เรื่องสั้น | โดดเดี่ยวและงดงาม

ห้า “52 Hz” จำได้ มารีอาเคยบอก นั่นเป็นระดับความถี่ ผมขยับแขนกอดเธอแน่นเข้า อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศถูกปรับอยู่ที่ 23 องศา กำลังเหมาะถ้าบางคนที่ไม่เย็นเยือกด้วยบาดแผลของอดีตจนเกินไป

“เคยอยากตายบ้างมั้ย…” มารีอากระซิบจากใต้ผ้าห่ม ผมอ่อนเพลีย กำลังเคลิ้มหลับ เสียงของมารีอาราวลมกระซิบยอดหญ้า พลิ้วแผ่วจากริมทุ่งหญ้าไกลโพ้น

“ถ้ามารีอาทำให้แบบครึ่งชั่วโมงก่อน ผมคงอยากตายไปกับมัน แต่ตอนนี้ผมเหนื่อย…” ผมพยายามเผยอเปลือกตา พึมพำตอบ แสงรำไรจากไหน อาจเป็นเพราะประตูห้องน้ำถูกแง้มทิ้ง เหมือนประตูเรื่องราวของมารีอาในอดีตถูกแง้มเปิดสู่ผม ต้องการให้ผมรับรู้อย่างพร่าเลือน

หลับตาลงอีกครั้ง ขอนอนกอดมารีอาไปจนตาย เพียงอย่าปลุกผมด้วยคำถามพวกนั้นอีกเลย

“ผมเกลียดตุ๊กตา” ผมอยากตะโกนใส่ แต่ได้เพียงหลุดมันบางเบาตรงริมฝีปาก เธอหัวเราะ กระซิบว่าเด็กผู้ชายทุกคนไม่ชอบตุ๊กตา งานประจำปีวัดฉลองมีร้านปาลูกโป่งเอาตุ๊กตาเป็นรางวัล ในจำนวนมากร้าน ตุ๊กตาห้อยเรียงรายราวถูกแขวนคอตาย ตุ๊กตาพวกนั้นจ้องมองทุกครั้งที่ผมรีบขยับเท้าผ่าน มารีอาฉุดมือผมตรงเข้าร้านหัวมุม ถัดไปเป็นแผงเสื้อผ้าเรียงราย เธอชี้หาลูกดอกคละสีในตะกร้า “8 ดอก/20” ป้ายปิดไว้อย่างนั้น ควรเล่นแบบเด็กๆ บ้าง ไม่เอาตุ๊กตาก็ได้ กลับห้องฉันจะเป็นตุ๊กตาแทนมันเอง คุณแค่ปาลูกดอกพวกนั้นให้โดนลูกโป่งแตก มารีอากระซิบอีก เธอหัวเราะ ผมเหนื่อยเต็มที ทางเดินหน้าร้านปาลูกโป่งคลาคล่ำไปด้วยแรงงานต่างชาติ ผมไม่เคยแยกได้, ใบหน้าแบบไหนเมียนมา ใบหน้าแบบไหนโรฮิงญา

“ผมไม่ใช่เด็กผู้ชาย และผมเกลียดตุ๊กตา ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ…” ผมพยายามอธิบาย เสียงอึกทึกของงานวัดกินเสียงผมหายไปกี่เดซิเบลกันนะ มารีอาจึงเหมือนไม่ได้ยิน

“ลูกโป่งพวกนั้นสีไม่ซ้ำกัน ถ้าคุณจับลูกดอกเป็น หัวลูกดอกจะพุ่งเข้าหาลูกโป่ง พวกมันจะแตก กลายร่างเป็นตุ๊กตา” มารีอาอธิบาย ไหล่ผมสัมผัสกับไหล่แรงงานต่างชาติคนหนึ่ง ผมตกใจ นึกว่ากระแทกชายแปลกหน้าเตี้ยล่ำคนนั้นอย่างจัง ผมละล่ำละลักขอโทษ เขามองหน้า ท่าทางมึนงง ที่จริงก็แค่เฉี่ยว เขาอาจไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

