ประกวดเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ : I.X.I.O.N Loop

โดย : เวิ้งหมาบ้า

I.X.I.O.N #21987938729

แสงสว่างคว้านแทงเข้ามาในดวงตาของเขาประดุจแหลนหลาวยาวและคม เขาหรี่ตาลง ส่งเสียงครางออกมาเบาๆ อย่างไม่รู้ตัวในลักษณาการของคนละเมอ เก็บกอบเสี้ยวเศษของสติสัมปชัญญะที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกันทีละน้อย เพ่งมองรอบตัวและพบว่าตนเองอยู่บนที่นอนสีขาวหม่น อยู่บนพื้นห้องเล็กแคบ ผนังทั้งสี่ด้านตีด้วยไม้ระแนงเก่าแก่แบบบ้านเช่าราคาถูก

เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่เขากลับไม่รู้สึกประหลาดใจเท่าที่ควรจะเป็น ที่มุมห้องมีกีตาร์โปร่งวางพิงตู้เสื้อผ้า ติดฝาผนังสามด้านเป็นกำแพงหนังสือที่วางเรียงซ้อนสูงเป็นชั้นๆ เต็มไปหมด

เขาลุกขึ้นยืนและสังเกตเห็นคราบเลือดที่ลูกบิดประตู มองไปรอบห้องอย่างละเอียดถี่ถ้วน เห็นหนังสือหลายเล่มตกอยู่หน้าประตูห้อง ที่หน้าปกเปื้อนคราบเลือดสีดำคล้ำ เขาลังเลเพราะแปลกใจนิดหน่อยว่าเหตุใดเขาจึงรู้สึกได้ในทันทีว่านั่นคือคราบเลือด แต่ความลังเลนั้นก็หมดไปเมื่อเขาเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูและสัมผัสความหนืดข้นสีแดง

เขาเอามือเช็ดขากางเกง และเพิ่งสังเกตว่าตนเองอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาม้า คาดเข็มขัดเส้นใหญ่สีน้ำตาลเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวหุ้มข้อเก่าๆ เขาเดินไปตามทางเดินหน้าห้องและลงบันไดไม้เก่าแคบอย่างระมัดระวัง ก่อจะพบตนเองอยู่ชั้นล่างของเรือนริมคลอง บรรยากาศรอบด้านเงียบสงัด แสงอาทิตย์จัดจ้าอยู่เหนือศีรษะบอกเวลาว่าไม่เช้าแล้ว

ราวกับมีบางสิ่งชักนำ เขาก้าวเดินไปตามทางอย่างมั่นคง ทั้งที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด เสียงในศีรษะของเขาช่างแจ่มชัด มันพูดว่ามึงต้องกระชากหน้ากากของมันออกมา ใช่ มันพูดซ้ำๆ กันมาอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้ มึงต้องกระชากหน้ากากของมันออกมา

ดุ่มเดินผ่านอาคารบ้านเรือน ผ่านวัด ผ่านสถานที่ราชการ และอื่นๆ อีกมากมาย รอบกายว่างไร้ผู้คน มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งจากสถานที่ห่างไกล เขาเห็นควันไฟสีดำลอยมาจากทิศทางที่เขากำลังมุ่งหน้าไป แล้วทันใดนั้น ที่ตึกแถวฝั่งซ้ายก็ปรากฏหญิงสาวนางหนึ่ง เธอกวักมือเรียกเขาด้วยท่าทีระมัดระวัง ก่อนจะจับมือเขาจูงเข้าไปในตัวตึกอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองแอบอยู่ที่ริมหน้าต่างชั้นสองอย่างมิดชิด ขณะเขาเห็นชายร่างใหญ่ถือปืนคนหนึ่งก้าวเดินมายังหน้าตึกตรงที่เขาถูกหญิงสาวเรียก ชายคนนั้นมีใบหน้าดุทรงสี่เหลี่ยม คิ้วเข้ม สวมเสื้อยืดรัดรูปเห็นกล้ามเป็นมัดๆ หญิงสาวดึงมือเขาผละจากหน้าต่างและเดินต่อไปตามทางเดินแคบๆ ด้านหลังตึกที่ระไปด้วยไม้พุ่มไม้ดอก

“ไปตามทางนี้เรื่อยๆ แล้วคุณจะพบคนส่งสาร” หญิงสาวกล่าวเมื่อส่งเขาเข้าสู่ตรอกเล็กๆ ในแหล่งเสื่อมโทรม

