เรื่องสั้น | ตามหาความทรงจำ

ผมอยากแนะนำให้คุณรู้จักใครบางคน เราสมมุติว่าชื่อ A แล้วกัน นี่คือเรื่องราวของเขา…

A เป็นบรรณาธิการนิตยสารชื่อดัง เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองเป็นเกย์ ถ้าคุณถาม เขาจะไม่ตอบ แต่แสดงออกด้วยท่าทางและการกระทำ โดยเฉพาะสายตาที่บอกเป็นนัยๆ ว่าคุณกำลังหยาบคาย ว่ากันว่าเขาเป็นซัมบอดี้ผู้ทรงอิทธิพลในวงการสิ่งพิมพ์ แถมยังเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบด้านนิเทศฯ หรือวารสารศาสตร์ เป็นนักเขียน นักแปล นักบรรยายผู้สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบที่พระเจ้าประทานมาให้ เขาผู้มาพร้อมกับบุคลิกภาพที่สะอาด สุภาพ นอบน้อม รู้กาลเทศะ ประกอบกับน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟังรื่นหู สร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นยามเขาปรากฏกาย-ไม่ว่าที่ใด ราวโลกจำลองของกระดานหมากรุกที่ก่อนหน้าคือความน่าเบื่อ ซ้ำซาก แต่เมื่อตัวขุนอย่างเขาถูกวางลงบนกระดานไม่ว่าตำแหน่งใด อย่างทันที! ณ ตรงนั้นจะมีแสงเรื่อเรืองแผ่กระจายของรังสีออร่า (รังสีออร่า : เป็นสีของความคิดและอารมณ์ที่มีลักษณะเป็นหมอกไหลปรากฏเป็นหย่อมๆ เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะและเหนือบ่า-อากู๋) มันมีจุดเริ่มต้นและส่องประกายมาจากตัวเขา ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นและข้างเคียง ตลอดจนเบี้ย ม้า เรือ อย่างคุณๆ ได้รับความสุขสงบสวยงามเป็นอานิสงส์

เขาร้องเพลงเพราะ เล่นเปียโนเก่งจริงอะไรจริง แถมพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องปาก ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่นได้นิดหน่อย และได้ข่าวว่าเคยลงเรียนคอร์สภาษาสเปนที่มหา”ลัยชื่อดังแถวท่าพระจันทร์ เพราะเขาชอบดูหนังสเปนโดยเฉพาะงานกำกับของเปโดร อัลโมโดวาร์ เขาอยากฟังออกแบบไม่ต้องอ่านซับไทย และได้ข่าวอีกว่าเขาเคยปลูกถ่ายความฝัน-ความรักกับหนุ่มจากแคว้นคาตาลันชื่อไมก้าที่เข้ามาทำงานกับบริษัทลูกในไทย ซึ่งเป็นองค์กรมีชื่อเสียงและเป็นบรรษัทข้ามชาติระดับโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเชียร์ทีมบาร์เซโลน่า! แฟนหนุ่มตั้งชื่อสเปนเก๋ไก๋ให้เขาใหม่ว่าคามิลล่าเพื่อให้สอดรับกัน, แต่หลังจากหนุ่มหน้าคมผมหยักศกคนนั้นบินกลับประเทศเพราะหมดสัญญากับบริษัท และผิดสัญญาใจกับเขา เขาจึงหันมาเชียร์รีล มาดริด แทน!! เขาเคยหลุดคำพูดหลังแก้วไอริชคอฟฟี่กับเพื่อนสาวว่า-ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดให้เชื่ออีกแล้ว…และคามิลล่าได้ตายจากไปพร้อมกัน

