เรื่องสั้น | ผู้โดยสารคนสุดท้าย

บนถนนมุ่งสู่สนามบินการจราจรคับคั่ง เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า เมฆดำกำลังก่อตัวอย่างข่มขู่ ท้องฟ้ายามนี้อุ้มความชื้นไว้มากนัก จะปล่อยฝอยฝนลงมาตอนใดก็ได้ทุกเมื่อ ชายหนุ่มอายุสี่สิบต้นๆ เป็นนักธุรกิจเอสเอ็มอีเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายอารมณ์ไม่ไหวหวั่น มีเวลามากเกินพอที่จะไปทันเครื่องบิน เขาต้องไปติดต่องานที่ต่างจังหวัด เขาขยับตัวเบาๆ บนเบาะหลัง คนขับรถแท็กซี่สูงวัยมองผ่านกระจกหลัง คุยกับเขาไม่มากหลังเขาเอ่ยปากชวนคุยด้วย เมื่อเห็นว่าคนหลังพวงมาลัยพูดน้อย เขาจึงให้ความสนใจกับสิ่งนอกรถแทน นับวันกรุงเทพฯ ยวดยานพาหนะเยอะขึ้นอย่างน่าใจหาย ไม่กี่ปีข้างหน้ารถยนต์คงท่วมทะลักเมืองหลวงแน่ หากไม่คิดแก้ไขอะไรกัน

ชายหนุ่มมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเวลาเครื่องออกชั่วโมงกว่าๆ เขาเช็กอินอย่างใจเย็น จากนั้นนั่งทอดอารมณ์อยู่ภายในท่าอากาศยาน ก้มหน้าก้มตาดูหน้าปัดมือถือ เปิดเฟซบุ๊กกดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์ไปเรื่อย พร้อมทั้งโพสต์บนไทม์ไลน์ บอกว่าตนกำลังเดินทางไปสู่เชียงใหม่

เมื่อประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง เขาก้าวสู่ประตูทางออกตามผู้โดยสารคนอื่นๆ และขณะที่นั่งอยู่ในตัวเครื่อง ได้ยินแอร์โฮสเตสพูดกันว่าขาดผู้โดยสารไปที่หนึ่ง เครื่องบินโดยสารยังไม่สามารถทะยานขึ้นท้องฟ้าได้ ต้องทอดเวลาออกไปอีกนิด เขาออกอาการขัดเคืองเล็กๆ คนทั้งหมดในนี้มาเสียเวลา เนื่องจากต้องรอผู้โดยสารคนหนึ่งที่ยังไม่ขึ้นเครื่อง เขาอุตส่าห์นั่งแท็กซี่เสียค่าโดยสารเป็นร้อย เสียเงินแพงเพื่อมารอคนที่ไม่รับผิดชอบเพียงคนเดียว ไม่ถูกต้องเลย ใช้การไม่ได้จริงๆ นึกแล้วก็เกิดอาการฉิวๆ เลือดเดือดปุดๆ ขึ้นมาทันควัน และมันก็มาพร้อมกับแรงอาฆาตแค้น

“แม่ง…ห่วยแตกจริงๆ” เขาพ่นคำด่า

ชายหนุ่มต้องเดินทางไปต่างจังหวัดอีก ธุรกิจของเขาเกี่ยวเนื่องกับต่างจังหวัดตลอด เขาใช้บริการรถแท็กซี่ ออกจากบ้านแต่เนิ่นๆ เผื่อเวลามากพอสมควร ถนนที่มุ่งสู่สนามบินสุวรรณภูมิการจราจรบางเบา บนท้องฟ้าโปร่งใส แทบไม่มีเมฆ ถึงยวดยานน้อย รถแล่นฉิว นาทีหนึ่งคนขับรถแท็กซี่บ่นเรื่องค่าใช้จ่ายแพง เช่น ค่าเช่ารถ ค่าก๊าซ แถมบ่นถึงรถแกรบ

เขาไม่สนใจคำบ่นเพ้อ และเขาเองก็ยังไม่เคยใช้บริการรถแกรบด้วย เขานั่งทำหูทวนลม หนักหน่อยเขาหยิบมือถือออกมาเปิดเฟซบุ๊ก กดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์ในหลายสเตตัส และแน่นอนว่าไม่ลืมโพสต์บอกเล่าว่าตนกำลังเดินไปสนามบิน