ตุ๊กตาที่แขวนเรียงรายจ้องมาที่ผม “เราต้องกลับเดี๋ยวนี้…” ผมบอกมารีอา น้ำเสียงหรือท่าทางผมกันแน่ที่ทำให้มารีอาตกใจ เธอหันหลังจ้ำออกนอกประตูงาน ถึงลานรับฝากรถก่อนผมราวสิบก้าว

สี่พี่ดารินเกิดก่อนผมสามปี ตอนผมสิบสี่ พี่ดารินจึงสิบเจ็ด บ้านไม้สองชั้นที่ชั้นบนถูกกั้นเป็นสองห้องด้วยตู้เสื้อผ้าเอาไว้อย่างหละหลวม เราอยู่กันบนนั้น ตู้พวกนั้นไม่เคยปิดกั้นแผ่นหลังและก้นขาวเนียนของพี่ดาริน หยาดน้ำซึมออกจากเส้นผม ลงเป็นเส้นตรงสู่กระดูกสันหลัง ผิวเรียบตึง รูขุมขนเปิดกว้าง ผมแทบได้กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ พี่ดารินงดงามเหมือนบทกวี มันถูกเปิดซ้ำทุกครั้งที่ผมแอบหลังตู้ บางครั้งผมคิดว่าพี่ดารินหันมาทางผมแล้วยิ้ม อาจคิดไปเอง ผมราดเลอะเปรอะเปื้อนในกำมือทุกครั้งที่พี่ดารินเอียงตัวลูบไล้แป้งหอมตามหนั่นเนื้อ

อย่างที่บอก…ผมอาจคิดไปเอง แต่พี่ดารินชอบกระซิบใส่ว่า เมื่อวานซุกซนอีกแล้วนะเรา เจ้าตุ๊กตาของพี่ เดือนปีเคลื่อนผ่าน ผมโตขึ้นอย่างอึดอัดคุคลั่งด้วยแผ่นหลังและก้นขาวเนียน และเสียงกระซิบของพี่ดาริน

เจ้าตุ๊กตาของพี่

“เคยอยากตายบ้างมั้ย” มารีอามักถามซ้ำเดิม มีคนฆ่าตัวตายทุก 40 วินาที แล้วมีกี่คนต่อนาทีที่คิดอยากตายแต่ยังไม่ตายแบบมารีอา ผมถามมารีอาว่าไม่กลัวความตายหรือ โลกแห่งนั้นมืดมิดและเดียวดายนะ มารีอาย้อนว่ารู้ได้อย่างไร ความตายอาจเป็นแค่รูหนอนเอกภพที่พาใครบางคนสู่ดินแดนใหม่ อาจดีกว่าโลกนี้ หรือไม่ก็ช่างมัน ถ้าเธอเลือกแล้วว่าจะตาย

ความว้าเหว่เดียวดายอาจเป็นสิ่งเดียวทำให้วิญญาณของมารีอาคงอยู่ชั่วอนันตกาลในอีกฝั่งรูหนอน เหมือนวาฬบาลีนตัวที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ในมหาสมุทรกว้างใหญ่และเย็นเยือก มันไม่มีเพื่อน ไม่มีคู่ ไม่มีใครเลย มารีอาเชื่อว่าบางครั้งความรักทำให้คนตาย วาฬตัวนั้นอาจตายถ้ามันมีคู่รักและใช้พลังงานของมันหมดไปกับความรัก การตามหาและการดูแล แต่มันอยู่อย่างเดียวดายถึงกว่า 20 ปี หลังถูกค้นพบคลื่นเสียงครั้งแรกโดยทหารเรืออเมริกันระหว่างสงคราม มันมีชีวิตระหว่างสงครามเย็นและตายหลังสงครามหลายปี สำหรับมารีอา–วาฬเดียวดายตัวนั้นคือวีรบุรุษ