ระยะท้ายแห่งเม็ดทรายความสัมพันธ์ในห้วงเวลา ซึ่งค่อยๆ ร่วงหล่นจากโหลแก้วอย่างเชื่องช้าและอ้อยอิ่ง เขาไม่ค่อยแฮปปี้ที่ไมก้ามีพฤติกรรมและปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นตัวละครโง่ๆ ในเกมออนไลน์ มากรักไม่เลือกชาย-หญิง เข้าประตูหน้า-ออกประตูหลังเป็นพัลวัน มันทำให้เขาเหนื่อย เขาตัดสินใจสะกดคำว่าจบในใจอย่างง่ายๆ ด้วยลายมือสวยงามตัวบรรจงเต็มบรรทัด ราวกับเขียนบท บอ.กอ.หน้าแรกของนิตยสาร ราวกับเป็นงานเขียน-งานประจำชิ้นหนึ่ง ซึ่งใช้สำนวนภาษาอ่านง่ายไม่ต้องตีความอะไรทั้งสิ้น

เขาเคยผ่านผู้ชายมาบ้างตามสมควร ไม่ได้อ่อนหัดเรื่องความรักเสียทีเดียว ความรักทำให้เขาเติบโตขึ้นเช่นเดียวกับความเจ็บปวด ความร้าวรานครั้งนั้นทำให้เขานิ่งขึ้น สุขุมขึ้น วางท่าทีกับความรัก-ความผูกพันกับผู้คนมากขึ้น บางครั้งอาจถึงขั้นชาเฉย หากคุณถามเขา เขาจะปฏิเสธอย่างสุภาพว่า

เปล่า…ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย…ฉันคือความว่างเปล่าที่แสดงความเหนือกว่าโดยการอยู่เฉยๆ

ในเรื่องงาน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ใช่คนเก่ง แต่มีความตั้งใจใฝ่รู้ (บังคับหรือป้อนโปรแกรมให้ตัวเองเป็นคนใฝ่รู้) ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม องค์ความรู้ ศาสตร์หรือวิทยาการใหม่ๆ ในหลายแวดวง ชีวิต ความรัก แฟชั่น อาหาร สังคม ทั้งอินพุต-เอาต์พุต บลาๆๆ และสุดท้ายเขาออกตัวด้วยวรรคทองสุดเจ๋งว่า…คุณหรือใครๆ สามารถขโมยทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเอาไปได้คือสิ่งที่อยู่ในนี้ เขาพูดพร้อมแสดงท่าเอานิ้วชี้มือขวาจิ้มไปที่ศีรษะด้านข้าง (คือสมองฉลาดๆ นั่นเอง) โป้ง! ช็อตนี้ โดนมาก แถมยังถูกออกแบบเป็นท่าจำของเขายามถ่ายภาพนิ่งลงหนังสือและอื่นๆ

เขายังมีวิธีการพูด-การออกความเห็นในเรื่องต่างๆ ที่ดึงดูดผู้คนให้หันมาฟังยามเขาเอ่ยปาก เช่น…

“มีผู้คนมากมายในโลกใบนี้ และผู้คนมากมายในโลกใบนี้ล้วนยากจน บอกผมด้วยถ้าผู้บริหารของ Unieef เลิกนั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส เมื่อนั้นผมจะบริจาคเงิน!

“ผมมีความรู้สึกว่าผู้หญิงเดี๋ยวนี้หน้าตาคล้ายๆ กัน อีกหน่อยเราคงไม่ต้องเรียกชื่อก็ได้ ใช้รหัสหรือโค้ดแทน เช่น ผู้หญิงคนนี้ทำศัลยกรรมจากคลินิก A ก็เรียก A1, A2, A3, A4 กันไปอย่างนี้

“ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือผม คนที่สมบูรณ์แบบคือคนที่ตายไปแล้ว และในโลกนี้ไม่มีอะไรใหม่ มีแต่ความคิดที่ถูกผลิตซ้ำ เราต่างตกเป็นเหยื่อความคิดที่ถูกผลิตซ้ำ ของไม่ดีถ้าถูกตอกย้ำบ่อยๆ ว่าดี มันก็จะดี เพลงไม่ไพเราะถ้าถูกตอกย้ำบ่อยๆ ว่าไพเราะมันก็จะไพเราะ เป็นเช่นนั้นกันไปหมด

