เรื่องสั้น | วันที่แมวสังหาร (1)

เวียงแพ้ขนแมว เราไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ พอวันหนึ่งมีคนนำแมวมาเลี้ยงในที่ทำงาน เธอว่าบ้านไม่มีคนอยู่ ขอเอามาเลี้ยงหนึ่งสัปดาห์ ทุกคนไม่มีปัญหายกเว้นเวียง วันแรกที่แมวมา ทุกคนเดินผ่านก็แวะทักทายมันในกรง เอานิ้วแหย่ไปบ้าง บางคนเปิดกรงลูบหัวหรืออุ้มเล่น ผมก็ชอบมันนะ พันธุ์อะไรไม่รู้ ขนหนา ตัวแน่น ยังแซวเจ้าแมวเลยว่าน่ากินจัง มีเพียงเวียงคนเดียวที่บ่นทั้งวันว่าเอามาทำไม

“แมวมันบ้าอำนาจ คิดจะครองโลก” นั่นคือคำพูดติดตลกของเขา ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเวียงแพ้ขนแมว

วันต่อมาเขาจามทั้งวัน ทำจมูกฟึดฟัด เขาจึงบอกทุกคนว่าแพ้ขนแมว ชูแผงยาแก้แพ้ให้ทราบถ้วนหน้า ผมแค่ฟังๆ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอื่น โครงการนี้ใช้ระยะเวลาสองปี ครึ่งทางเข้าไปแล้ว

ผมกับเวียงอยู่คนละฟากของสำนักงาน มีแปดสิบคนในนี้ ปัจจุบัน AI ถูกพัฒนาไปทุกด้าน เอาเท่าที่เป็นข่าว หมากรุกหมากล้อม แชมป์โลกไม่ว่ากี่สมัยก็ต้องยอมชนิดราบคาบ หลายประเทศมุ่งไปด้านนี้ชัดเจน ญี่ปุ่นดำเนินมายาวนานด้านหุ่นยนต์ พวกเขาหวังเพียงว่า ในวันที่สังคมสูงอายุมาถึงขีดสุด พวกมันจะอำนวยความสะดวกด้านแรงงาน ปัญญาประดิษฐ์ถูกสร้างมารับใช้กระทั่งสงคราม ใครจะยอมตายคนแรกในสนามรบ ไม่มีใครยอมหรอก พวกเขาจึงเริ่มโครงการมือสังหารเอไอ หลังจากใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้านอากาศยานปูพรมจากระยะไกล ทหารราบยังจำเป็นในสงคราม เอไอสังหารทำหน้าที่แทนพวกเขา เสมือนเราดูจากหนังฮอลลีวู้ดนั่นละ ตะลุยไปข้างหน้า ปลิดชีวิตศัตรู

หลายประเทศกำลังเดินหน้าโครงการนี้ เรามีศักยภาพพอจะสร้างมัน ผู้เชี่ยวชาญหลายแขนงถูกเรียกตัวมาจัดตั้งทีม ดึงคนของกองทัพ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ ต่อไปโลกจะสู้กันด้วยหุ่นสังหาร พวกเราจะอยู่แนวหลัง หลบกันอย่างหวาดกลัว

เวียงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาค ส่วนผมดูแลด้านอาวุธ เขาถูกเรียกตัวมาเพื่อกำหนดรูปแบบการเคลื่อนไหว สรีระเคลื่อนยังไงเมื่อเจอเหตุการณ์a มีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อเจอปะทะแบบb งานเขามันประมาณนี้ เวียงเขียนโปรแกรมการเคลื่อนที่ด้วยคอนเซ็ปต์ญี่ปุ่น ว่องไวย่องเงียบแบบนินจา สง่างามสุขุมเช่นท่วงท่าซามูไร ทุกคนทำงานยิบย่อยของตน ก่อนส่งรวมเป็นชุดข้อมูลใหญ่ มีการเก็บรูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหุ่นสังหารนี้เป็นล้านชุดคำสั่ง เทียบให้เห็นภาพประหนึ่งคนจริง ส่วนยากคือในส่วนของการแยกแยะว่าใครคือศัตรูหรือคนฝ่ายเดียวกัน เราทำงานหนักเพื่อใส่คุณลักษณะมนุษย์ทั้งมวลที่มีบนโลกเข้าไป ใช้เวลาประมวลรวดเร็วเพื่อที่ตัวมันเองจะได้ไม่ถูกโจมตีก่อน ตรงนี้คือความยากของงาน หุ่นสังหารรุ่นนี้จะไม่ถูกบังคับจากระยะไกลอีกต่อไป เปิดการทำงานในแนวหน้า แล้วตะลุย เราสร้างมาเพื่อการสงครามในแนวหน้าโดยเฉพาะ

