ยามบ่ายอันแปลกประหลาดร้อนเร่า ผมควรจะลุกขึ้นและหยุดคร่ำครวญสักที | เรื่องสั้น

ถ้าอยากลืมอีดอกทองให้ได้ ผมต้องทำงานออกแรงเท่านั้น ขยับแข้งขยับขาเยอะๆ เอาให้เมื่อยเอาให้เหนื่อยจนเพลียหลับไปเลยไอ้สัตว์! เวลาแล่นผ่านค่ำคืน ล่วงเลยมาถึงเก้าโมงเช้าของอีกวัน แสงอาทิตย์ส่องทะลุม่านจีบเข้ามาในห้อง ปลุกผมตื่นก่อนอีนาฬิกาปลุกเหี้ยบนเครื่องอบผ้าจะแผดเสียงขึ้นตอนผมกำลังอาบน้ำ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผมมาอยู่ที่คอนโดหรู สิงอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยขยะ เศษอาหารติดจาน ผ้าห่ม-ที่นอนที่ยับยู่ยี่ พื้นที่เต็มไปด้วยเศษดิน-ทราย “พี่แม่งอินดี้ว่ะ” กายว่า ผมระเบิดเสียงหัวเราะ อินดี้เหี้ยอะไร ตอนแรกก็แค่จะทำประชด

“ไม่มีอาจารย์ที่ไหนลาออกมารับจ้างทำความสะอาดหรอก” “ก็จริงว่ะพี่” อย่างว่า ตอนนี้ผมยึดอาชีพรับจ้างทำความสะอาด ไม่ได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว “เย็นนี้เจอกัน เดี๋ยวพี่ขอถูพื้นก่อน” ผมรับจ้างทำความสะอาดมาได้สักพักจนเจ้าของห้องไว้ใจ ปล่อยให้ผมทำความสะอาดห้องแกทุกห้อง “พี่หมายถึงห้องที่แกปล่อยเช่ารายวันนะ” และหลังๆ มานี้ “แกก็ไม่มาเช็กพี่แล้วด้วย” “เจ๋งว่ะ” กายว่า แล้วมันก็ซดเบียร์ลงคออีกอึกใหญ่ๆ สาวเชียร์เบียร์หน้าสวยตาโตหุ่นสะบึมที่ชอบเกาก้นตัวเองเวลาเผลอเดินเข้ามาถามว่า “จะเอาเบียร์เพิ่มอีกมั้ยคะ” “แล้วได้เงินเดือนเท่าไหร่ ไม่ได้ถามน้องนะ” “เบียร์ใช่มั้ยน้อง เอามาเลยค่ะ…ไม่รู้ว่ะ พี่คิดเป็นห้อง ห้องละสี่ร้อย” “เฉลี่ยดิพี่ เท่าไหร่” “ไม่เคยคำนวณเลย” เหี้ยนี่ ทำไมถามเยอะจังวะ “เอาเดือนนี้ก็แล้วกันนะ” ผมคว้ากระเป๋าสะพายของผมที่วางอยู่บนพื้นสกปรกๆ หยิบสมุดตารางทำความสะอาดห้องขึ้นมานับ “…หนึ่งหมื่นสองพันสี่ร้อย ยังไม่รวมค่าซักผ้านะ” “พี่รับจ้างซักผ้าด้วยเหรอ” “เออ ได้เงินก็ทำหมดแหละ เศรษฐกิจแม่งเหี้ยขนาดนี้” แม่ง! พูดแล้วก็ของขึ้น อยากจะกระทืบไอ้พวกเป่านกหวีดฉิบหาย ผมพูดในใจดังมาก ผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ คงได้ยิน มองทำเหี้ยอะไรล่ะไอ้สัตว์! มึงเป่านกหวีดเหรอ ช่างแม่งเถอะ ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป หลังจากนั้นผมก็นิ่งเงียบเป็นเป่าสาก กายได้จังหวะเลยถาม “พี่รับงานแปลมั้ย” “แปลอะไรวะ” “แปลนิยายน่ะพี่” เล่มเขื่องเลยแหละ ที่สำคัญ ไม่มีย่อหน้า เผือกร้อนชัดๆ “หกเดือนไหวมั้ยพี่” นักแปลแม่งชิ่ง “ได้เงินก็ทำหมดแหละ” ผมพูดซ้ำ และถ้าทำเสร็จ ผมก็จะได้เงิน 81,000 บาท “เอาดิๆ”