“แต่วาฬติดต่อกันด้วยคลื่นเสียง…” ผมแย้ง

“12-25 Hz” มารีอาพยักหน้ารับ ก่อนบอกข้อมูลที่ผมไม่เคยรู้ 52 Hz สูงเกินไปสำหรับการรับรู้ของวาฬตัวอื่น

“มันจึงโดดเดี่ยวเดียวดาย” ผมเริ่มเข้าใจ

มารีอาพยักหน้า

สาม

“ทุกอย่างจบลงในน้ำ โดดเดี่ยวและงดงาม”

กระดาษแผ่นเล็กบนโต๊ะถูกเขียนด้วยลายมือเรียบ ผมได้กลิ่นความหนาวเหน็บ ทุกคำในข้อความสั้นๆ นั้นปนเจือความปริร้าวในใจผมเอง แม้แต่ช่องไฟของทุกอักษรยังมีความโศกเศร้า มารีอาทำสิ่งที่เธอเลือก กล้าหาญและงดงาม ผมควรยินดีและปล่อยเธอดื่มด่ำกับมัน ยิ้มให้กับการจากลา แต่ความเศร้าก็ไม่อาจลบเลือนไปจากห้องสีเทา แสงไฟหม่นผ่านประตูห้องน้ำบอกกับผมว่ามารีอาอยู่ในนั้น ผมหลับตาทรุดนั่งบนเก้าอี้ เห็นภาพอ่างน้ำเจิ่งนอง กลิ่นมารีอาละลายปนกับน้ำผสมคลอรีน แปรงสีฟันเปียกชื้น สบู่เมือกน้ำ เส้นผมกระจุกหนึ่งตรงตะแกรงรูระบายน้ำ มารีอาคงสระผมก่อนเชือดข้อมือจมตัวเองในน้ำ เพื่อให้ความตายมีกลิ่นหอม

ผมควรโทร.หาใครสักคน อาจเป็นตำรวจ หรือไม่ก็รีบออกจากห้องนี้ไปให้ไกลถึงดาวอื่น ผมคว้าสมาร์ตโฟน เตรียมกดปุ่ม แต่แล้วกลับโยนมันทิ้งบนเตียงนุ่ม สมาร์ตโฟนเด้งขึ้นเล็กน้อยและหยุดนิ่ง ผมลุกเดินตรงไปหามารีอา เธออาจรอให้ผมเห็นภาพความตายที่สวยงาม และให้ผมได้สูดกลิ่นหอมของความตาย ไม่ควรทำให้มารีอาผิดหวัง ผมเปิดประตูห้องน้ำอย่างเศร้าสร้อย

ข้างในไม่มีศพมารีอา!

สอง

“ไอ้สกปรก…” พี่ดารินตะโกนด่า ผมก้มหน้ายอมรับ จะเป็นแรงฝ่ามือหรือมีดคมวับเถือคอหอยก็เตรียมใจรอ กางเกงในสีดำในมือของพี่ดารินยังคงชุ่มเหนียว ตะกร้าผ้าใช้แล้วยิ้มกว้างเยาะเย้ยผมอยู่ใกล้มือพี่ดาริน ผมจะแก้ตัวได้สักกี่คำ

“ผมขอโทษ พี่อย่าบอกแม่…” ผมพูดได้แค่นั้น น้ำตาไหลเป็นทาง พี่ดารินหัวเราะ ไอ้สกปรก พี่ดารินพูดอีก แต่คราวนี้ตรงเข้ากระชากผมลงนั่ง ผลักจนหลังผมแนบที่นอน ผมมึนงง พี่ดารินถอดกางเกงผมออกพร้อมกันทีเดียวทั้งสองตัว แล้วพี่ดารินก็พูดขึ้นว่า

“แกอยู่เฉยๆ แบบตุ๊กตาสิ เราจะเล่นกัน”

ผมเล่าเรื่องนี้ให้มารีอาฟังหลังบึ่งรถกลับจากงานวัดฉลองในคืนนั้น แต่นั่นเพียงส่วนหนึ่ง ผมเกลียดตุ๊กตา มีบางอย่างที่ผมไม่เคยบอกมารีอา สุดละอายใจ ผมไม่มีพี่ดาริน ผมไม่มีพี่สาวเลยด้วยซ้ำ ผมมีแต่พี่ชายท่าทางตุ้งติ้งอายุห่างกันสามปี ถ้าผมไม่แปรภาพพี่ชายเป็นพี่ดาริน ผมคงสะอิดสะเอียนและก่นด่าตัวเองไปจนตาย

มึงมันเป็นตุ๊กตาของพี่ชายตัวเอง!