เขาออกเดินตามทางเดินที่สร้างจากไม้เก่าผุวางเรียงตัวเป็นทอดๆ ลัดเลาะไปตามเส้นทางอย่างปราศจากความคิด เลี้ยวซ้ายขวาด้วยสัญชาตญาณบางอย่างที่หยั่งรู้ว่าความผิดพลาดจะไม่บังเกิด

คนส่งสารปรากฏกายเมื่อเขาเคลื่อนผ่านย่านสลัมออกสู่ถนนใหญ่ ชายหนุ่มหน้าตาดีมีรอยสักรูปนกพิราบที่หลังมือขวาส่งซองจดหมายให้เขาแล้วเดินสวนลับหายไปในตรอกอย่างรวดเร็ว เขาพับซองเป็นสองทบแล้วยัดลงประเป๋ากางเกงด้านหลัง กำหนดทิศทางเดินไปยังจัตุรัสกว้างใหญ่

แล้วเขาก็มาถึงเขตแดนที่ห้ามผ่าน มันไม่มีกำแพง รั้วลวดหนาม หรือแม้กระทั่งเส้นแบ่งเขตอะไรเลย แต่เขารู้ว่ามันคือเขตแดนที่ห้ามผ่าน มันมีบรรยากาศพิเศษเฉพาะตัวที่ทั้งลึกลับสยองขวัญและน่าเทิดทูนบูชา ตรงด้านหน้าเหนือศีรษะของเขาราว 3 เมตร มีตัวอักษรเรืองแสงแขวนลอยอยู่บนอากาศในลักษณะของภาพโฮโลแกรม มันระบุคำสั่งให้เขาแก้โจทย์โดยเติมตัวเลขที่ถูกต้องลงในช่องว่าง ด้วยการกดแป้นพิมพ์ตัวเลขเรืองแสงที่อยู่ในระดับหน้าอกของเขา ตัวเลขคำถามชุดนั้นคือ :

04616761520141061025_9

เขาฉีกซองจดหมายและคลี่แผ่นกระดาษที่อยู่ในซองออกอ่าน

“เพลิงลามเขตรยาตรา ทัพท่าว / ก้าวหนึ่งกวีหย้าง หยัดรี้พลผยอง”

เสียงปืนและเสียงผู้คนหวีดร้องเริ่มดังใกล้เข้ามาทุกทิศทาง เลขวินาทีเริ่มนับถอยหลัง เขาหลับตาเอ่ยทบทวนคำว่า “ก้าวหนึ่ง” อยู่สองสามครั้ง แล้วจึงตัดสินใจกดเลข “1” ลงบนแป้นพิมพ์เรืองแสง

การคาดเดาสำเร็จ มีเสียงครืนดังอยู่รอบกายสองสามครั้ง ก่อนที่จะปรากฏแถบกำแพงแสงวาบขึ้นตรงหน้าเขา แล้วค่อยๆ ลดต่ำเลื่อนหายไปในพื้นดิน เขาควงกำปั้นด้วยความสะใจในผลลัพธ์ เสียงฝูงชนดังใกล้เข้ามาทุกที ไม่มีเวลาแล้ว เขาออกวิ่งข้ามไปในเขตต้องห้าม

แต่ชายร่างใหญ่หน้าดุกลับมาแล้ว ชายคนนั้นถือปืนและกระโดดอย่างรวดเร็วออกมาจากชั้นสี่ของตึกด้านข้าง เขาเร่งฝีเท้า วิ่งเลี้ยวหลบไปด้านหลังอนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่กลางจัตุรัส เหลียวหลังระวังศัตรู ก่อนจะหันกลับมาเผชิญความมืดที่ตระหง่านง้ำอยู่เหนือหัวด้วยความตกใจสุดขีด

หน้ากากนั้นดำมืด อสุรกายก็เช่นกัน ณ พริบตานั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจบลง

I.X.I.O.N #21987938730

แสงสว่างเสียบทะลุตาข่ายใบไม้หนาทึบเบื้องบนและทิ่มแทงเข้าไปในดวงตา เขาค่อยๆ มองไปรอบกายและพบว่าตนกำลังอยู่ในดงไม้ ในความสงัดของพงไพรไม่มีแม้กระทั่งเสียงแมลง นั่นช่างเป็นบรรยากาศที่แปลกประหลาดในชั่วโมงที่แสงอาทิตย์ยามกลางวันส่องแสงเจิดจ้า หลับตาลงครุ่นคิด เขารู้แล้วว่าจะต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้กับเจ้าอสุรกายร้าย