“เมื่อไหร่พรีเซ็นเตอร์ผู้หญิงที่โฆษณาสินค้าในทีวีจะเลิกใส่เสื้อคอกว้าง คอวีกันนะ เค้าขายของหรือขายอะไร? บริษัท องค์กร สถาบันทั้งหลายแหล่เลิกเอาเซ็กซ์แอพพีลเป็นจุดขายเสียทีเถอะ

“โฆษณาในฟรีทีวีที่เราดู ไม่ได้ดูฟรี ต่อเมื่อเราเป็นลูกค้าซื้อสินค้าตัวนั้น นั่นหมายความว่าเราเป็นคนจ่ายเงินให้บริษัทโฆษณา เอเยนซี่ โปรดักชั่นเฮาส์ ค่าครีเอทีฟ พรีเซ็นเตอร์ คอสตูม เอ็กซ์ตร้า เสื้อผ้า หน้า ผม ช่างแต่งหน้า ช่างไฟ แม่บ้าน ฯลฯ ไหนจะค่าซื้อเวลาอีก…

“ผมเป็นคนง่ายๆ ชอบเซน ชอบดื่มชา การชงชาทำให้ผมใจเย็นขึ้น มีสมาธิโดยไม่ต้องนั่งสมาธิ ผมเคยไปเทกคอร์สชงชาสั้นๆ ที่เกียวโต มันเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก

“ที่บ้านผมปลูกฝังให้รักการอ่าน ต้องขอบคุณคุณพ่อ-คุณแม่ ที่ทำให้ผมเป็นบรรณาธิการจนทุกวันนี้ มันเป็นงานที่ผมรักมากยิ่งกว่าสิ่งใด ในชีวิตผม ผมไม่เคยทำงานอย่างอื่นเลย ผมใฝ่ฝันที่จะทำงานนี้ตั้งแต่ประถม ณ วันนี้ฝันนั้นผมจับต้องได้แล้ว จะว่าไปคงเหมือนเพลงของ Lady GaGa-Born This Way มั้ง

“ผมชอบสวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ แต่บอกตัวตนและไลฟ์สไตล์ อาจจะแบรนด์เนมนิดนึง อินเทรนด์บ้างอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เอาต์ ผมไม่ชอบนาฬิกาข้อมือที่หนัก ใหญ่ มีเข็มและแพงเกินความจำเป็น ผมชอบนาฬิกาแบบตัวเลขดิจิตอลมากกว่า รองเท้าก็แล้วแต่…เบลอๆๆ

“ผมว่า…อันนี้ซีเรียสนะ ผมว่าจริงๆ แล้วเราเป็นประเทศที่ร่ำรวย ดูได้จากตัวเลขการเก็บภาษี การค้า-การส่งออก หรือการท่องเที่ยวและอื่นๆ แต่มันติดตรงที่ว่าเรามีการคอร์รัปชั่นกันมากเหลือเกินทั้งจากคนมีอำนาจและไม่มีอำนาจ หักเปอร์เซ็นต์นั่นโน่นนี่ มันกลายเป็นว่าทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายในชีวิตคือคอร์รัปชั่น กลายเป็นนิสัยถาวรของเรา เป็นวัฒนธรรมอันน่ารังเกียจ ว่ามั้ย? ประเทศเราถึงไม่พัฒนาไปไหน ถ้าสามารถละเลิกสิ่งเหล่านี้ได้ เราจะเป็นประเทศที่น่าอยู่มากๆ เรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะแจกจ่ายทุกคน และทุกคนก็จะอยู่อย่างมีความสุข”

“เฮ้อ…ผมเลิกคาดหวังกับคนพวกนี้แล้ว”