เราอยู่คนละฟากกันของตึก วันหนึ่งเวียงเดินผ่านมาหยุดด้านหลังผม วิสาสะก้มตัวมาดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวผม ด้านข้างมีกรอบรูปที่ใส่รูปแมวเอาไว้ เสือน้อยกับมาลี

“สองตัวเลยรึ” ท้ายเสียงขึ้นจมูก

“ใช่ นั่นลูกๆ ผมเอง”

เขาทำท่าขนลุก “พวกมันไม่เห็นน่ารักเลย ดูขี้เหร่ไปหน่อย”

“เอาไปเลี้ยงสักตัวไหมเวียง ผมหาให้ ตอนมันมาเลียมือจั๊กจี้ดีนะ”

“ผมคงฆ่ามันก่อนจะมาถึงตัว”

วันนั้นผมยังไม่รู้ว่าเวียงแพ้ขนแมว

ตอนนั้นผมกดเข้าแฮชแท็กแมวหาบ้านกับหาบ้านให้แมวในทวิตเตอร์ ข้อดีทวิตเตอร์เป็นแบบนี้ เข้าแฮชแท็กเพื่อค้นหาหมวดหมู่ คนที่สนใจสิ่งเดียวกัน พิมพ์ข้อความลงในทวิตเตอร์

ไม่เคยเลี้ยงแมวครับ ใครเลี้ยงอยู่ขอคำแนะนำเบื้องต้นหน่อย

ยี่สิบสี่ชั่วโมงมีทั้งคนมาให้คำแนะนำพอสมควร พร้อมอวยพรขอให้ได้แมวเร็วๆ คล้ายจากหาอ่านกูเกิลนั่นละ แค่คนพวกนี้มีประสบการณ์ตรง ผมเชื่อว่าพวกเขามีคำแนะนำที่ดี ผมตั้งใจรับลูกแมวตัวน้อยๆ ดูแลกันแต่เล็ก รู้ว่ามันยาก แมวเล็กจำเป็นต้องมีเวลาเพื่อป้อนนมหรืออาหารบ่อย เราควรดูแลให้ดีที่สุดมิใช่หรือ ถ้าจะทิ้งขว้าง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเอามาเลี้ยง

มีข้อความหนึ่งมาทักเตือน อย่าเอาแมวเล็กมาก ตอนตายคุณจะเสียใจ ให้มันหย่านมค่อยรับมา แล้วบอกต่อว่าเดือนครึ่งคือช่วงเวลาที่เหมาะสม

แมวจากที่ไหน เธอพิมพ์มา

ผมตอบ แมววัด

แมววัดมักมีโรคติดตัวมา ดูแลให้ดี

แล้วผมก็ได้พี่เลี้ยงตั้งแต่วันนั้น

ทวิตเตอร์คล้ายดินแดนลึกลับ เราไม่จำเป็นต้องโชว์หน้าตา ทุกคนปกปิดหรือเปิดเผยเท่าที่ต้องการ ผมคุยกับใครก็ไม่รู้นับจากวันที่ขอคำแนะนำเรื่องอยากเลี้ยงแมว เราไม่เคยนัดกินข้าวหรือนึกอยากเจอตัวตน การงานหรือส่วนตัวไม่เคยถามไถ่กัน ว่ากันอย่างที่สุด เราไม่รู้จักชื่อกันเลย เป็นผมที่มีปัญหามากมายเกี่ยวกับแมว ช่วงแรกเครียดกังวลทั้งวัน ผมทิ้งไว้ที่ห้อง ไม่ได้นำไปที่สำนักงานเกรงว่ามันจะร้องจนรบกวนเพื่อนร่วมงาน เราติดต่อสอบถามกันผ่านข้อความ