เขาลุกขึ้นยืนสำรวจร่างกายของตนเองที่อยู่ในชุดกีฬาสีขาว-น้ำเงิน ที่ศีรษะสวมหมวกแก๊ป แต่เขาไม่ได้ถอดออกมาดูว่ามันมีสีหรือลายอะไร เริ่มต้นออกเดินช้าๆ ไปตามทางเล็กที่มีคนถางไว้ และเร่งฝีเท้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์หลายคันดังกระหึ่มอยู่ทางโน้นทางนี้

เขาพบชายหนุ่มคนส่งสารอยู่ที่หน้ากระท่อมในเวลาไม่นานนัก ชายหนุ่มหน้าตาดีขณะนี้อยู่ในชุดสากลเต็มยศ ใส่สูทผูกไท้สวมแว่นตาดำ ในมือถือปืนอาก้าด้วยท่วงท่าเคร่งขรึม ทั้งสองคนผงกศีรษะให้กันและกัน ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในกระท่อมและนั่งลงหน้าเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่งที่ดูคล้ายคอมพิวเตอร์ขนาดย่อม

โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขากดรับ เสียงหญิงสาวที่ปลายสายพูด “คุณต้องกระชากหน้ากากของมันออกมา” เขาตอบรับ “ผมรู้ ผมจะทำ” เสียงของหญิงสาวคุ้นหู เป็นเสียงเดียวกับของหญิงสาวที่ช่วยเขาหลบเข้าตรอกซอยในความฝันที่แล้ว นั่นใช่ความฝันหรือเปล่า? เขานึกสงสัย หรือว่านั่นเป็นสิ่งอื่น?

หลังจากนั้นหญิงสาวพูดภาษาบางอย่างเป็นรหัส ให้เขาถอดออกมาเป็นตัวอักษร เขาเคาะแป้นพิมพ์ข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง Y—-A–M—–K–C-A—-L—

มีเสียงระเบิดดังจากไกลๆ จากจุดที่นั่งอยู่ เขามองออกไปนอกกระท่อมและเห็นชายหน้าดุที่เคยถือปืนตอนนี้เปลี่ยนมาขี่มอเตอร์ไซค์ ขับฉวัดเฉวียนอยู่บริเวณเส้นทางหน้ากระท่อม ขณะชายหนุ่มคนส่งสารรัวปืนอาก้าในมือเข้าใส่เสียงดังสนั่นดงไม้

เสียงระเบิดดังขึ้นตูมใหญ่ ชายหน้าดุบนมอเตอร์ไซค์กระเด็นตัวปลิวหายไปในอากาศธาตุ นั่นทำให้เขารู้ว่ารหัสที่เขาป้อนใช้ได้ผลแล้ว ริมฝีปากเหยียดรอยยิ้มออกอย่างสมใจ เสียงรัวปืนอาก้าของคนส่งสารยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เขาตั้งสติฟังข้อความของหญิงสาวอย่างเยือกเย็น

หลังกดตัวอักษรอีกหลายร้อยตัวลงบนแป้นพิมพ์ เขาจึงพบตัวเองรายล้อมอยู่ด้วยชายหน้าดุจำนวนมากที่กรูกันเข้ามาในกระท่อม คนเหล่านี้หน้าตาเหมือนถอดสำเนากันออกมาไม่ผิดเพี้ยน เขารู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนส่งสารที่หน้ากระท่อมคงประสบชะตากรรมที่ไม่ดีนัก เสียงของหญิงสาวทางโทรศัพท์เงียบไปแล้ว มีแต่สัญญาณรบกวนแหลมสูงดังเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง เขาตัดสินใจป้อนรหัสต่อโดยการคาดเดาตามตรรกะ ไม่ใส่ใจกับชายฉกรรจ์ที่คุกคามอยู่รอบข้าง

และทันใดนั้นเอง แสงสว่างแปลบปลาบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เขารู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างจับโยนจากที่นั่งอย่างรุนแรง ในฝุ่นคลุ้งตลบฟ้า เขาอยู่ในดงไม้ในสภาพเสื้อผ้าขาดยับเยิน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาใจหายวาบ พยายามคิดว่าเคยเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อนที่ไหน ขณะนั้นเองที่อสุรกายปรากฏตัวออกมา