ว่ากันอีกว่า เมื่อเขาเกิดเบื่องาน-เบื่อคน-เบื่อลูกค้า อยากลาออกไปเป็นนักเขียนอิสระ เป็นฟรีแลนซ์หรืออาจารย์พิเศษ ซึ่งเป็นอาชีพในฝันของคนเจเนอเรชั่นนี้ นายทุนเจ้าของหนังสือถึงกับร้อนรนนอนไม่หลับไปสามวันแปดวัน เพราะข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาโดยกลัวว่าจะมีองค์กรอื่นตามจีบและคว้าตัวไปร่วมงาน ซึ่งนั่นจะทำให้คนอ่านตามไปเป็นลูกค้านิตยสารหัวใหม่ ด้วยว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ยึดติดกับแบรนด์แต่มีความภักดีกับบุคคลมากกว่า ต้นสังกัดต้องใช้ทุกวิถีทางในการรั้งตัวเขาให้ได้กับรูปประโยคประมาณว่า…รู้สึกเหนื่อยเหรอ เดี๋ยวพี่อนุญาตให้ไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศสักสองเดือนแต่เงินเดือนจ่ายเต็มเหมือนเดิม สิ้นเดือนเช็กดูได้ไม่ว่า A (ชื่อเขา) จะอยู่ที่ไหนในโลก ไปพักผ่อนให้สบายใจผ่อนคลาย ที่ไหนดีล่ะ? บาหลี มัลดีฟส์ ซานฟรานฯ นิวยอร์ก ลอนดอน อิสตันบูล ซูริก ลิสบอน เวียนนา …หรือรถมาสด้า 3 ผ่อนหมดยัง เดี๋ยวพี่ช่วยเป็นการส่วนตัวให้หมดเร็วๆ แล้ว…เอ้อ คอนโดฯ แบบมินิมอลลิสต์เหลืออีกกี่งวด บอกพี่มาไม่ต้องเกรงใจกัน ใครได้ยินได้ฟังเวิร์ดดิ้งแบบนี้เป็นได้อิจฉาตาร้อนและต้องก้มหน้ากล้ำกลืนฝืนทนกับชีวิตตัวเองต่อไป-ทำได้แค่นั้น

…ถ้าเขาเป็นนักเทนนิสก็คงได้แชมป์แบบแกรนด์สแลมเหมาหมดทุกรายการ!!!

แต่ใช่จะมีแต่คนชอบเท่านั้น คนเกลียดก็มีไม่น้อย บางคนกัดจิกว่าเฟก! เขาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตมาจากโรงงานอุตสาหกรรมอันดาษดื่น ISO ของเขาคือมาตราฐานจอมปลอม เขาคือนักสร้างภาพผู้ถูกสถาปนาจากเหล่าสาวกให้เก่งเกินจริง เขาเป็นนักประชาสัมพันธ์ของนักประชาสัมพันธ์อีกที และอีกมากมายในสงครามของโลกเสมือน A ทำได้เพียงยักไหล่-ไม่แคร์ ตามฟอร์แมตที่ฝึกมา เขาโต้ด้วยเสียงนุ่มๆ แบบปัญญาชนว่า “ผมคิดว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรา คุณจะต้องมีศัตรูหรือคนที่ไม่ถูกชะตาอย่างน้อย 2-3 คนเสมอ เพื่อให้สารอะดรีนาลินในร่างกายสูบฉีดปี๊ดป๊าดบ้าง คนเราเมื่ออยู่ในที่แจ้ง ต้องหนักแน่นกับคำวิจารณ์

“-จบมั้ย?-จบ!”

20 ปีผ่านไป…

ชีวิตเหมือนเครื่องเล่นบลูเรย์ 3D ที่มีปุ่มสคิปกดข้ามไปข้างหน้า วันเวลาในจักรวาลเหมือนดูดกลืนลงท่อน้ำทิ้งอย่างรวดเร็ว บางครั้งเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน A กลายเป็นคนว่างงาน โดนบริษัทจ้างออกพร้อมเงินซื้อหุ้นคืน เพราะผู้บริหารชุดใหม่ต้องการปรับลุคหนังสือ หวังกอบกู้ยอดแอดโฆษณาและยอดขายที่ตกต่ำ หมดยุคสมัยของเขาแล้ว เขารู้ตัว บางครั้งเขาเพิ่งตระหนักว่าการเป็นลูกจ้างและก้าวเข้าสู่ตำแหน่งสูงๆ ก็เหมือนดาบสองคม หากไม่มีที่อื่นจ้างต่อ ครั้นจะทำงานที่ต่ำกว่าตำแหน่งเดิมก็ไม่ได้ เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและหน้าตา จะล้มก็ล้มไม่ได้ คลื่นรุ่นหลังถาโถมมาเป็นระลอก ไฟในการเป็นนักเขียนอิสระมอดไหม้ เขาใช้จ่ายต้นทุนส่วนที่อยู่ในมันสมองฉลาดๆ ไปเกือบหมด วิธีเขียน+ความคิด+ความเห็นออกจะเก่าไปแล้ว เขาเริ่มเป็นโนบอดี้