และเพื่อเป็นการฉลองค่ำคืนที่ดีงามสัตว์ๆ ผมก็เลยคิดว่าจะฝากไอ้กายผู้ช่ำชอง ซื้อสาวเชียร์เบียร์หน้าสวยตาโตหุ่นสะบึมที่ชอบเกาก้นตัวเองเวลาเผลอให้หน่อย “ตกลงได้จริงๆ เหรอวะ” “หรือพี่จะไม่เอา ผมเอาเองก็ได้นะ” “เอาๆ” แล้วเราก็เอากันจริงๆ ผมหมายถึงผมกับสาวเชียร์เบียร์หน้าสวยตาโตหุ่นสะบึมที่ชอบเกาก้นตัวเองเวลาเผลอนะ ไม่ใช่ผมกับไอ้กาย คืนนั้นผมมีความสุขโคตรๆ เป็นเซ็กซ์ที่โคตรเจ๋ง เราถึงพร้อมกัน รุ่งเช้าผมปลุกสาวเชียร์เบียร์แล้วบอกว่า เดี๋ยวผมจะต้องออกไปทำงานแล้ว “จะนอนเล่นสักพักก่อนก็ได้นะคะ ถ้าจะกลับก็อย่าลืมล็อกห้องให้พี่ด้วย เงินอยู่ใต้หนังสือที่พี่อ่านเมื่อคืน…เล่มนั้นแหละค่ะ ออน เดอะ โรด” สาวเชียร์เบียร์กระเด้งจากฟูกนอนญี่ปุ่น วิ่งมาจูบแลกลิ้นผม เธอคงอยากจะมัดจำมัดใจ เลยพูดออกมา “วันหลังพี่ไม่ต้องให้เงินหนูนะ หนูให้เอาฟรีเลย” ถึงอย่างนั้นเธอก็อดสงสัยไม่ได้ “ทำไมห้องพี่ถึงไม่มีอะไรเลยล่ะ” ห้องกูนี่นะไม่มีอะไร ไม่มั้งคะ มีเครื่องซักผ้านะ เครื่องอบผ้าก็มี ในห้องน้ำก็มียาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสระผม บลา บลา บลา “หนูยังไม่เห็นตอนพี่ตากผ้า แทบจะซุกหัวนอนไม่ได้” “ยังไงเหรอ” จะอธิบายให้ฟังก็ได้ค่ะ แต่ยาวหน่อยนะ ห้องของผมเป็นห้องแบบสตูดิโอ ซื้อมาตั้งแต่สมัยยังสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย ช่วยแม่ผ่อนคนละครึ่ง จนกระทั่งเมื่อปี 60 เราก็ผ่อนหมด และก็ปีนั้นนั่นแหละ ที่ผมทำตัวเหี้ยสัตว์ๆ ลาออกจากอาจารย์ นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้อง ใช้เงินเก็บ ไม่ได้ทำห่าอะไรเลยสักอย่าง นอกจากตื่น กิน อ่านหนังสือ เล่นเกม ฟังเพลง นอน แม่ด่าผมฉิบหาย “ทำอะไรไม่รู้จักคิด” อีดอกก็ว่า “โง่ งี่เง่า”

แล้ววันหนึ่ง อีดอกก็ขอเลิกกับผม ผมมาปะติดปะต่อได้ทีหลังว่าอีดอกแอบมีชู้ อีดอก! อีดอก! อีดอก! มันเ-็ดกับผม แล้วก็ไปเ-็ดกับชู้ เ-็ดกับชู้ แล้วก็มาเ-็ดกับผม ผมนี่คลั่งสุดๆ โกรธจนตัวสั่น ถ้ากูติดเอดส์ขึ้นมานะ กูจะยิงพวกมึงให้ตายห่าให้หมด แต่กูไม่มีปืนไง แล้วกูก็ไม่รู้จะไปหาซื้อปืนได้ที่ไหนด้วย “พี่สบายดีค่ะ ไม่ต้องตกใจ” พี่ชายผมเป็นหมอ มันก็บอก “มึงไม่ได้เป็นเหี้ยอะไร…” และผมก็ไม่ได้ไปทำเหี้ยอะไรใคร ผมไม่ได้โกรธที่อีดอกมีชู้ ผมแค่โกรธที่อีดอกทำตัวสำส่อนแล้วจะเอาเอดส์มาติดผม ผมรักตัวเองมาก กลัวตายฉิบหาย แต่ผมก็ยังไม่ตาย “ขอเงินแม่ไม่ได้แล้วนะ แม่เกษียณแล้ว รีบกลับมาทำงาน งานเหี้ยอะไรก็ทำไปเถอะ” แล้วผมก็มารับจ้างทำความสะอาดนี่แหละ น่าสนุกดีออก อีดอก! อยากทำงานที่ไม่ต้องคิดเยอะ ออกแรงขยับแข้งขยับขา เอาให้เมื่อยเอาให้เหนื่อยจนเพลียหลับไปเลยไอ้สัตว์! สาวเชียร์เบียร์ของผมก็คงเหนื่อยสัตว์ๆ เหมือนกัน วันนัั้นเธอมาช่วยผมทำความสะอาด “ตกลงไม่ไปไหนใช่มั้ย” “วันนี้ไม่รับงานค่ะ” “โอเค งั้นเดี๋ยวเราทำห้องเสร็จแล้วเราเอาผ้าไปซักที่ห้อง แล้วเราค่อยออกไปหาอะไรกินดีมั้ย” “ดีค่ะ” เรามาถึงห้องในสิบนาทีต่อมา สาวเชียร์เบียร์บอก “แบบนี้ก็สบายตาดี” “ห้องสตูดิโอก็งี้แหละ ทำความสะอาดง่าย” ผมไม่เคยซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นเลย ขนาดซิงค์ล้างจาน

ผมยังให้ช่างมารื้อออก พอมีซิงค์ก็ต้องล้างจาน พอมีจานก็ต้องกิน พอกินก็ต้องอ้วน จัญไรสัตว์ๆ คนเราจะอ้วนลงพุงก็เพราะอย่างนี้แหละ “หิวหรือยังคะ” “ยังเลย” “งั้นถ้าหิวก็เรียกพี่นะ” “โอเคค่ะ” ถึงแม้ผมจะไม่ชอบซื้ออะไรเข้าห้อง แต่ผมก็ต้องซื้อข้าวของที่จำเป็น อย่างเครื่องซักผ้า ราวตากผ้า ไม้แขวนเสื้อ เครื่องอบผ้า ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม แวนิช ไฮเตอร์ พัดลม โดยเฉพาะพัดลม ใครมาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ “พี่ซื้อพัดลมมาทำไมเยอะแยะ” ในห้องผมมีพัดลม 4 ตัว ผมจะเปิดพัดลมทุกตัวแยกเป็นสี่ทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก จากนั้นพัดลมก็จะเป่าผ้าที่เราเพิ่งเอาออกจากถังซักขึ้นมาตาก แม้เราจะกดสั่งปั่นแห้งแต่ผ้าก็ยังไม่แห้ง พัดลมจะช่วยให้มันแห้งได้ แต่ก็อาจไม่ทันใช้พรุ่งนี้ ดังนั้น หลังจากที่เราช่วยกันเก็บผ้าที่ถูกทั้งปั่นและเป่า เราก็ทยอยเอาผ้าทั้งหมดเข้าเครื่องอบ “ออกไปหาอะไรกินกันมั้ย เดี๋ยวพี่จะมาแปลหนังสือต่อ” “ได้ค่ะ” เราเดินมาถึงหน้าเซเว่นตอนห้าทุ่ม ซื้อข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวมา 2 กล่อง เรากินข้าวมื้อดึกกันอยู่หน้าเซเว่นที่มีไฟส่องสว่างสาดแผ่นหลังของเราสองคน ข้างๆ มีร้านเหล้า และหนุ่มๆ ในร้านเหล้าก็กำลังจ้องมองสาวของผมกันตาเป็นมัน สาวของผมไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวของเธออย่างเอร็ดอร่อย “ชอบโมเมนต์นี้จัง” “ยังไงเหรอ” “ก็อย่างที่เป็นอยู่นี่แหละ พี่ขยันดีนะ” เธอว่า เธอแพ้ผู้ชายขยัน ผมไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก “อ๋อ” เขินฉิบหาย