เขาหันกลับไปมองเด็กหญิง แต่เธอหายไปแล้ว เสียงหายใจฟืดฟาดของอสุรกายเบื้องหลังหน้ากากสีดำมืดทำเอาเขาตัวสั่นสะท้าน ทั้งโกรธเกลียดและหวั่นเกรงในขณะเดียวกัน แวบหนึ่งของความคิดในห้วงวิกฤต จู่ๆ เขาก็ระลึกได้ว่าเขาเคยพบชายหนุ่มคนส่งสารมาแล้ว นานแสนนานก่อนที่เขาจะส่งซองบทกวีให้เสียอีก แต่พบกันอย่างไร เขาจำไม่ได้

กรงเล็บของอสุรกายค่อยๆ ยื่นมาทะลวงหน้าอกเขาอย่างแช่มช้า ไม่รีบร้อน เขารู้สึกถึงร่างกายที่พังทลาย รู้สึกถึงความตายที่ชำแรกเข้าสู่ตัวตนของเขาอย่างรักใคร่ ราวกับอ้อมกอดของพระผู้เป็นเจ้าที่เปี่ยมด้วยรักและเมตตา

เขามองหน้ากากดำมืดที่ไกลเกินเอื้อม พยายามจะยกมือขึ้นไขว่คว้าอะไรบางอย่าง แต่ไม่สำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างจบลง ณ วินาทีนั้น

I.X.I.O.N #21987938731

แสงสว่างเจิดจ้าซัดสาดลงบนดวงตาของเขาอย่างรุนแรงจนความหลับแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ณ ดาดฟ้าขนาดใหญ่บนตึกสูง ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มคลุมปกอยู่เบื้องบนทุกทิศทุกทาง เขาหรี่ตา มองรอบกายและพบปืนอาก้าวางอยู่ข้างๆ แล้วสำรวจร่างกายของตนที่อยู่ในชุดรัดกุมแบบพวกกองกำลังติดอาวุธที่เคยเห็นในรูปถ่ายหรือในหนัง

รอบๆ กายมีแต่ความเงียบสนิท แต่เขารู้ว่าความเงียบเช่นนี้จะไม่ดำรงอยู่นาน เขาหลับตาลงครุ่นคิด ทบทวนแพ็ตเทิร์นการปรากฏตัวของชายหน้าดุจำนวนมาก การเคลื่อนไหวของชายเหล่านั้นมีอะไรบางอย่างที่สะดุดใจ แต่ยังคงไม่สามารถทำความเข้าใจได้เต็มที่

เขาลุกขึ้นช้าๆ สำรวจรอบกายอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูทางลงและก้าวสู่บันไดเล็กแคบ เสียงหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นในหูทำให้เขารู้สึกตัวว่ากำลังสวมหูฟัง หญิงสาวเน้นประโยคเดิม

“คุณต้องกระชากหน้ากากของมันออกมา”

นั่นเป็นประโยคเดิมที่ดังก้องซ้ำไปมาในหัวของเขามานับหมื่นแสนปีได้แล้วกระมัง เขาเดินลดเลี้ยวตามทางเดินเล็กๆ ในชั้นแรกที่ลงไปถึง เสียงหญิงสาวบอกเส้นทางอย่างละเอียดราวกับว่าเธอสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ทุกอิริยาบถ

“คุณไม่ได้หยิบปืนลงมาหรือ?” หญิงสาวถาม

“เปล่า ผมจะหยิบมาทำไม หยิบมาก็ใช้ไม่เป็น” เขาตอบ

“คุณนี่โง่จริงๆ รีบเลี้ยวซ้ายที่แยกหน้า มีคนรอคุณอยู่” เธอตำหนิและออกคำสั่งเขาอย่างเร่งร้อน

ชายหนุ่มคนส่งสารคราวนี้อยู่ในชุดพนักงานออฟฟิศ สวมเชิ้ตขาวผูกไท้กับกางเกงสแล็กส์สีเทาอ่อน ชายหนุ่มยื่นวัตถุประหลาดให้เขาหนึ่งชิ้น ขนาดเล็กพอๆ กับนามบัตร รูปทรงพิสดารและสะท้อนสีสันเป็นประกายวาววับ เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคืออุปกรณ์ใช้เปิดประตูห้องหลายห้องในตึกนี้ แต่รู้ได้อย่างไร เขาเองก็ไม่เข้าใจ

“ใช้ทาบกับสัญลักษณ์เดียวกันหน้าห้องนะครับ”

