เรื่องสั้น | ความป่วยไข้ของชายผู้จะกลายฐานะ (2)

ความป่วยไข้ของชายผู้จะกลายฐานะ (2)

เย็นวันศุกร์ลูกชายบอกแก่เขาว่า วันเสาร์ราวบ่ายแก่ๆ จะพาแฟนสาวมาเที่ยวบ้าน วางแผนว่าจะทำกับข้าวกินมื้อเย็นกัน คนเป็นพ่อรู้สึกตื่นตัว ความปรารถนาที่จะได้เห็นเธอก็มีผลแล้ว ความตื่นตัวนั้นไม่ดับมอดลงง่ายๆ ตกกลางคืนเขาก็ยังเฝ้าคำนึงถึงเธอ และตอนหลับเขาฝันสับสนมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวระหว่างเขา ลูกชาย และหญิงสาว ครั้นตื่นเขาแทบจำความฝันไม่ได้เลย

ตอนที่หญิงสาวมาถึงเขากระวีกระวาดออกไปต้อนรับ จนลูกชายจับความผิดสังเกตนั้นได้ แต่เขาก็ไม่เอ่ยเอื้อนวาจาใดให้พ่อหมางใจ คิดในแง่บวกว่า พ่อของเขาคงรักและชื่นชมแฟนสาวเขามาก ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขาทั้งสอง แรกๆ เขามีความกังวลว่า หญิงสาวที่คบหาและหวังแต่งงานด้วยนั้นอาจไม่เป็นที่พึงพอใจของพ่อ เนื่องจากหากเปรียบเทียบกับแม่ของเขาแล้ว หญิงสาวด้อยค่ากว่าหลายเรื่อง

โดยเฉพาะเรื่องการทำอาหาร ฝีมือยังห่างชั้นแม่ของเขามาก แต่เรื่องนี้เท่าที่เห็นพ่อไม่มีปัญหาอะไรเลย เห็นรับประทานทุกอย่างที่เธอปรุงขึ้น อีกทั้งยังรับประทานด้วยท่าทางเอร็ดอร่อยเสียด้วย

ตอนที่หญิงสาวอยู่ภายในบ้าน เขาพยายามสังเกตกิริยาของว่าที่ลูกสะใภ้ สดับโสตฟังเสียงสนทนาอย่างที่สุขล้นของคนทั้งคู่ เขาอยากให้แน่ใจว่า น้ำเสียงหรือสำเนียงของเธอผิดจากหญิงสาวในคลิปโป๊ บางทีเขาชวนเธอสนทนาด้วยอย่างฟุ่มเฟือย ต่อบทสนทนาอย่างไม่จำเป็น จนลูกชายติเตือนอย่างหยอกเย้าว่า “พ่อไม่คิดให้แหม่มหยุดพักบ้างเหรอครับ”

น้ำเสียงของหญิงสาวนั้นไม่มีผิดแปร่ง ไม่ติดสำเนียงของคนกาญจนบุรีแม้แต่น้อย นอกจากน้ำเสียงแล้วท่วงทำนองการพูดของหญิงสาวคนนี้ละม้ายคล้ายคลึงหญิงสาวเชียงใหม่คนนั้นมากทีเดียว แถมพอเธอเผยว่าสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย แทนที่จะภาคภูมิใจในความสามารถ เขากลับยิ่งใจหาย เขาไม่อยากให้ลูกชายหรือหญิงสาวอึดอัดใจ จึงไม่พูดอะไรให้มากความไปกว่านี้ เรื่องนี้ยังพอมีเวลาสืบเสาะค้นหา เขาปลอบใจตัวเองอย่างนั้น แต่ความคิดของเขาเปลี่ยนไปฉับพลันเมื่อได้ยินเธอพูดกับลูกชายเขาว่า

“อาทิตย์หน้าเพื่อนของแหม่มจะลงมาจากเชียงใหม่ มาเที่ยวกรุงเทพฯ สามสี่วัน…”

เขาจึงฉวยโอกาสนั้นซักถามเธอ “หนูมีเพื่อนที่เชียงใหม่เยอะไหมล่ะ แหม่ม”