เธอเป็นสาวที่คลั่งผู้ชายขยันสุดๆ เธอเล่าให้ฟังว่า เธอชอบเอากับแฟนเก่าคนแรกที่เป็นโฟร์แมน กลิ่นเหงื่อโฟร์แมนทำให้เธอคลั่ง แต่สุดท้ายเธอก็เลิกกับโฟร์แมน “โฟร์แมนแม่งติดเหล้าน่ะพี่” เธอไม่ชอบคนกินเหล้าพร่ำเพรื่อ ส่วนผมนานๆ กินที บุหรี่ก็ไม่สูบ เอาก็เอาเก่ง เอาได้ทุกที่ และที่ที่เธอชอบที่สุดคือบนเก้าอี้ตอนที่ผมนั่งแปล ออน เดอะ โรด ครั้นแล้วเรื่องราวระหว่างผมกับสาวเชียร์เบียร์หน้าสวยตาโตหุ่นสะบึมที่ชอบเกาก้นตัวเองเวลาเผลอก็ดำเนินมาจนถึงจุดจบ ซึ่งเหมาะเจาะเข้ากับฉากที่เครูแอ็กต้องแยกกับเบียทริส สาวเม็กซิกันนัยน์ตาฟ้า คนรักคนหนึ่งของเขาเอามากๆ ในฉากนั้น เครูแอ็กเดินทางออกจากยุ้งฉางของเฮฟเฟลฟิงเกอร์ในเซลมา “แล้วตอนที่ผมเดินไปได้ร้อยก้าว ผมก็หันกลับมามองเธอเป็นครั้งสุดท้าย ผมเห็นเธอเดินกลับบ้านพร้อมกับถือถาดอาหารเช้าของผมด้วยมือข้างเดียว ผมโค้งคำนับให้เธอแล้วก็จ้องมองเธอ ผมขอโทษนะที่รัก จากนั้นผมก็กลับมาบนท้องถนนอีกครั้ง” ผ่านเกรปไวน์ ผ่านโคลัมเบียพิกเจอร์ส ผ่านซันเซ็ตแอนด์ไวน์ ผ่านอินดิโอ ผ่านบลายธ์ ผ่านซาโลเม ผ่านแฟลกสตาฟ ผ่านนิวเม็กซิโก ผ่านดัลฮาร์ท ผ่านโอคลาโฮมา ผ่านวิชิทา ผ่านเซนต์หลุยส์ ผ่านอินเดียนาโพลิส ผ่านโคลัมบัส ผ่านพิตส์เบิร์ก ผ่านแฮริสเบิร์ก ผ่านนิวเจอร์ซีย์ ผ่านไทม์สแควร์ ก่อนมาถึงโอโซนปาร์ก ซึ่งเป็นบ้านแม่ของเครูแอ็กนั่นเอง ส่วนเรา เอากันอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม เธอขอร้องให้ผม “หลั่งในนะๆ” ถึงอย่างนั้นเธอก็อยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะเดินต่อไปข้างหน้า นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เธอจำเป็นจะต้องอยู่กับมัน เธอมีแม่มีน้องที่ต้องดูแล ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละ ช่างแม่งเถอะ!

วันนั้นเราเอากันแล้วก็เอากัน แล้วผมก็แตกในไปหลายรอบจนจำไม่ได้ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องทะลุม่านจีบเข้ามาในห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นในเช้าของอีกวัน สาวเชียร์เบียร์ก็หายตัวไปเงียบๆ เหมือนที่อีดอกเคยทำแบบนั้น ผมไม่ได้ติดต่อกับสาวเชียร์เบียร์อีกเลย เหมือนกับว่าน้ำอสุจิของผมที่เข้าไปในตัวเธอในวันนั้นได้ทำลายจิตวิญญาณของเธอจนทุกอย่างที่เป็นเธอได้สูญสลายหายไปหมดสิ้น ผมกลับมามีสมาธิจดจ่อกับงานของผม และก็น่าแปลกใจมากว่า เฮ้ย กูไม่เฮิร์ตว่ะ กูไม่เป็นเหี้ยอะไรเลยเว้ย! หรือผมจะเป็นคนใหม่แล้ว สามเดือนหลังจากนั้น ผมก็แปล ออน เดอะ โรด เสร็จ ในขณะที่งานรับจ้างทำความสะอาดก็ไปได้ด้วยดี ผมวางแผนว่า เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้จะขอลาพักร้อนหนึ่งเดือน ใช้เงินค่าแปลทั้งหมดแปดหมื่นกว่าบาทท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ เจ้าของห้องอนุญาต แกการันตีว่าเมื่อผมกลับมาแกจะยังจ้างผมเหมือนเดิม แล้วผมก็ได้เงินตอนสิ้นปี วันนั้นกายโทร.