มารีอาไม่ได้ตายในห้องน้ำ เธอหายไป สมองผมวนเวียนเฝ้าคิด มารีอาเลือกอ่าวไหนเพื่อที่จะตาย ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เธออาจเคยบอกเล่าเกี่ยวกับทะเล สถานที่ที่เธอเคยไปหรืออยากไป ผมอาจตามหามารีอาจนเจอในสภาพใดก็ตาม เกาะภูเก็ตวุ่นวายไปด้วยผู้คน นักท่องเที่ยวและแรงงานพลัดถิ่น หญิงสาวในชุดบาบ๋า ย่าหยาคนไหนคือมารีอา ไม่หรอก มารีอาไม่ใช่คนที่นี่ หนุ่มอเมริกันขี้โรคอย่างเธอไม่เหมาะกับชุดพื้นเมือง ชุดพื้นเมืองมีไว้สำหรับคนพื้นเมืองเท่านั้น

ผมบอกอะไรไป ใช่…มารีอาเป็นชายหนุ่ม อาจชื่อแซมหรืออะไรสักอย่างที่ผมไม่เคยจำ เราเจอกันในบาร์ The Blue Guy ซอยนาใน มารีอาเต้นอยู่ที่นั่น ผมใช้เงินหลายเหรียญซื้อมารีอาในครั้งแรกๆ จากนั้นเงินไม่สำคัญสำหรับเราอีกต่อไป ความเจ็บปวดและน่าอับอายของผมกับมารีอาดึงดูดเราเข้าด้วยกัน มารีอาถูกพ่อของเธอ (หรือของเขา) ยัดเยียดความโสมมและเจ็บร้าวทางประตูหลังตั้งแต่สิบเอ็ดขวบ ผมถูกพี่ชายกระทำเช่นเดียวกันตั้งแต่อายุสิบสี่ มารีอาเคยพูดว่า เราต่างเป็นชิ้นส่วนโสมมของจักรวาล เราควรถูกกลืนหายไปในหลุมดำ คนประเภทสุดท้ายที่จะถูกจดจำคือคนที่สามารถมีความสุขได้ ด้วยสิ่งเดียวกับที่สร้างความเจ็บปวดและเกลียดชังให้กับตัวเอง เราคือคนประเภทนั้น และในที่สุด…เพื่อไปให้พ้นจากเรื่องพวกนี้ เราจะต้องสร้างความตายที่โดดเดี่ยวและงดงามด้วยตัวเอง

ผมคิดว่ามารีอาพูดถูก ผมจึงสร้างตุ๊กตามารีอาขึ้นมาแทนคู่นอนต่างชาติที่มีสรีระทางเพศแบบเดียวกัน ไม่ต่างจากที่สร้างพี่ชาย เพื่อจดจำไว้ในภาพของพี่ดารินผู้มีแผ่นหลังและก้นขาวเนียน

หนึ่ง

ผมไม่เคยมีเพื่อน ผมไม่เคยถูกจดจำ ซอยบางลา, หาดป่าตอง เหมาะที่ใครสักคนจะหายไปโดยไม่ถูกจดจำ มันคือหลุมดำ ผมเลือกที่จะถูกดูดกลืนลงหลุมดำที่ชื่อบางลา ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่ปัจจุบันอันว่างเปล่า กระทั่งพบมารีอา ไม่อยากเรียกว่าความรัก ผมแค่เปลี่ยนความคิด อยากถูกจดจำขึ้นมาบ้างเท่านั้น