พวกอาการบางอย่างที่ไม่ปกติผมจะไม่รอช้า ส่งข้อความถึงเธอทันทีทุกครั้ง มีแต่เรื่องแมวๆ ไม่เคยผิดหวัง ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวคงเจอประสบการณ์มามาก

เหลือเวลาไม่เกินหกเดือนเพื่อให้ลุล่วง มีความคืบหน้าสำหรับชุดหุ่นสังหารนี้ TH904 ต้นแบบถูกผลิตออกมาสิบตัว วัสดุใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นนั้นเบาทำให้เคลื่อนไหวปราดเปรียว แข็งแกร่งมากขึ้น อาวุธติดตั้งยิงในระยะไกลเกินสามร้อยเมตรยังไม่แม่นยำ ไม่ใช่ความผิดพลาดจากใครอื่น เวียงยอมรับความผิดพลาดนี้ เขาวิเคราะห์โดยละเอียดแล้ว ฮิวแมนเออเรอร์อย่างไม่ต้องสงสัย ท่ายกแขนองศามันทำมุมไม่ได้ เขาลองคำนวณหาองศาใหม่ ปรับท่วงท่าในขณะหุ่นสังหารลั่นกระสุน

“องศาข้อศอกเพี้ยนไปนิด หนึ่งส่วนสิบ” เวียงพูดกับพวกเราในที่ประชุม หันส่งยิ้มให้บุษบา เวียงหันมายิ้มให้ผมอีกที

ผมว่าเขาจงใจกวนประสาท

เราทะเลาะกัน อาทิตย์ก่อนต้องเดินทางออกต่างเมือง ผมฝากแมวไว้กับบุษบาซึ่งเราสนิทกัน แล้วจะเป็นที่ไหนล่ะ กลางวันพามาที่ทำงาน ค่ำพากลับบ้านเธอ ทุกคนรู้แล้วตอนนี้ว่าเวียงแพ้ขนแมว แต่ใครๆ ก็พาแมวมาเลี้ยงกันเป็นเรื่องปกติ ไม่ใส่ใจอะไรเขา เมื่อผมกลับมาทำงาน มีคนบอกว่าเวียงแอบเตะกรงแมวตอนที่บุษบาลงไปพักเที่ยง เขาเกลียดแมว หรือหึงหวงที่หญิงสาวมาสนิทกับผมก็ไม่แน่ใจ

“แค่นี้ผิดได้ไง” ผมแกล้งหงุดหงิด “ไหล่ ศอก ข้อมือ สามจุดแค่นี้ให้สัมพันธ์ขณะที่วิ่ง เด็กมหา”ลัยยังไม่พลาดเลย”

เขาจามสองครั้งติดจากโต๊ะตัวเอง ลูบที่ดวงตา จากนั้นเกาที่คอและท้องแขนเบาๆ หลับตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะควักอะไรออกมาสักอย่างแล้วฉีดเข้าในปาก

เวียงโวยวายว่าต่อไปใครเอาแมวมาเลี้ยงเขาจะฆ่า หันหน้ากราดมองทุกคน ผมรู้ว่าเวียงเป็นคนแบบนี้ ขี้หงุดหงิด ชอบโวยวาย เอาละ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่มองหน้ากันก็ไม่เป็นไร

วันที่เราคุ้นเคยกันแล้ว ผมจึงรู้ว่าเวียงคบกับบุษบา เวียงเป็นผู้ชายดูดี สแล็กขารีบๆ เข้ากับเชิ้ตแบรนด์เนม ทรงผมรับกับใบหน้าขาวใส ผมอายุเท่าเขาแต่ใบหน้าผมเลยไปไกลแล้ว เวียงคุยกับบุษบาเหมือนจะคบหาดูใจ แต่ผมไม่ปักใจเรื่องนี้นัก เข้าใจใช่ไหม มีบางคนบนโลกทำราวกับว่าใครอีกคนนั้นชอบเขาเช่นกัน เช่น ตอนเวียงเดินผ่านผม ในมือมีถุงขนมอะไรสักอย่าง เมื่อผมเหลือบตามอง เขารีบเอ่ยขึ้นว่าเห็นบุษบาบ่นอยากกินเลยซื้อมาฝาก