ชายหนุ่มบอกและรีบหันกายจากไปอีกทางหนึ่งขณะเขาตกตะลึงหยุดชะงักอยู่กับที่ เพราะเสียงของชายหนุ่มคนส่งสารช่างคุ้นหู ราวกับว่าเป็นเสียงของเพื่อนสนิทที่เคยคบหากันมานานนับสิบๆ ปี เขาอยากถามชายหนุ่มว่าเหตุใดเขาจึงต้องเปิดประตูห้องเหล่านั้น แต่ก็ไม่ทัน ชายหนุ่มจากไปเสียแล้ว

“มีทางลงอยู่ข้างหน้า เดินตรงไปเรื่อยๆ” หญิงสาวออกคำสั่ง

เขาทำตามคำชี้ทางของหญิงสาว และพบภาพสัญลักษณ์บนประตูห้องชั้นล่าง เขาไม่รีรอ ทาบอุปกรณ์ประหลาดลงบนภาพนั้นทันที เกิดเป็นเสียงสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ดังยืดยาวเป็นจังหวะสูงต่ำ แล้วประตูห้องจึงสลายไปทันทีราวกับไม่เคยมีอยู่ ผู้คนจำนวนมากวิ่งกรูกันออกมาจากในห้อง เขารีบหลีกหลบเปิดทางให้กับคนเหล่านั้นด้วยการยืนตัวลีบชิดผนัง

จากนั้น เขาสลายประตูอีกหลายบานตามคำแนะนำของหญิงสาว ผู้คนจำนวนมากถูกปลดปล่อย แต่พอถึงประตูบานที่ห้า ชายหน้าดุก็ปรากฏกายขึ้นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด ชายคนนั้นอยู่ในชุดลายพรางสวมหมวกเบเร่ต์ สะพายอาวุธหนักครบมือ กราดยิงฝูงชนที่กรูกันออกมาจากห้องอย่างคลุ้มคลั่ง เสียงคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและแตกตื่นตกใจ คนตายล้มเกลื่อนกลาดทั่วทางเดิน แวบหนึ่งในความคิด ในชั่วขณะ 49 มิลลิวินาที เขาสงสัยว่าหรือทั้งหมดนี้จะเป็นเพียงเกมบางอย่าง?

“หลบลงบันไดหนีไฟ อย่าสนใจใครทั้งนั้น” หญิงสาวออกคำสั่งด้วยเสียงเยียบเย็น

เขาขยับร่างหลีกหลบจากฝูงชน แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นเด็กหญิงคนเดิมยืนเคว้งคว้างอยู่ลำพังหน้าห้องที่ว่างเปล่า และในศีรษะของเขาก็พลันประมวลผลปรากฏภาพร้อยพัน มีทั้งภาพเด็กหญิงที่ร่าเริงแจ่มใส กำลังวิ่งเล่นหัวเราะหัวใคร่กับหมาตัวใหญ่ขนสีทอง ทั้งภาพของเด็กหญิงที่มัดผมยาวสลวยเป็นหางม้า นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ มีทั้งภาพของเด็กหญิงที่ถูกอาวุธบางอย่างเข้าที่ศีรษะ กางแขนขานอนตายและมีเลือดไหลเป็นทางอยู่กลางท้องถนน

“หลบลงบันไดหนีไฟ ย้ำ อย่าสนใจใคร!” ในหูฟัง หญิงสาวตะโกนเสียงดัง

“ไม่ได้!” เขาตะโกนปฏิเสธเธอด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางวิ่งตรงเข้าไปหาเด็กหญิง แต่กระสุนหลายสิบนัดจากชายหน้าดุก็ทะลุทะลวงร่างของเขาไปในฉับพลันนั้นเอง เขาถลาเข้าหาเด็กหญิงอย่างสิ้นหวัง ขณะเห็นร่างของเธอแหลกสลายเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ร่วงพรูลงด้วยแรงระเบิด มีแสงไฟสว่างเจิดจ้าจนมองไม่เห็นอะไร

ในความมืด เมื่อสายตาคลายจากอาการพร่าเลือน เขาพบว่าอสุรกายปรากฏตัว มันกำลังอยู่เบื้องบนตัวเขานี่เอง มันกำลังนั่งทับเขาอยู่ ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายเขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นยึดขอบหน้ากากของมันที่บริเวณใบหู พยายามกระชากดึงมันออกมาอย่างสุดแรง ขณะที่สติสัมปชัญญะเริ่มถูกลบหายไปทีละส่วน

ทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลงตรงนั้น

I.X.I.O.N #21987938732

แสงสว่าง ถึงจะเลือนรางริบหรี่เพียงใดก็ยังคงเป็นแสงสว่าง ความมืดมิดที่รายล้อมอยู่รอบกายเขาค่อยๆ ปรากฏเป็นภาพทีละน้อยเมื่อสายตาเริ่มปรับให้เข้ากับแสงสลัวเลือนรางนั้น

ในแสงเงาที่แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย เขาพบว่าที่นี่ โลกทั้งโลกมีเพียงสีดำ-ขาว และร่างของเขากำลังถูกมัดตรึงอยู่กับเก้าอี้เหล็กเย็นเยียบ เบื้องหน้าสายตาเป็นซี่ลูกกรงของห้องขัง นอกห้องขัง มีร่างสองร่างยืนตัวตรง ทั้งคู่อยู่ในชุดเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ของทางการ

ความเงียบในสถานที่นี้ไม่ผิดไปจากครั้งก่อนๆ แต่ด้วยเหตุบางอย่าง เขารู้ได้ว่าความเงียบนี้จะไม่หยุดลงง่ายๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป เขารู้สึกหวาดหวั่นขวัญเสีย พยายามเพ่งมองคนที่หน้าห้องขังอย่างระแวงระวัง ก่อนจะพบว่านั่นเป็นชายหนุ่มคนส่งสารและหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยนั่นเอง น่าประหลาดที่เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนจ้องมองมายังเขาอย่างดุดันเย็นชา ราวกับว่าพร้อมจะลงมือสังหารเขาได้ทุกขณะ

เขาไม่รู้ว่าเขาอยู่ในคุกมืดนี้มานานเท่าไรแล้ว เวลาเหมือนผ่านไปนานแสนนานจากการหลับครั้งก่อน เขามองผ่านชายหนุ่มหญิงสาวไปยังส่วนที่ไกลออกไป และเห็นชายหน้าดุร่างใหญ่กำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้สูงใหญ่ติดผนัง ในความสลัวราง เขาเห็นร่างกายของชายคนนั้นอวบอ้วนขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และพุงใหญ่ๆ ของมันก็กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามลมหายใจอย่างน่ารังเกียจ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงคนนั้น

เขาเหลียวหน้ามองรอบๆ และตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อพบว่าข้างกายเขานั้นไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นร่างของอสุรกายตนนั้นนั่นเอง

แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับพบว่าอสุรกายยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย หรือว่ามันตายไปแล้ว? หรือว่ามันเพียงหลับอยู่?

หน้ากากของมันอยู่เพียงเอื้อมมือนี่เอง ถ้าเพียงแต่เขาจะสามารถปลดพันธนาการนี้ออกจากร่างกายได้เท่านั้น น่ามหัศจรรย์ที่ฉับพลันความคิดนี้บังเกิด เขาก็รู้สึกถึงเรี่ยวแรงมหาศาลที่คุกรุ่นอยู่ภายใน ราวกับว่าเพียงออกแรงอย่างเต็มที่สักครั้งเดียว โซ่ตรวนทั้งมวลก็อาจทลายหลุดได้โดยง่ายกระนั้น

มันจะสำเร็จหรือเปล่านะ? ถ้าเกิดเขาดิ้นรนขึ้นมาแล้วไม่มีผล ผู้คุมสองคนนั่นจะฆ่าเขาหรือเปล่า? แล้วถ้าเกิดเขากระชากหน้ากากของอสุรกายได้ อะไรจะเกิดขึ้น?

ที่เขาได้ตื่นขึ้นมาทุกๆ ครั้งนั่นเป็นเพราะมันฆ่าเขาไม่ใช่หรือ? มันเป็นอย่างที่นักปราชญ์โบราณว่าไว้นั่นแหละ มีเกิดจึงมีตาย มีตายจึงมีเกิด ถ้าเขาไม่ตาย เขาจะได้เกิดใหม่หรือได้ตื่นขึ้นมาแบบทุกครั้งหรือเปล่า? เขาจะยังอยู่ในเกมนี้อีกไหม? แล้วเขาอยากให้มันเป็นแบบไหน? สูญสลาย? เวียนว่ายตายเกิด? ความสูญสลายคืออะไร?

แต่การกระชากหน้ากากของมันจะนำไปสู่อะไรหรือ? อะไรกันแน่ที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้น? เขาอยากเห็นสิ่งนั้นจริงๆ หรือเปล่า?

เขานั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ครุ่นคิดปัญหาเหล่านั้นวนไปเวียนมา