เขาเช็กอินอย่างใจเย็น ผู้คนคับคั่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถเช็กอินได้ไว เนื่องจากมีหลายเคาน์เตอร์ให้บริการ เขานั่งพักผ่อนภายในสนามบิน เปิดเฟซบุ๊ก กดไลก์ กดแชร์ และคอมเมนต์ไปตามเรื่องตามราว รวมถึงไม่ลืมโพสต์อะไรนิดหน่อย เพื่อให้เพื่อนฝูงรู้ว่าตนอยู่ ณ ที่แห่งใด และกำลังจรลีไปยังที่ใด

ชายหนุ่มมองนาฬิกา เหลือเวลาเกือบชั่วโมง ทางสายการบินก็จะเรียกขึ้นเครื่อง เขาปลีกตัวออกไป เลือกร้านกาแฟร้านหนึ่ง สั่งกาแฟเอสเปรสโซ่ถ้วยโปรด แล้วนั่งจิบ โดยกวาดสายตามองสาวๆ หุ่นน่าฟัดอย่างสบายอารมณ์

เขาได้ยินเสียงเรียกให้ผู้โดยสารในเที่ยวบินของเขาขึ้นเครื่อง เขาขยับหมายจะลุกจากเก้าอี้หลายครั้งจะไปขึ้นเครื่อง เลิกความตั้งใจเดิมนั้นเสีย แต่แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ยืนกรานว่า จะทำอย่างเก่า เมื่อเป็นดังนั้นเขาก็ยังแชเชือนอยู่บนเก้าอี้ร้านกาแฟ โดยนั่งคลึงถ้วยกาแฟเล่น นั่งจนนานครัน ชนิดกาแฟที่เหลือบางเบาแห้งเป็นคาบคาก้นแก้ว และในที่สุดเขาได้ยินไฟนอลคอลเรียกขึ้นเครื่อง

เขาลุกจากเก้าอี้ ทำท่าลุกลี้ลุกลน ผ่านประตูทางออกไป ย่ำย่างอย่างเร่งด่วนบนทางเดินงวงช้าง และเข้าสู่เครื่องบินลำที่จอดรออยู่

เขาเอ่ยคำขอโทษแอร์โฮสเตสตรงประตูเครื่องบิน พร้อมตีสีหน้าประหนึ่งสำนึกผิดที่มาล่าช้า และขณะที่ก้าวผ่านผู้โดยสารที่นั่งหน้าสลอน หลายคนมองเขาอย่างตำหนิ คิดกินเลือดกินเนื้อเขา แต่เขาไม่สนใจอะไร จะไปสะทกสะท้านกับสายตาเหล่านั้นทำไม เขารู้สึกหัวใจพองโตที่ถูกจ้องมองอย่างนั้น ทุกครั้งที่เขาตั้งใจขึ้นเครื่องช้า ทั้งที่มาถึงสนามบินนานมาก รู้สึกสะใจ สะใจที่ได้แก้แค้น และเขายังย้ำกับตนเองว่า เขาจะประพฤติตัวอย่างนี้ต่อไป

จนกระทั่งว่าเขาสาแก่ใจแล้ว หรือการทำอย่างนี้ไม่ได้สร้างความสนุกให้แก่เขาแล้ว ตอนนั้นค่อยเลิก

ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดโปโลสีแดงกับกางเกงยีนส์สีเข้ม วันนี้เขาต้องเดินทางไปยังภูเก็ต เขาไม่เรียกใช้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ เรียกรถแกรบ ลองใช้บริการนี้สองหนแล้ว ดี ติดใจ รถแกรบที่เขานั่งวันนี้เป็นรถยนต์โตโยต้าคัมรีสีดำ ใหม่เอี่ยมและสะอาด คนขับเป็นเด็กหนุ่มอายุอ่อนกว่าเขาหลายปี ออกจากบ้านราวสิบโมงเช้า เผื่อเวลามากพอสมควรเช่นที่ทำมา ท้องถนนมุ่งสู่สนามบินใกล้เที่ยงนี้ยวดยานพาหนะหนาตา เขาทอดสายตามองไปนอกถนน พลางนึกถึงชีวิต เขาต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นประจำ ดีว่ายุคนี้การคมนาคมสะดวก เครื่องบินตอบโจทย์ชีวิตคนอย่างเขาได้ดีเยี่ยม แต่มีบางจังหวัดที่ไม่มีสนามบิน หากเขาต้องไปติดต่องาน เขาก็ต้องนั่งรถทัวร์ ซึ่งเขาไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่ นั่งรถยนต์เป็นเวลานานๆ มันแสนเบื่อ