บอกแล้วว่าผมคุ้นเคยกับบุษบา เธอมาในส่วนของสายงานด้านชีวะ สาวเนิร์ดซ่อนเปรี้ยว ผมสั้นเคลียไหล่ดัดปลายเล็กน้อย แว่นตากรอบทองดูภูมิฐาน วันก่อนด้วยความบังเอิญ ผมรู้ว่าเธอใส่ชุดชั้นในสีแดงเป็นลูกไม้ เสื้อนอกเนื้อบางขนาดนั้น

ทีมบุษบามีความสำคัญ มีข้อมูลมหาศาล หุ่นสังหารจำเป็นต้องมีข้อมูลที่เยอะมากถึงมากที่สุดเพื่อแบ่งแยกว่าใครคือคนฝั่งเราและคู่ตรงข้าม ฉะนั้น สีผิว สีผม ดวงตา รูปพรรณ ภาษา โครงร่างกาย ฯลฯ ทุกอย่างละเอียดยิบย่อยเพื่อจะไม่ฆ่าผิดฝั่ง ข้อมูลจากทั่วโลกทยอยใส่ ผมไม่เชื่อว่าจะมีความสมบูรณ์ สมมุติผมเป็นลูกครึ่งยุโรปล่ะ โครงสร้างใหญ่ มีดวงตาสีฟ้า แต่เส้นผมสีดำขลับ สื่อสารได้สองสามภาษา แล้ววันหนึ่งเกิดอยากย้อมเส้นผม หุ่นอาจถูกหลอกจากเรื่องพวกนี้แล้วประมวลผลพลาด ผมคงตาย

“มันยาก เราถึงต้องอาศัยทีมอื่นอย่างมาก ตอนนี้เราลงลึกถึงระดับผิวแล้ว หุ่นจะเช็กได้จากระยะยี่สิบเมตร” บุษบาคิดเหมือนผม

มันยากที่จะให้หุ่นสังหารแยกแยะ การปล่อยให้พวกมันเตลิดไปในสนามรบ ถือว่าเราต้องยอมรับแล้วว่ามันอาจฆ่าเราเอง มันจะหันหลังกลับก็ต่อเมื่อเป็นการต่อสู้ในระยะประชิด ตอนนี้ทำได้แค่นี้ ถ้าศัตรูตลบหลังแล้วมาเป็นกองทัพ มันโดนถล่มเละแน่

“รัฐบาลและกองทัพต้องการสิ่งยากเกินไป สองปีน้อยไปในการพัฒนา อันตราย”

ผมจะอธิบายแบบนี้เพื่อจะเข้าใจได้ง่าย เมื่อมีสงครามในรูปแบบที่ต้องบุกยึดอะไร กองทัพจะเรียกใช้พวกมันเมื่อจำเป็น ทีมสั่งการออกเดินทางพามันไปยังแนวหน้า ซอฟต์แวร์ถูกออกแบบจัดการข้าศึกในรัศมีทำการ พอดับสิ้นหมดทุกฟังก์ชั่นจะหยุด เหลือเพียงสิ่งเดียวที่พวกมันทำได้คือการวิ่งกลับมายังจุดที่กำหนดไว้ ทีมปฏิบัติการจะพากลับทันที หน้าที่พวกมันมีแค่นั้น ทว่าความเสี่ยงยังมี อย่างน้อยทหารทีมนั้นก็เสี่ยงตาย

ผมยุ่งอยู่กับการร้องขอเรื่องการติดตั้งอาวุธ เท่าที่เบื้องบนมีให้มาผมว่ามันล้าสมัย กระสุนหนักเกินไป ประสิทธิภาพการยิงระยะไกลสามร้อยเมตรนั้นดีล่ะ แต่มันใหญ่ หนัก ไม่เหมาะกับการติดตั้ง ผมกำลังหาข้อมูลเพิ่มเพื่อลดขนาด ปืนเลเซอร์เป็นอีกตัวเลือกในอนาคตอันใกล้ ลำแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าพุ่งทะลุสู่เป้าหมาย ทำการเผาไหม้เสื้อผ้าจนถึงผิวหนัง ระยะทำการแปดร้อยเมตร แต่นั่นอีกนาน ตอนนี้หุ่นสังหารต้องแบกกระสุน