มารีอาคงตายอย่างโดดเดี่ยวและงดงามอยู่ที่อ่าวไหนสักแห่ง ในความงดงามนั้นมีผมอยู่บ้างไหม มารีอาจดจำผมในแบบใด ถ้าเพียงเธอกลับมา ผมยินดีปาลูกดอกในงานวัดฉลองแลกตุ๊กตาทุกตัวให้เธอ หรือถ้ามันเปลืองเปล่าผมก็พร้อมเป็นตุ๊กตาเสียเอง ใช่ ผมเกลียดตุ๊กตา แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่เคยหนีตัวเองไปได้ ผมเป็นตุ๊กตาที่ไม่เคยถูกจดจำมาตลอดอยู่แล้ว

มารีอาอาจกลายเป็นวาฬไปแล้ว คลื่นความถี่เสียงของเธออยู่ในระดับใด หากการดำรงอยู่เลือกให้เธอมีคลื่นความถี่เสียงที่ 52 Hz เธอคงโดดเดี่ยวเดียวดาย อย่างไรก็ตาม มารีอาบอกว่าความเดียวดายไม่ได้ฆ่าวาฬมาลินตัวนั้น ความรักต่างหากที่อาจฆ่ามัน ขอให้มารีอาเป็นเช่นเดียวกัน

ผมพร้อมหยุดส่งคลื่นที่ความถี่ที่ 12-25 Hz ขอเพียงให้มารีอาคงอยู่ แม้กลางมหาสมุทรเยือกเย็นไกลโพ้นก็ตาม

ศูนย์

“ทุกอย่างจบลงในน้ำ โดดเดี่ยวและงดงาม” ทิ้งกระดาษไว้บนโต๊ะ ปิดไฟในห้องทุกดวงเพื่อกวาดต้อนเอาแสงสว่างทั้งหมดเข้าสู่ห้องน้ำ น้ำอุ่นที่เปิดไว้ใกล้เต็มอ่าง เสียงน้ำที่ไหลจากฝักบัวลงสู่อ่างนั้นบางเบาราวเกย์ชราแล่นเรือใบโลมเลียยอดคลื่นเดียวดาย น้ำในอ่างฉุนกลิ่นคลอรีน ผมเทน้ำหอม Jean Paul – Le Male ลงจนหมดขวด ความตายของผมจะมีกลิ่นหอม

น้ำในอ่างเป็นสีชมพู ผมมีเวลาราวสิบนาทีที่จะนิ่งคิดถึงอะไรสักอย่างก่อนจะถูกรูหนอนดูดไปโผล่กลางมหาสมุทร ผมกำหนดมันไม่ได้หรอก บนโลกมีรูหนอนเอกภพมากมาย ผมอาจไปโผล่กลางทะเลทรายแห้งแล้ง ในโถงถ้ำดึกดำบรรพ์ หรือโผล่พบแต่โลกมืดมนอนธการ แต่ผมเลือกแล้ว คงเจ็บปวดบ้างก่อนเข้าสู่ความโดดเดี่ยวที่งดงาม

น้ำอุ่นจัง ไม่ต่างจากตอนมารีอากอด ผมยิ้มให้ตัวเอง–โชคดีที่จำรสกอดของพี่ดารินไม่ได้ ผมหลับตาลง มารีอาคงเริงร่ายระบำอย่างสวยงามอยู่กลางมหาสมุทร พยายามไม่คิด คงไม่ยาก แค่ปล่อยเธอไป หยุดกอดรัด หยุดส่งคลื่นความถี่เสียง จากนั้นมองหารูหนอน ถ้าโชคดีผมกับรูหนอนที่เลือกกันและกันจะไปผุดโผล่กลางมหาสมุทร เช่นเดียวกับมารีอา

หวังว่าพรุ่งนี้บ่ายหรือสามสี่วันหลังจากนี้ ผู้ที่มาพบจดหมายบนโต๊ะนั่นจะไม่เห็นร่างผมที่นี่ หรืออย่างน้อย…ขออย่าให้ผมกลายเป็นตุ๊กตาเปื่อยยุ่ยจมอยู่ก้นอ่างก็พอ