เรื่องสั้น | สถานีตรวจอากาศ

ผมหยิบกางเกงในมาสวม นั่งลงข้างเตียง อยากหยิบบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมาจุดสูบ แต่คิดว่าสูบในห้องคงไม่เหมาะ เธอยังเปลือยอยู่บนเตียง นอนตะแคงข้างหันหลังให้ผม ผิวขาวเนียนของเธอยังดึงดูดสายตาให้จ้องมองไม่รู้เบื่อ

ทุกสิ่งเกี่ยวกับเธอล้วนน่าค้นหา

ผมคว้าซองบุหรี่จากบนโต๊ะ ก้มลงจูบแผ่นหลังเปราะบางของเธอ ลุกออกไปที่ระเบียง จุดบุหรี่สูบ

ประตูระเบียงยังเปิดทิ้งไว้ปล่อยให้ลมเย็นยามดึกพลิ้วผ่านม่านหนาสีเทา ผมยืนอยู่ในกางเกงในสีขาวตัวเดียว ใช้แขนพาดกับขอบระเบียง เหม่อมองซอยเปลี่ยวด้านล่าง มองแสงไฟของร้านอาหารโต้รุ่งปากซอย อากาศด้านนอกค่อนข้างเย็น หรือเป็นเพราะผมสวมเพียงกางเกงในตัวเดียว

บุหรี่เผาไหม้เชื่องช้า ตั้งแต่จุดผมเพิ่งสูบเข้าไปครั้งเดียว ความอยากบุหรี่เมื่อสักครู่หายไปเพียงสูดควันเข้าปอด ผมหันกลับไปมองในห้อง เธอยังนอนอยู่ท่าเดิม นอนเปลือยอยู่บนเตียง

หนึ่งชั่วโมงก่อน เธอในอ้อมกอดกระซิบถามอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้สนใจ ผมมัวแต่กังวลว่าแฟนเธอจะกลับมา ทั้งที่เธอยืนยันว่าคืนนี้เขาอยู่ต่างจังหวัด ผมอยู่ตอนเธอโทร.เช็กเพื่อความแน่ใจตามคำขอของผม กำลังรูดกระโปรงผ้าของเธอลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

เธอทำหน้าดุแบบหยอกๆ ผมจูบหน้าท้องแบนราบขาวเนียน เธอสะดุ้งและทำหน้าดุอีกครั้ง

ผมลุกจากเตียงคว้าซองบุหรี่เดินไปนั่งที่กรอบประตูตรงระเบียง คิดถึงแฟนตัวเองที่เพิ่งจะวางสายก่อนจะมาถึงห้องไม่นาน ผมโกหกแฟนว่าอยู่ปากซอยแถวบ้านแล้ว ยืนรอซื้อข้าวกลับไปกินที่ห้อง ผมวางสายและเดินลัดอีกซอยมาที่ห้องของเธอ

ตอนที่เธอกระซิบถามอะไรบางอย่างในอ้อมกอดเปลือยของเราทั้งคู่ ผมไม่ทันได้ฟังอย่างสนใจเลยเงียบแทนคำตอบ เธอไม่ได้เซ้าซี้

ผมหันไปจูบเธอและมีอะไรกันอีกรอบ ก่อนจะหลับไป

ผมสูดควันเข้าปอดอีกครั้ง บุหรี่ลามไหม้เกือบถึงก้นกรอง ผมย้อนกลับไปคิดถึงประโยคคำถามนั้น ที่จริงผมได้ยินแต่ทำเป็นไม่สนใจ พี่อยากแต่งงานมั้ย อยากแต่งงานกับหนูมั้ย

คงไม่

พี่แม่งติสต์

เธอรู้ว่าผมจะต้องพูดอะไรแบบนั้นออกมา แต่ไม่ใช่เพราะติสต์หรอก ผมไม่เคยเชื่อเรื่องการแต่งงาน ไม่เชื่อว่าพิธีการนี้จะศักดิ์สิทธิ์พอจะมัดคนสองคนให้อยู่ร่วมกันไปจนตาย ไม่รักก็เลิกกัน จะแต่งงานหรือไม่แต่งงานก็เลิกกัน แต่พอคิดดีๆ หรือมันเป็นเพียงข้ออ้างสวยๆ

ผมอาจจะแค่กลัวการผูกมัด แค่คนขี้ขลาด

บุหรี่ไหม้หมดมวน ผมขยี้ดับกับราวระเบียง โยนก้นบุหรี่ทิ้งลงไปด้านล่างแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ผมคึกคักอีกรอบ เป้ากางเกงในสีขาวตุงเป็นรูปร่างท่อนลำอย่างน่าทุเรศ

ผมมองแผ่นหลังเปราะบางขาวนวลบนเตียงอย่างคนตะกละ เอนตัวลงนอนเคียงข้างขนานแผ่นหลังนั้นอย่างแผ่วเบา ใช้มือซ้ายจับเอว ค่อยๆ เลื้อยไล่ผ่านเนิบช้าไปที่หน้าอก เคล้นคลึงเอื่อยเฉื่อยเบามือ เธอขยับตัวเล็กน้อย