ปี พ.ศ.2578 เขาเป็นชาย 50 อัพที่มีเงินพอสมควร-หากคิดบวก ชีวิตเขาไม่ได้เลวร้ายเกินไปถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ทีนี้อะไรต่อไปล่ะ? เขาคิด มี “เวลา” อยู่ในมืออย่างเหลือเฟือ จนไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง ใช่แล้ว! เขาจะออกตามหาความทรงจำเก่าๆ สถานที่ที่เคยไป คนที่เคยคบหา เพื่อว่าอาจเยียวยาสภาพจิตใจได้บ้าง แม้ปัจจุบันอะไรๆ จะเปลี่ยนไปจากอดีตอยู่มากโข เอาน่า ลองไปดู ใช้เงินที่มีอยู่ อนาคตค่อยด้นสดอีกที ไม่แน่อาจได้ต้นฉบับดีๆ สักเล่มสองเล่ม ส่วนจะได้พิมพ์เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กหรือไม่นั้นต้องอาศัยคอนเน็กชั่นเก่าๆ แล้วละ

ปี พ.ศ.2578 เป็นที่แน่นอนแล้วว่าประเทศนี้กำลังเดินทางไปสู่ความล่มสลาย และเนิ่นนานต่อไปอาจถึงขั้นจบสิ้นได้ เพราะบ้านเมืองระส่ำระสาย การเมืองไม่มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวยากหมากแพง ปัญหาสังคมและอาชญากรรมเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า มีแต่มนุษย์ต่างด้าวหรือมาเฟียข้ามชาติหลบหนีเข้าเมือง ผู้ปกครองพัฒนาบ้านเมืองแบบไม่มีวิสัยทัศน์ อยู่ในวังวนเดิมๆ ไม่เปิดเกมรุกสู้กับปัญหา ไม่ปราบปรามคอร์รัปชั่น ประชาชนคนธรรมดาต้องดูแลตัวเอง เพราะพึ่งพาใครไม่ได้ ไม่ต้องโทษใครอื่นหรอก ต้องโทษนิสัยเราเองนั่นแหละ จงภาวนาเถิดว่าคุณคงจะตายก่อนถึงวันนั้น

และถ้าคุณอยากอยู่อย่างมีความสุขจงหลีกเลี่ยงการดูข่าวการเมืองทางโทรทัศน์หรือเสพจากสื่ออื่นๆ

Aตกลงเดินทาง ไม่มีอะไรมาห้ามเขาได้ ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะถวิลหาความรักในความทรงจำเท่าครั้งนี้…20 ปีที่แล้ว ถึงจะมีคนห่วงใยว่ามันอันตราย สถานการณ์โดยรวมไม่เหมาะที่จะไปไหนมาไหนทั้งนั้น ในยามค่ำคืนผู้คนส่วนใหญ่หลบเร้นตัวเองอยู่แต่ในบ้าน เหมือนเต่าที่เพลย์เซฟ หดหัวอยู่ในกระดอง แต่ไม่มีอะไรหยุดยั้งความตั้งใจของเขา “หัวหิน” ต้องเป็นหัวหินเท่านั้น คำคำนี้สว่างวาบในความคิด ตอบโจทย์ทุกอย่าง ไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ สมัยก่อนเขามาที่นี่บ่อยๆ มาทั้งเรื่องงาน เช่น สัมภาษณ์เซเลบ รีวิวร้านอาหาร-ร้านกาแฟสุดคูลล ถ่ายห้องในคอนโดมิเนียมโครงการแพงๆ หรือบูติกโฮเต็ลสุดชิกลงหนังสือ เรื่องส่วนตัวก็มาแฮงก์เอาต์กับผองเพื่อน ถ่ายรูปลง IG, Facebook ประมาณนั้น