จริงๆ เขาต้องการถามด้วยซ้ำว่า เธอมีญาติที่นั่นหรือไม่ แต่หยั่งเชิงถามแค่นี้ก็พอจะจับความหาเรื่องได้แล้วละ

“มีแค่คนเดียวค่ะ เป็นเพื่อนที่เรียนมหา”ลัยธรรมศาสตร์มาด้วยกัน นอกนั้นแล้วที่เชียงใหม่หนูไม่มีคนรู้จักเลยค่ะ”

เขาโล่งใจได้นิดหนึ่ง กล่าวต่อ “ดีนะ ที่มีเพื่อนที่เชียงใหม่ อย่างนี้หนูคงไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อย”

“เชียงใหม่เหรอคะ ก็ไปหลายครั้งนะ ไปแต่ละทีก็ไปพักกับเพื่อนหนูคนนี้แหละค่ะ”

เขาใจหายวูบ ไปหลายครั้งเชียวหรือ ไปเที่ยวหรือ ไม่ได้ไปขายตัวให้กับฝรั่งหรือ เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดจนเป็นที่น่าผิดสังเกตของลูกชาย “มีอะไรตื่นเต้นหรือเชียงใหม่ พ่อก็ไปมาไม่รู้กี่รอบแล้วนี่” ลูกชายเปรยอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อ

เรื่องนี้เขาจะยอมแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด ต้องใช้ความสามารถในการค้นหาหลักฐานให้ถึงที่สุด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเรื่องยากเย็นมากที่จะได้เห็นแผลเป็นของเธอ (ถ้ามี ซึ่งเขาเองชักไม่แน่ใจแล้วว่ามีหรือไม่มีจริง) เพราะไม่มีครั้งใดที่เธอมาที่บ้าน หรือแม้กระทั่งนัดไปทานข้าวข้างนอกกันจะไม่แต่งกายมิดชิด กางเกงที่สวมใส่ก็ไม่ใช่ทรงเอวต่ำเสียด้วย เสื้อนั้นชายเสื้อก็ไม่ลอยสูง โชว์หน้าท้องหรือสะดืออย่างที่หญิงสาวหลายๆ คนเขาทำกัน

เขาไม่อยากให้วันเวลาผ่านเลยไปโดยที่เขาไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย มันเปล่าประโยชน์จริงหากเป็นอย่างนั้น และหากเรื่องที่เขาคาดคิดว่าเป็นจริง ก็คงทุกข์ใจหนักที่ได้ลูกสะใภ้เป็นคนเลวทรามเป็นโสเภณี ซึ่งเขายอมไม่ได้แน่ ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่ทำได้อย่างไม่เกินความสามารถตอนนี้ คือเขาต้องปริปากถามลูกชาย

“อะไรนะพ่อ” ลูกชายถามเสียงหลง คาดไม่ถึงว่าพ่อของเขาจะโยนคำถามอย่างนั้นมาให้เขา “ไม่มีหรอกรอยแผลเป็นอะไรที่น่าเกลียด พ่อก็เห็นแล้วนี่ พบเธอก็ออกบ่อย”

“จริงของแก แต่…แต่..ใน…”

“แต่ในอะไรพ่อ” ลูกชายเริ่มหัวเสีย ไม่เข้าใจว่าพ่อเขาต้องการอะไรกันแน่ คนเป็นพ่อกลัวว่าลูกชายจะลำบากใจและเข้าใจผิดกันไปใหญ่ รีบกล่าวว่า “ช่างมันเถิด แกอย่ามาสนใจอะไรในเรื่องนี้เลย ปล่อยให้พ่อบ้าบอไปคนเดียวก็พอแล้ว”

ลูกชายเมื่อเห็นว่าพ่อหน้ามุ่ย จึงรีบเปลี่ยนท่าที โดยอ่อนลงมาหน่อยหนึ่ง “พ่อจะจับผิดอะไรหรือ มีอะไรเกี่ยวกับแหม่มที่ทำให้พ่อไม่สบายใจหรือ ถึงต้องมาแคะมาเค้นถามเรื่องตำหนิผิวพรรณกันขนาดนี้”

เขาอยากกล่าวความจริงกับลูกชาย แต่ก็อ่อนแออ่อนกำลังเกินไป เขาเย็บปากแน่น นั่งก้มหน้ามองพื้น พยายามไล่ต้อนปัดเป่าความครุ่นคิดอันต่ำช้านั้นออกไปจากสมอง

“พ่อครับ ผมไม่อยากก้าวล่วงอะไรพ่อนะ ดังนั้น ผมจะไม่ถามอีกว่าพ่อสงสัยอะไรแหม่มเขา แต่ผมจะบอกกับพ่อว่าอย่างนี้ ขอให้เชื่อใจผม เชื่อว่าผมเลือกคู่ครองไม่ผิดแน่ เพราะเท่าที่คบกันมา แหม่มเป็นคนดีครับ แม้ไม่ใช่กุลสตรีเทียบเท่าแม่ก็ตาม พ่อก็รู้นี่ หญิงสมัยนี้ใครเล่าจะเก่งการบ้านการเรือนเท่าคนสมัยโน้น โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงออกทำงานนอกบ้านเสียส่วนใหญ่ ความสามารถนี้ไม่ด้อยกว่าผู้ชาย บางคนล้ำหน้าผู้ชายก็มีมากนะพ่อ”

“เอาเถอะน่ะ เรื่องนี้แกไม่ต้องมาเศร้าสร้อยน้อยใจไปเลย พ่อก็แค่เพี้ยนบ้าอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง มันไม่เป็นสาระหรอก แค่เสี้ยนหนาม แค่เศษผงเล็กๆ เท่านั้นเอง”

น้ำเสียงเขาเครือ ยอมถอยให้แก่ลูกชาย ซึ่งขัดกับความตั้งใจเดิมมาก

เขานึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถยอมถอยให้แก่ลูกชายได้จริงๆ สองสามวันแรกสงบดีอยู่หรอก แต่นานวันเข้าจิตใจของเขาร้อนรุ่ม ฟุ้งซ่านพล่านเดือดเหมือนเดิม

อาการอย่างนี้คืออาการที่ยังต้องการพิสูจน์ความจริงนั้นต่อไป

ดังนั้น เขาพยายามจับตามองลูกชาย คอยหาช่วงเวลาดีๆ ถามไล่ต้อนเขา ไม่เชื่อหรอกว่าลูกชายไม่เคยเห็นรอยแผลเป็นใต้ร่มผ้า คบหากันขนาดนี้แล้ว มีโครงการจะแต่งงานกันในเร็วนี้แล้ว มีหรือภายใต้พื้นที่ลี้ลับซ่อนเร้นของกันและกัน พวกเขาจะไม่เคยท่องสำรวจหรือได้ยลกัน

“พ่อยอมรับได้นะเรื่องพรรค์นี้ มันเป็นเสรีภาพของเด็กหนุ่มสาวสมัยใหม่ ที่จะมีอะไรกันก่อนแต่ง” เขาเกริ่นนำ ลูกชายนั่งฟังนิ่ง สบตาคนเป็นพ่อ พยายามจะตามเรื่อง เพื่อจะได้ทราบว่าคำพูดของพ่อจะนำไปสู่สิ่งใด มีความหมายนัยซับซ้อนอะไรบ้าง

“อย่างสมัยพ่อ ไม่ได้เลย ผู้หญิงน้อยมากที่จะให้ผู้ชายซึ่งเป็นคนรักล่วงล้ำเข้าไปในสิ่งสงวนของเธอ โดยเฉพาะแม่แกหวงตัวมาก” เขาพูด

แต่น้ำเสียงของเขามันจืดชืด ไม่รู้สิ ทำไมความตั้งใจกับคำพูดที่ไหลออกมาไม่สัมพันธ์กันเลย หรือว่าเขาตั้งใจเกินเหตุ มันจึงเกร็งไม่เป็นธรรมชาติ

“พ่อ…พ่อ…ถึงใครจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่เราสองคนไม่ได้คิดทำอย่างนั้น เราอดใจไว้หลังแต่งงานครับ ทำกันก่อนมันไม่เหมาะสม พ่อพูดเรื่องนี้ พ่อมาไม้ไหน ต้องการสื่ออะไรล่ะครับ หรือพ่อต้องการทดสอบแหม่มเขา ว่าเป็นคนใจง่ายอย่างนั้นหรือ”