ได้ยินเสียงครางแผ่วเบา หนูง่วง พรุ่งนี้นะ

ผมหยุดมือ เปลี่ยนมาใช้ท่อนแขนซ้ายกอดเธอจากด้านหลังแนบแน่น ท่อนเนื้อของผมเบียดอยู่ตรงร่องก้นของเธอ ผมสอดแขนขวาไปที่ซอกคอ พอได้ที่เหมาะสมก็ใช้มือขวาโอบรับเต้านมเต็มอุ้งมือ

เธอขยับบั้นท้ายเล็กน้อยเบียดอัดจนท่อนเนื้อแทรกผ่านร่องก้นลึกเข้าไปอีก มือซ้ายคลายจากกอด รุกไล้ลงไปยังเนินเนื้อด้านล่าง เลื้อยผ่านพุ่มขนนุ่มมือ นิ้วกลางที่มาถึงก่อนชอนดิ่งลงไปถึงหลืบลึกลับ พบพื้นที่ชื้นแฉะอย่างคาดไม่ถึง

เธอยังหลับตาแต่ก็เบี่ยงตัวหันมาอยู่ในท่านอนหงาย ผมจูบที่ริมฝีปากเธอ หัวนม ร่องอก หน้าท้อง ต้นขา ปลีน่อง วนไล่กลับไปมาสองสามรอบจนหยุดตรงเนินเนื้อที่นิ้วกลางเพิ่งจะค้นพบพื้นที่ชุ่มชื้น

ผมจูบลงตรงกลีบบางทั้งสองฝั่ง แทรกลิ้นลงไป ไปไกลกว่าที่เคยมาถึงก่อนหน้านี้ เธอแอ่นตัวขึ้น ครางแผ่วเบาทั้งยังหลับตา สองมือของเธอกำเส้นผมของผมเอาไว้เต็มมือ ผมหยุด และถอนการสัมผัสออกจากเธอทั้งหมด ยกร่างตัวเองขึ้นมาอยู่เหนือร่างเปลือยของเธอ จ้องมองผิวขาวเนียนอย่างคนแปลกหน้า ใช้สายตาหื่นกระหายแทะโลมร่างเธอเสียจนผิวหนังชั้นนอกแทบหลุดลุ่ย เธอลืมตาช้าๆ มองหน้าผมหลังจากทุกอย่างหยุดนิ่งไปเฉยๆ เราจ้องตากันอย่างคนแปลกหน้า สายตาโจมตีค้นคว้าคำตอบ ช่วงเวลานั้นเกิดเพียงครู่เดียว เธอคว้าท่อนเนื้อของผมกดลงไปที่กลีบบางปากถ้ำ ถูไถวนรอบบริเวณปากทางเข้าไปมาราวกับว่ากำลังขออนุญาต จากนั้นก็ปลดปล่อยท่อนลำของผมให้เป็นอิสระ ดำดิ่งจมลึกลงสู่พื้นที่ด้านในที่ชื้นแฉะรอท่าอยู่นาน ลึกเข้าไปไกลกว่าที่ใครเคยเข้าสำรวจถึง ไกลและลึกเสียจนชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกราวกับถูกความเคว้งคว้างพุ่งเข้าเกาะกุมอวัยวะเดียวดายอันนั้นของตัวเอง

เกือบตีสาม ตอนที่เราร่วมรักกันอีกครั้ง นานเนิ่นนาน จนเมื่อทุกอย่างจบลงเราต่างหลับไปทั้งที่ร่างยังคลุ้งกลิ่นน้ำข้นขุ่นที่เพิ่งจะถั่งถ้นออกมา หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย หลับไปก่อนที่จะมีใครสักคนรู้ตัว ว่าพรุ่งนี้ของเราทั้งคู่จะไม่มาถึงอีกแล้ว

ผมไม่ได้เจอเธออีกเลย

และอีกหลายสัปดาห์จากคืนนั้นผมไม่ได้ไปที่ห้องเธออีกเลย ห้องของเธอไม่ว่างสำหรับผม

จนล่วงเข้าสู่เดือนที่สองและสาม เธอโทรศัพท์หาผมบ้าง แต่ห้องก็ไม่เคยว่างอีก เรามักจะใช้คำนี้แทนความเข้าใจของเราทั้งคู่ ห้องไม่ว่าง บางครั้งมันฟังแล้วก็เจ็บปวด บางครั้งมันฟังแล้วก็โล่งใจ แต่พอนานวันเข้ามันฟังแล้วก็รู้สึกไม่เข้าใจ มีอะไรที่ผมควรจะรู้หรือเปล่า ผมเองก็อยากถามเธอออกไปตรงๆ

