“อันนี้รถพ่อ อันนี้รถแม่ น้องนอนหลับคอย” ฉันแสร้งยิ้มตอบรับ ขณะความอึดอัดขยายวงกว้างจนโป่งพอง แล้วในที่สุดก็ปริแตกและระเบิด ตูม เมื่อเสียงไซเรนแว่วมา

เหมือนไฟจราจรที่ 5 ไม่มีผิด สัญญาณวิทยุขาดหายโดยสมบูรณ์ การเลี้ยวขวาสู่ทางหลวงชนบทสายสุดท้ายใกล้มาถึง รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมากมายเป็นเอกลักษณ์ ปัจจัยดำรงชีวิตริมชายฝั่งทะเล

รถด้านหน้าเริ่มขยับเขยื้อนส่งสัญญาณ จะพาไปหาพี่นักเรียนตามสัญญา “พี่นักเรียนไหน พี่นักเรียนไหน” พี่นักเรียนประถม แล้วคุณก็ถามว่า “ประถมอะไร ประถมอะไร” พี่ ป.6 รับวุฒิบัตร แล้วคุณก็ถามต่อว่า ไปร่วมงานไหม ไปสิ เพราะว่าฉันเป็นครู แล้วคุณก็ยังถามต่ออีกว่า “ครูอะไร ครูอะไร” ครูที่โรงเรียน รับเงินเดือน ซื้อผ้าอ้อม ซื้อนิทาน

ฉันมีคำตอบให้คุณเสมอ ไม่ว่าคำถามนั้นจะยากสักเพียงไหน โสเครติสน้อยไม่ควรจากไปก่อนวัยอันควร ยาพิษยังไม่มีความจำเป็นอันใด

อีกอย่าง ฉันจะแวะปั๊มน้ำมัน คุณจะลงไปดื่มกาแฟด้วยกันไหม

คำอธิบายเพิ่มเติม

[1] หมีตัวใหญ่ที่สุด หรือ The Biggest Bear เป็นหนังสือภาพซึ่งประพันธ์โดย ลินด์ เคนดัลล์ วอร์ด (Lynd Kendall Ward)

[2] แมวล้านตัว หรือ Millions of Cats เป็นหนังสือภาพซึ่งประพันธ์โดย ว็อนดา ก๊อก (Wanda Hazel Gag)