“โอ๊ะ เปล่าๆ แกอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ที่พ่อพูดพ่อหมายความตามนั้นจริงๆ พ่อเข้าใจในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของสังคมยุคใหม่ อย่ามามองพ่ออย่างนั้นสิ อย่า…อย่า ขอบอกด้วยความจริงใจนะ หนูแหม่มน่ะ พ่อพอใจ ก็พ่อบอกไงว่า อย่ามองพ่อแบบนั้น สายตาของแกทำให้พ่อไม่สบายใจเลยรู้ไหม…”

ลูกชายขัด “แล้วคำพูดและกิริยาท่าทางของพ่อที่แล้วมาล่ะรู้ไหม มันก็ทำให้ผมไม่สบายใจเหมือนกัน พ่อทำตัวอย่างนักสืบ พยายามหาอะไรอยู่พ่อ พยายามทำอะไรอยู่พ่อ พูดมาตรงๆ จะดีกว่าไหม ผมรับได้หมดแหละ ไม่ใช่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ทำตัวไม่สมเป็นผู้ใหญ่ ไม่สมกับจะเป็นพ่อสามีของแหม่ม นี่ถ้าไม่ใช่พ่อนะ ผมด่ายับเยินไปแล้ว ไม่นับถือแล้วด้วย”

“ก็บอกไง ไม่ใช่อย่างนั้น อย่ามาเข้าใจพ่อผิดซี เออ…เอาเถอะ ลืมไปซะ ลืมไป คิดเสียว่าพ่อไม่เคยพูด ไม่เคยทำอะไรให้แกกับแหม่มขุ่นเคืองก็แล้วกัน”

การปะทะคารมกับลูกชายส่งผลให้เขาเครียดจัด แต่ละคืนนอนไม่ค่อยหลับ หลายคืนเข้าก็อ่อนเพลีย เนื่องจากนอนน้อยเกินปกติ หากเป็นไปอย่างนี้ต่อ สุขภาพทรุดโทรมอักโขแน่ เย็นวันหนึ่งก่อนเข้าบ้าน เขาแวะร้านขายยาหน้าหมู่บ้าน ซื้อยากล่อมประสาทมาชุดหนึ่งและใช้ยานั้นมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว เมื่อได้ใช้ยาอาการนอนไม่หลับบรรเทาเบาบางลงไปมาก แต่ยาช่วยได้แค่ทำให้หลับเท่านั้น ส่วนในห้วงเวลาหลับยามิอาจสกัดกั้นไม่ให้ภาพนิมิตไหลเข้ามาสู่สมองได้

คืนหนึ่งเขาฝันร้าย

เขานอนหลับอยู่บนเตียง รู้สึกว่าเตียงมีการสั่นไหว มีเสียงลั่นนิดหนึ่ง เขาปรือตาขึ้นมอง ยากล่อมประสาทกดให้เขาหลับต่อ เขารู้สึกหนักๆ ที่หน้าขาทั้งสองข้าง เขาลืมตาขึ้น มีคนนั่งทับเขาอยู่ เขาปรับสายตา เป็นหญิงสาวนั่นเอง เขากะพริบตาอย่างแรง ไล่ความพร่าเบลอออกไป คราวนี้เห็นได้ชัดว่า เธอเปล่าเปลือย นมตูมเต่งเชิดหัวนมสีชมพูขึ้นยั่วยวนให้สยิวยิ่ง

“หนูจะทำให้นะ” เธอกดก้นลงบนหน้าขาของเขาอย่างตั้งใจ เขามองหน้า ระเรื่อยลงมายังอกคู่กลมกลึง ก่อนไล่ลงมาที่หน้าท้องแบนราบ

“โอ๊ะ” เขาอุทานด้วยความตกใจเพราะเห็นแผลเป็นขนาดใหญ่และน่าเกลียดตรงท้องน้อยของเธอ เขาเชิดสายตาขึ้นมอง คราวนี้ใบหน้าที่เห็นชัดนั้น คือใบหน้าของว่าที่ลูกสะใภ้ของเขานั่นเอง

“นอนนิ่งๆ สิจ๊ะ หนูจะทำให้พ่อมีความสุข”