มีเสียงข้อความแจ้งเตือนจากมือถือบุษบา

“เวียงชวนออกไปกินมื้อเที่ยง” พูดจบบุษบาก็หัวเราะ “ไม่ได้ชอบเขาเลย น่าเบื่อ ทำไมเขามักคิดว่าตัวเองเพอร์เฟ็กต์นะ”

“ก็เห็นสนิทกันดี”

“ก็ใช่ แรกที่ลองคุยเหมือนจะดี เข้าใจใช่ไหม พอวันหนึ่งเห็นอะไรในตัวเขาหลายอย่าง เฮ้ย อันนั้นเราไม่ชอบว่ะ ก็จบ”

“คงเคยชินจากมหา”ลัย แบบตัวเองป๊อปปูลาร์ไง” ผมนึกได้ว่าเมื่อเช้ามาลีไม่ยอมกินข้าว เดินหนีชามข้าวตัวเองไปซุกตัวหลังโซฟา มาลีปกติกินเยอะ มื้อเช้ายิ่งใจร้อนแทบกินจากมือทีเดียว ผมร้อนใจ เลิกงานคงต้องพาไปหาหมอ แต่ตอนนี้ผมต้องการแค่คนรับฟังเพื่อบรรเทาความว้าวุ่น

ผมพิมพ์ข้อความส่งไปทางทวิตเตอร์ บอกเธอคนนั้นว่ามาลีไม่กินข้าว ดูซึมเซา

มีเสียงข้อความเข้าโทรศัพท์บุษบา บุษบาพิมพ์ตอบอะไรเวียงอยู่นะ แล้วเธอก็กดส่ง

มีเสียงข้อความเข้าที่โทรศัพท์ผม

นับได้หนึ่งปี ปฏิทินเปลี่ยนสิบสองแผ่นพอดีแมวเติบโตขึ้น บ้าจริง เราคุยกันโดยที่ไม่รู้อะไรเลย

เธอยิ้ม หัวเราะก้องดัง หลายคนหันมามองเราสองคน บุษบาหยิบรูปแมวบนโต๊ะทำงานผมขึ้นมาดู “นี่ใช่ไหม เสือน้อยกับมาลี ทำไมฉันไม่เคยสังเกตมันเลย ทั้งที่คุณตั้งบนโต๊ะทำงาน”

“โลกกลมฉิบหาย” ผมพูดลอยๆ

“ปกติคนอื่นเขาถ่ายรูปเจ้าก้อนพวกนี้ลงอวดกัน แต่คุณไม่เคยเลย”

“แมววัด ไม่รู้จะอวดอะไร”

ได้ยินเธอบอกว่าพวกมันน่ารัก แล้วก็ลุกขึ้นดันเก้าอี้ไปเก็บที่โต๊ะประชุมย่อย เดินพ้นประตูไปยืนรอลิฟต์ ผมรีบพิมพ์ถามทันทีว่ายอมไปกินข้าวกับเวียงแล้วหรือไง

มีข้อความตอบกับมา

ถ้าหิวก็วิ่งมา ลิฟต์มาแล้ว

มีคนเอาขนแมวไปโปรยหว่านบนเบาะเก้าอี้เวียง บนโต๊ะทำงาน ขนแมวกระจายเกาะซ่อนตามแผ่นเอกสารของเขา ติดอุปกรณ์สำนักงานเกือบทุกชิ้นที่หยิบจับ ขี้แมวหนึ่งก้อนถูกพลางด้วยทรายแมวแอบวางใต้โต๊ะ เรารู้ตอนที่เขาตะโกน เขาปรี่มาหาผม บ้าแล้ว มีหลายคนไม่ชอบหน้าเขา เวียงชกที่ดั้งจมูกหนึ่งที ผมสวนกลับไป พลางตะโกนด่าพ่อล่อแม่ออกไป เรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย เราต่างโดนหมัดกันไปคนละสามสี่ที เพื่อนร่วมงานกรูเข้ามาแยกกันอลหม่าน

เขาคิดว่านั่นคือฝีมือผม

เช้าต่อมารูปแมวบนโต๊ะผมหายไป

ไอ้เวียง