ช่วงหนึ่งของเส้นทางสู่สนามบิน รถที่เขานั่งติดแหง็ก เขาขยับตัวมองไปรอบๆ ยวดยานมากมายจอดแช่แข็งบนถนน เขาสบตากับคนขับรถ “ไม่รู้ติดอะไรนะ” เขารู้สึกกังวลใจ กลัวว่าจะตกเครื่องบิน

คนขับมองหน้าปัดนาฬิกาที่ข้อมือ “พี่ขึ้นเครื่องกี่โมงล่ะครับ”

เขามองนาฬิกาบนข้อมือตนเองบ้าง พลางบอกเวลาขึ้นเครื่องแก่เด็กหนุ่ม

“น่าจะทันอยู่ครับ” เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆ

เมื่อมาถึงสนามบิน เขารีบเดินไปที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ดีใจที่ยังมาเร็ว เพราะเมื่อหลุดจากตรงนั้นมารถก็วิ่งฉิวดั่งลมพายุ เด็กหนุ่มเหยียบคันเร่งประหนึ่งลืมตาย แต่เขาชอบใจที่คนขับรถใช้ความเร็วสูงแบบนั้น ตอนนี้หน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารมีไม่มาก มีสาวจีนยืนเคียงข้างเขาอีกแถวหนึ่ง เขานึกครึ้มใจ ยิ้มให้หล่อน แต่สาวจีนหุ่นฟิตเปรี๊ยะทำเมินเฉย ทำเป็นไม่เห็นเขา เขายิ้มอีกที ทั้งที่สาวจีนหันหน้ามาทางเขา ทว่าหล่อนกลับนิ่งเฉย ทำเหมือนว่าเขาเป็นก้อนอากาศธาตุ ซึ่งหล่อนไม่เห็นและไม่อาจสัมผัสได้

ช่วงรอขึ้นเครื่อง เขาเข้าไปนั่งในร้านกาแฟ

“โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 267 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 62 โปรดขึ้นเครื่องได้ ณ ประตูทางออกหมายเลข 62 ขอบคุณค่ะ

“Attention please,Thai Airways International Flight TG 267 To Phuket, It”s now boarding at gate number 62, Please board at gate number 62, Thank You.”

หลังประกาศจบเขาแย้มยิ้ม ไม่ขยับตัว นั่งแช่ก้นอยู่ในร้านกาแฟต่อไปพักใหญ่

“โปรดทราบ ประกาศครั้งสุดท้ายของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 267 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 62 โปรดขึ้นเครื่องได้ ณ ประตูทางออกหมายเลข 62 ด่วน ขอบคุณค่ะ”

“Attention please. This is a Final Call of Thai Airways International Flight TG 267 To Phuket, It”s now boarding at gate number 62, Please board at gate number 62, Immediately, Thank You.”

เขากระหยิ่มยิ้มย่องที่ได้ยินการประกาศให้ขึ้นเครื่องอย่างนั้น ยังหรอก แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจหรอก เขาจะนั่งกระดิกเท้าต่อไปในร้านกาแฟแห่งนั้นอย่างสบายใจเฉิบ แน่นอนว่าเขาจะต้องขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย ซึ่งเคยทำมาสองครั้งแล้ว การรอให้สายการบินเรียกอย่างนั้น เป็นความสะใจยิ่งกว่าไฟนอลคอลเสียอีก เป็นความสบายใจที่ความคั่งแค้นได้รับการชำระอย่างสาสม เขายึดมั่นในความเดิม เขายังจะเล่นบทบาทผู้โดยสารคนสุดท้ายที่ขึ้นเครื่องต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดสนุกกับมันแล้ว ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลับมาทำตัวปกติ แต่ถึงกระนั้นเขาไม่แน่ใจตัวเองว่าจะสามารถเลิกทำตัวกวนตีนกวนประสาทคนอื่นได้ไหม เนื่องจากตอนนี้เขาเสพสุขกับพฤติกรรมนี้สูงมาก มีความสุขปนกับความสะใจทุกครั้งที่เดินฝ่าสายตาหยามหมิ่นขุ่นเคืองของผู้โดยสารในลำเครื่องบิน