หัวหิน พอ.ศอ.นี้ต่างจากเมื่อก่อน เกลียวคลื่นสีดำเน่าเหม็นสาดซัดโขดหิน หาดทรายเม็ดหยาบเกลื่อนไปด้วยขยะ หมาจรจัดแคะคุ้ยสำราญ ขอทานต่างชาติและในชาติเกลื่อนเมือง รีสอร์ตหรู โฮมสเตย์หรากลายเป็นอดีต กำแพงปูนถูกพ่นด้วยสีสันสไตล์กราฟิตี้ด้วยถ้อยคำและภาพหยาบคาย มีกระดาษพื้นขาวตัวหนังสือดำปริ๊นต์ออกมาติดทุกหัวถนน “เรากำลังจะตาย! ประเทศนี้กำลังจะตาย!”

A รู้สึกช็อกกับภาพตรงหน้า ม่านตาขยายไปพร้อมๆ กับใจสลาย แต่ยังใจดีสู้เสือ ท่องไว้ ชีวิตมีไว้ใช้-เป้าหมายมีไว้พุ่งชน แล้วเขามาหยุดยืนที่เป้าหมายแรก คือร้านอาหารที่บรรจุเรื่องราวหอมหวานในอดีต บรรจุประวัติศาสตร์ส่วนตัว บรรจุความทรงจำงดงาม

เขาได้พบ B อดีตเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ฮิปๆ ที่เคยมาสัมภาษณ์และรีวิวร้าน ซึ่งตอนนี้ B ได้มีสภาพเป็นคนพิการน่าเวทนา เขาเป็นเบาหวาน ต้องตัดขาขวาตั้งแต่เข่าลงไป เขาถูกเมียทิ้ง และอยู่กับลูกสาวขี้บ่น ร้านอาหารเล็กๆ ฮิปๆ กลับเป็นร้านตามสั่งธรรมดา ลูกค้าคือคนรากหญ้า หมดแล้วความรุ่งเรืองเมื่อครานั้น

ย้อนวันกลับไป A ประทับใจประโยคที่ B พูดว่า “เราสามารถเข้าถึงสัจธรรมได้ด้วยรสชาติของอาหาร เป็นอีกหนึ่งหนทางในการนำไปสู่นิพพาน” วรรคทอง วรรคทองชัดๆ A ถึงขนาดโค้ดคำพูดนี้เป็นโปรยปก และนิตยสารเดือนนั้นขายดี พอๆ กับร้านนั้นต้อนรับลูกค้าแทบไม่ทัน—อิทธิพลของสื่อ

หลังจากวันนั้น พวกเขาติดต่อกันทางไลน์ จบเรื่องงาน สานต่อด้วยเรื่องส่วนตัว คราแรก, เมื่อสายตาทั้งคู่ประสานกัน ต่างคนต่างดูออก A เป็นเหมือน B และ B เป็นเหมือน A ไม่มีคำพูดมากมาย ให้การกระทำพิสูจน์ดีกว่า A ขับรถมาสด้า 3 ลงหัวหินทุกอาทิตย์ บางครั้ง B ขับฟอร์จูนเนอร์มาหา A ที่คอนโดฯ แถวรัชดาฯ

ความสัมพันธ์ราบรื่น ความรักเบ่งบาน ไดอะล็อกลื่นไหล…

“เธอรู้ไหม? ในบทเพลงแต่ละแบบ แต่ละอย่าง แต่ละประเภท จะมีอารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำ บรรยากาศ และสถานที่ส่วนตัวของเราอยู่ในนั้น เมื่อได้กลับมาฟังหรือได้ยินอีกครั้ง” A พูด

“พี่รับรู้ไว้เถิดว่ามีสายตาหนึ่งที่เฝ้ามองอยู่ นั่นคือความรักและความห่วงใยจากผม” B เอ่ย