เดือนที่สี่จากคืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน ผมเลิกกับแฟน หลังจากสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่ามีคนอื่น ที่จริงผมระแคะระคายมานานแล้วเรื่องการนอกใจ แต่ผมไม่ได้ใส่ใจ รอเพียงเวลาที่จะมาถึง ผมใจจดจ่ออยู่เพียงเธอเท่านั้น จดจ่อรอสัญญาณจากคำสัญญาว่าเธอกำลังจะเลิกกับแฟน

เดือนนั้นทั้งเดือนไม่มีโทรศัพท์จากเธอ ผมเริ่มคลั่ง เกิดความคิดอยากบุกไปหาเธอที่ห้องให้รู้แล้วรู้รอด ผมทนรอคอยแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว ยิ่งเมื่อผมเลิกกับแฟนและอยู่ตัวคนเดียว ผมยิ่งอยากเป็นเจ้าของเธอมากขึ้นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

ต้นเดือนที่ห้าเธอโทรศัพท์หาผมในบ่ายวันหนึ่ง เล่าเรื่องบางเรื่องให้ฟัง มันทำให้ผมเข้าใจว่าเธอเพิ่งผ่านอะไรมา อย่าเพิ่งมาเลยนะ หนูยังไม่พร้อม แทนที่จะโกรธ ผมกลับรู้สึกผิดที่กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างไม่รู้ตัว อย่างน้อยผมก็ควรได้ดูแลหรือปลอบใจเธอสักหน่อย หรือช่วยคิดหาทางออกอื่นได้ ผมวางสาย

หลายวันต่อมาเธอโทร.มาหาอีกครั้ง พูดคุยสัพเพเหระ แต่น้ำเสียงฟังดูเลื่อนลอยอย่างบอกไม่ถูก พอเรื่องที่คุยหมดลง บทสนทนาก็ขาดหายไปเสียอย่างนั้น อีกสักพักเธอคงจะขอวางสาย แต่แล้วเธอพูดขึ้นมา แฟนหนูขอแต่งงาน เขาจับได้ว่าหนูมีคนอื่น แต่ก็ไม่ยอมปล่อย ผมจำไม่ได้แล้วว่าพูดอะไรกลับไปบ้าง

จากวันนั้นเธอไม่โทรศัพท์หาผมอีกเลย เธอหายไป ผมไม่ได้กลับไปที่ห้องของเธออีกเลยจนเข้าสู่เดือนที่หก

วันอาทิตย์หนึ่งของเดือนที่เจ็ด เธอโทร.ชวนผมไปซื้อของ ไปกินข้าว ไปดูหนัง แต่เราไม่ได้กลับไปที่ห้องด้วยกัน ผมไม่ได้ถามเรื่องแฟนเธอ ไม่ได้ถามเรื่องการแต่งงาน พอหมดวันนั้นเธอหายไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ติดต่อมาอีก ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอะไรทั้งนั้น

ทุกอย่างจบลงช้าๆ อย่างที่ควรจะเป็น

ผมยังนับคืนวันที่ผ่าน สัปดาห์และเดือนที่ล่วงเลย โดยเริ่มจากคืนสุดท้ายที่เราอยู่ด้วยกัน เดือนที่สิบสามเธอโทร.หาผมตอนสองทุ่ม ตรงกับวันลอยกระทง ผมอยู่แถวท่าพระอาทิตย์ล้อมรอบด้วยผู้คนมากมายในคืนลอยกระทง เสียงเพลงจากวงดนตรีบนเวทีให้จังหวะสนุกสนาน เสียงประกาศประชาสัมพันธ์ดังเป็นระยะ ผมแนบหูฟังเสียงจากโทรศัพท์มือถือ เสียงเธอคล้ายล่องลอยมาจากที่แสนไกล สถานที่ที่อาจไม่มีอยู่จริง เสียงที่ยังคงทำให้ผมนึกไปถึงคืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน เธอถามผมว่าคืนนี้ไปลอยกระทงกับใคร ผมเงียบ ก้อนอะไรบางอย่างจุกอัดติดอยู่ที่ลำคอ ทำให้ผมมีอาการคล้ายคนไม่ปกติ อ้ำอึ้ง นิ่งงัน จ้องมองอะไรสักอย่างตรงหน้าอย่างไม่โฟกัส ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมเริ่มทำหน้าแปลกๆ แสดงอาการชัดเจนว่างุนงงกับการรับโทรศัพท์สายนี้ของผม

และผมก็ตอบเธอออกไปจนได้

พี่มากับแฟน แล้วเราล่ะ ไปลอยกับใคร

ผมจำน้ำเสียงของเธอคืนนั้นไม่ได้แล้ว จำความรู้สึกกระอักกระอ่วนของคืนนั้นไม่ได้แล้ว แทบจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเธอ

ยกเว้นเพียงคืนนั้นคืนเดียวที่เราอยู่ด้วยกัน คืนสุดท้าย

เดือนที่สิบแปด ผมได้ข่าวว่าเธอแต่งงาน