นานมากพอสมควรที่นั่งแช่ในร้านกาแฟแห่งนั้น เขายกริมฝีปากขึ้น แพลมรอยยิ้มนิดหนึ่ง เขาเงี่ยหูฟังเสียงประกาศ แต่ขณะที่ยังไม่มีการประกาศขั้นสูงสุดให้ขึ้นเครื่อง เขาได้ยินเสียงแผ่วๆ ลอยมาจากที่ใดที่หนึ่ง แต่ชัดเจนมาก “ต้องไปกันแล้ว เกรียงศักดิ์”

เขาหันไปมอง แปลกใจนิดๆ ที่ใครมาเรียกชื่อเขา แต่เขาไม่เห็นใครสักคน เขาตั้งใจฟัง เผื่อว่าจะมีการเรียกอีกหน ทว่ากลับไม่มีการเอ่ยชื่อของเขาอีก เขาสั่นหัว นึกขันตัวเอง คิดไปทำนองว่าเขาหูเฝื่อนฝาด ได้ยินคนเรียกชื่อเขาเป็นแน่แท้

“Attention please, Attention please, Mr.Somporn Sawangsakde Passenger of Thai Airways International Fight 267 bound For Phuket. Plane is now ready to take off. Please straight to the gate number 62 immedieatly. Thank You.

“สวัสดีค่ะ นี่คือประกาศจากสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 267 ซึ่งจะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ขอเรียนเชิญผู้โดยสารที่ใชhชื่อว่าคุณสมพร สว่างศักดิ์ ผู้โดยสารท่านสุดท้ายของสายการบินกรุณาขึ้นเครื่องด่วน ณ ประตูทางออกหมายเลข 62 ขอบคุณค่ะ”

เขาตกใจเมื่อได้ยินประกาศให้ผู้โดยสารคนสุดท้ายขึ้นเครื่องไม่ใช่ชื่อเขา เขารีบลุกจากเก้าอี้ ผละไปยังประตูขึ้นเครื่อง และได้ทันเห็นชายคนหนึ่งก้าวยาวๆ หน้าตาตื่นไปหาเจ้าหน้าที่ต้อนรับ

“คุณสมพร สว่างศักดิ์ ใช่มั้ยคะ”

“ครับ”

“เชิญขึ้นเครื่องค่ะ”

“ขอโทษด้วยนะครับ รถติดมากเลย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ก่อนจะถึงสนามบิน รถ…” สมพรพยายามจะอธิบายสาเหตุการมาล่าช้าของเขา

ชายหนุ่มที่มาขึ้นเครื่องบินเป็นคนสุดท้ายก้าวตามพนักงานต้อนรับผ่านประตูทางออกไป และก่อนเขาจะกระโจนไปถามหล่อนว่ามีเหตุเข้าใจผิดหรือเปล่า เขาเป็นผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ด้วย แล้วไฉนไม่มีการเรียกชื่อเขาขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้ายเล่า เขาก็ได้ยินเสียงดุดันมาจากข้างหลัง

“หมดเวลาแล้วเกรียงศักดิ์ เราต้องไปกันแล้วนะ”

เขาเอี้ยวตัวไปข้างหลัง ไม่เห็นใครเลย แต่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู “ชักช้าเสียเวลาอยู่ได้ ไปกันได้แล้วเกรียงศักดิ์”

“ไปไหน ผมกำลังจะไปภูเก็ตนะ” พูดแล้วยกเท้าจะก้าวไปข้างหน้า

“นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย…ไปเถอะเกรียงศักดิ์”

จบเสียงเตือนนั้น เขารับรู้ได้ถึงว่ามีลมวูบหนึ่งดึงกระชากเขาเกือบซวนเซ