“พี่มาทำไม?” B ถามน้ำเสียงกระด้างเมื่อพบหน้า A

“พี่เกษียณแล้ว แค่มาตามหาความทรงจำเก่าๆ ในส่วนที่หายไป พี่อยากบอกว่า ตั้งแต่เราจากกัน พี่ดำรงอยู่ในความเศร้าและขมขื่นเสมอมา หากพี่ทำอะไรผิด พี่ขอโทษ” A ตอบน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ในความคิดพูดว่า นี่หรือการตอบแทนของการดั้นด้นตามเส้นสายของกาลเวลา ภาพในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อนผุดขึ้นในหัว เขาคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้น สายตาคู่นั้น ริมฝีปาก…และรสสัมผัสนั้น จากหายไปที่ใดเล่า

“พี่หยุดพูดประโยคสวยๆ เชยๆ พวกนั้นเถอะ มันล้าสมัยแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่มีใครอยากอ่านหรือฟังอะไรยาวๆ เกิน 5 วินาทีหรอก” B พูดไร้เยื่อใย “มันไม่สายไปเหรอพี่ เพราะความมั่นใจในตัวเองของพี่ ที่ทำให้พี่ทิ้งผมไป เพราะความป๊อปปูลาร์ที่พี่ภูมิใจนักหนา ทำให้เรื่องของเรามันจบแบบนี้…พี่ดูสภาพผมสิ” พูดเสร็จ B ก้มหน้า ขยับมือถอยวีลแชร์ “กลับไปซะเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับมา ปล่อยผมให้อยู่กับโชคชะตาของตัวเอง”

พูดอะไรแบบนั้น พูดอะไรแบบนั้น A คิด แต่ก็อาจจะจริง เพราะสมัยรุ่งๆ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเห็นหัวใคร เขาทิ้ง B ไปคบกับหนุ่มสเปน และหนุ่มสเปนก็ทิ้ง A อีกที ประจวบเหมาะกับที่หนุ่มคนนั้นต้องเดินทางกลับประเทศ A ไม่ปวดร้าวเท่าไหร่ แต่ใจลึกๆ ยังคิดถึง B แต่ห้วงนั้น เขาได้ข่าวว่า B แต่งงานกับผู้หญิงตามคำสั่งของครอบครัว

“พี่อยากพบเธออีกสักครั้งก่อนที่จะจบชีวิตลง!” A กล่าวคำสุดท้ายก่อนหันหลังกลับ

A เริ่มได้บทสรุป เขาได้พบได้เห็นความจริงแจ้งด้วยตัวเอง และได้เรียนรู้ว่า ความรัก-ความทรงจำ-ความทุกข์ระทมเป็นสิ่งเดียวกัน ทั้งหลายทั้งปวงนี้เขาจะเรียกมันว่า “ตรรกะแห่งความผันผวนของห้วงอารมณ์ความรู้สึกและความเป็นจริงในเศษหนึ่งส่วนสิบของวิชาคณิตศาสตร์” เหมือนเขาถูกตัดขาดจากท่อน้ำเลี้ยงแห่งความรัก…หรือมันจะเป็นชะตากรรมของมนุษย์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ในความทรงจำ ฉันกับเธอเคียงคู่กัน…ในความเป็นจริง ฉันกับเธอจากพรากกัน

ดึกแล้ว, ด้วยซากเมืองอันแตกสลาย เศษหักพังแห่งอดีตกาลสวยงามถูกฝังกลบทิ้งร่องรอยน่าหวาดหวั่น A เดินย่ำตามถนนอย่างเดียวดาย มีเสียงหมาเห่าตามหลัง ท่ามกลางหมู่ดาวมีเขาเพียงลำพัง และนั่นกลีบดอกไม้เบ่งบาน แต่ใจเขากลับหดหู่ ภาพสุดท้ายที่มันเห็น คือแผ่นหลังของ A ที่จากไปช้าๆ ในความสลัวเลือนของแสงไฟริมทาง ซึ่งกำลังสั่นไหวด้วยความสะอื้นไห้…

ท่ามกลางราตรีอันเงียบงันของสังคมก้มหน้านี้