มานัดให้ผมมารับเงินที่ร้านเหล้าข้างคอนโดผม มันว่า เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จ “เราควรแดกเหล้าให้เมาปลิ้นกันพี่…” ตอนนั้นผมมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีราวๆ สี่หมื่นกว่า รวมกับค่าแปลอีกเจ็ดหมื่นกว่าเกือบแปดหมื่น ไอ้ห่ากายแม่งหักค่าคอมไปเกือบสี่พัน แต่ก็ช่างแม่งเถอะ เราตกลงกันแล้วตั้งแต่ต้น “เสี่ยเงินแสน” “ไอ้สัตว์! อายเขา จะพูดเสียงดังทำไม” ผมไม่เคยเก็บเงินได้มากมายขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต “โอเคๆ เลี้ยงก็เลี้ยง” ผมจะไม่งกให้เสียพี่น้อง และผมก็คิดว่าผมจะมอมเหล้าไอ้กายให้เมาฉิบหายวายป่วงไปเลย ฮี่ ฮี่ ฮี่ แต่กูก็เสือกเมาฉิบหายวายป่วงเอง ผมเดินไปทั่วถามหาสาวเชียร์เบียร์คนที่ชอบเอามือเกาก้นตัวเองเวลาเผลอแต่ก็ไม่มีใครรู้จักเธอ ผมใช้ไอ้กายหาสาวเชียร์เบียร์ให้สักคนมานอนแก้ขัด แต่ก็ไม่มีใครโอเค ผมคิดว่าสาวๆ แถวนั้นคงจะเกิดมาแค่เดินไปเดินมาถามว่า จะเอาเหล้าเพิ่มอีกมั้ยคะ แล้วก็ทำหน้าบูดๆ บึ้งๆ เดินจากไป รอรับเงินเดือน ได้เงินมาก็กิน เที่ยว ไม่มีค่าคอมค่าขยันห่าเหวอะไร ไม่มีเหมือนสาวเชียร์เบียร์ของผมสักคน เหี้ย!

คิดถึงสาวเชียร์เบียร์ของกูฉิบหาย “เวลาผู้ชายเงี่ยนก็เป็นแบบนี้แหละว่ะ” อีดอกที่ไหนไม่รู้พูดขึ้นมา “รู้ข่าวยังพี่ แฟนเก่าพี่เลิกกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าพี่แล้วนะ” ไอ้สัตว์! มึงบอกกูมาเลยว่าอีดอกมันเลิกกับผัวมันแล้วก็จบ “เหรอ แล้วไงต่อวะ” จะให้กูโทรไปตอนนี้เลยมั้ยล่ะ จะชวนมานั่งปรับทุกข์แล้วก็เสร็จกันบนเตียงเอามั้ย โทร.มั้ย มาเลย สัตว์เอ้ย! “พี่เมาแล้วว่ะ” กายเดินไปส่งผมที่ห้องเพราะกลัวว่าผมจะไปมีเรื่องกับใคร “กลับแล้วนะพี่ ดูแลตัวเองด้วย” “เออ กลับเถอะ” ปล่อยกูไว้ตรงนี้แหละ นอนแผ่หลาอยู่บนฟูกนอน กลิ่น-ีของสาวเชียร์เบียร์โชยขึ้นมา ผมหันไปมองเก้าอี้ตัวที่เราเอากัน กูจะขายทิ้งแม่ง! ก็ไม่ได้นั่งแปลอะไรแล้วนี่ ไม่รู้ว่าจะได้แปลนิยายดีๆ อีกเมื่อไหร่ว่ะ แต่ที่แน่ๆ ผมรักแจ๊ก เครูแอ็ก ฉิบหาย การเดินทางที่มลังเมลืองของเขา จากตะวันออกสู่ตะวันตก ทำให้ผมเป็นบ้าไปกับเขาจนอยากจะเดินทางแบบนั้นบ้าง “ผมข้ามอเมริกามาได้ครึ่งทางแล้ว และก็มาอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างตะวันออกในวัยเยาว์และตะวันตกในอนาคต และนี่อาจเป็นเพราะว่าทำไมมันจึงได้เกิดขึ้นที่นี่ ในยามบ่ายอันแปลกประหลาดที่ร้อนเร่า แต่ตอนนี้ผมควรจะลุกขึ้นและหยุดคร่ำครวญสักที”.