“อย่า…แหม่ม” เขาดิ้น ขยับท่อนล่างหนีการกดทับ แต่ไม่น่าเชื่อว่า เธอเป็นคนร่างไม่ใหญ่เอาน้ำหนักมหาศาลอย่างนั้นมาจากไหน เขาติดอยู่ใต้ร่างของเธอ

“อย่าทำแบบนี้ มันไม่ดี” เขาว่า

“ไม่เป็นไร หนูอยากทำให้ พ่อน่าจะห่างเหินจากมันมานานแล้ว” คำพูดนั้นไม่ได้หลุดออกจากปากของเธอ แต่เล็ดลอดมาจากรอยแผลเป็นนั่น เขาหน้าซีดเผือด เป็นภาพหลอนหรืออย่างไรนี่ที่แผลเป็นอันน่าเกลียดนั้นกลายเป็นปากของเธอไปแล้ว แต่ความสยดสยองยังไม่หนักหนาพอ ริมปากที่หน้าท้องน้อยนั้นกลายเป็นอวัยวะเพศของหญิงสาวในวินาทีต่อมา เขาชักสายตาหนี แต่เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าว่า “มองสิคะ ไม่ชอบของของหนูหรือไงคะ มองสิจ๊ะ พ่อ มองให้เต็มตา” เหมือนเป็นอำนาจแรงกล้า เขาต้องเลื่อนสายตามามองตรงท้องน้อยของเธอ และเพียงครู่เดียวอวัยวะเพศซึ่งกลายโฉมมาจากแผลเป็นก็ปริอ้า ซึ่งสยองขวัญยิ่งกว่า

น้ำเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากช่องนั้น ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเด็กเล็กคนหนึ่ง ร่างของเด็กเลอะได้ด้วยเลือดอันคาวคลุ้ง “สวัสดีครับคุณปู่” เด็กพูด พลางฉีกยิ้ม

“ไม่ ไม่ ไม่” เขาตะโกนก้อง ดิ้นทุรนทุรายท่ามกลางเสียงหัวเราะอันเย้ยหยันของหญิงสาวและเด็กทารก

รุ่งเช้าเขาเฝ้าขบคิดถึงภาพฝัน จะมีอะไรสยดสยองพองเกล้าได้เท่านี้เล่า ตอนนึกถึงยังขนลุกซู่ เขาพยายามสลัดภาพฝันทิ้งไป หากยังหมกมุ่นกับมัน โดยที่ทำอะไรได้ไม่มากเท่าที่สามารถทำได้ เขาคงสติแตกเป็นบ้าไปแน่แท้

เขาโทร.ไปลาป่วย มึนหัวแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ นั่งขบคิดอยู่ภายใต้ความเงียบงันของบ้าน เขาไม่มีความสุขเลย ตั้งแต่ลูกชายพาหญิงสาวเข้ามาบ้าน เขากลายเป็นใครไปแล้ว ซึ่งไม่อาจบัญญัติเป็นภาษาได้ ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ใช่เปลี่ยนไปสู่สิ่งดีเลย มันมีแต่เลวทรามกับเลวทราม

เปลี่ยนแปลง คำนี้กระแทกเข้ามาในสมอง คำนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับความรู้สึกของเขา เปลี่ยนแปลง ใช่ หากเขาไม่เปลี่ยนแปลง เขาคงหาความสุขดังเดิมไม่ได้แน่ เขาลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวขึ้นบันไดไปอย่างคนอ่อนระโหยโรยแรง

ในห้องนอน ยากล่อมประสาทยังอยู่บนหัวเตียง และเหลืออยู่จำนวนมากมาย เขาหยิบถุงยา เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่ลังเลสงสัย เปิดฝาชักโครก เทยาทั้งหมดลงในชักโครก ยาบางเม็ดกระทบคอห่านเด้งกระเด็นก่อนลงไปรวมกับเม็ดอื่นในที่น้ำขัง

โดยไม่รอช้า เขากดปุ่มชักโครกเต็มแรง เสียงน้ำวนรุนแรงและดังสนั่นราววันโลกแตก แต่ในหัวใจของเขากลับว่างและเงียบเชียบ เงียบอย่างที่ลมสงบมันเป็น