เรื่องสั้น : เสียงอาภรณ์แห่งเธอ

ฉันจะพูดถึงเซ็กซ์อันวาบหวามที่ไม่ได้เกิดจากเซ็กซ์ครั้งแรกซึ่งยังรู้สึกไม่เป็น ความอิ่มเอมเกิดมีจริงๆ ก็หลังจากมีครั้งแรกไปถึงสี่ซ้าห้าครั้งได้ เขาเป็นชายหนุ่มผู้ทำให้ฉันโหยหาทั้งใคร่ทั้งรัก ดวงหน้าดูอ่อนเยาว์ กระนั้นความคิดความอ่านเขาไม่ได้อ่อนตาม เขาเข้าใจมนุษย์ วิธีคิดของคน เห็นสังคมด้วยความเอาใจใส่ ตลอดจนประวัติศาสตร์ ปรัชญา แม้แต่สิ่งละอันพันละน้อยซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงอึกอัก คร่ำครวญ กู่ก้อง หรือฝังแฝงอยู่ในดนตรี ศิลปะ และวรรณกรรมอันงามเพราะยึดโยงอยู่กับผู้คน มิใช่ดีด้วยบ่งตนอย่างหยาบ

หญิงสาวเรียนวรรณกรรมอย่างฉันสุดต้าน แรกเริ่มเราก็เฉกเช่นหนุ่มสาวคู่อื่น เพียงแต่เขาแก่กว่าสักห้าหกปี นั่นยิ่งทำให้เขาใช้ความอบอุ่น เผยสุ้มเสียง และในอกภายใต้เสื้อเปี่ยมด้วยฉันจนฉันว้าวุ่น ต้องการความชัดเจนจากปาก ใคร่รู้เรื่องราวของเราจะยาวนานเพียงใด เพ้อฝันถึงขั้นคร้านจะอึดอัดต้องเอ่ยถามเอากับเขาในวันที่เขาแอบจับมือฉันระหว่างที่ฉันช่วยหยิบแก้วกาแฟขณะขับรถพาฉันกลับบ้าน

“ตกลงเราเป็นแฟนกันใช่ป่ะคะ”

ครั้งแรกที่เขามาบ้านฉันหลังจากเทียวรับเทียวส่งอยู่เป็นเดือน ไม่มีชายหนุ่มคนไหนทำให้ฉันอย่างนี้มาก่อน ยิ่งทำให้เรื่องเล่าของเขา ความเป็นเขาฝังลงในรู้สึกอันเปราะบางผู้มีเพียงวรรณกรรมประโลมใจ หนำซ้ำเขายังพูดถึงการรักษากันและกันให้นานที่สุด ปลายเท้าฉันลอยล่อง

“พี่ว่าเราสองคนต้องบอกกันว่าต้องการอะไร ชอบไม่ชอบอะไรในกัน ก็บอกกันตรงๆ เนาะ ไม่โกรธกัน”

วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน พ่อแม่ไปทำงาน น้องชายไปโรงเรียน เรานั่งๆ นอนๆ ไปตามภาษา ฉันให้เขาสอนการบ้านของเด็กปีสอง เสื้อยืดอยู่บ้านของฉันคอกว้าง การนอนคว่ำกับพื้นไม้ซึ่งรองรับกองหนังสือและหน้ากระดาษตรงหน้า แม้รู้ว่าเขาลอบมองเนินอกล้นดันทรง ฉันไม่คิดจะปิดปก ประหนึ่งอยากรู้ว่าเขาจะทำเป็นสุภาพบุรุษประเภทไหน ต่อให้ต้องแลกด้วย…

สุ้มเสียงกางเกงเขาปรารถนาฉัน ชั่งใจ พยายามกดทับความแข็งขืนกับพื้น เบียดบดได้เหมือนเสพสมกับใคร่ด้วยพากเพียรและทำได้ดี ฉันพอเข้าใจว่าเป็นธรรมชาติ ไม่ไร้เดียงสาแม้จะยังไม่เคยมี เรามีพรมจูบดูดด่ำ ทำไมต้องเป็นเขา ซึ่งทำให้ฉันเคลิ้มหยด และค่อยๆ โอนอ่อนยินยอมให้ใบมือโอบนุ่มของชายหนุ่มสัมผัสไล้สาบเสื้อ ช่างตื่นเต้น เทิบเทิ้ม ความชื้นแทรกซึมดวงหน้าที่สองใกล้ชุ่ม ฤทธิ์จูบเขาราวกับตอกย้ำว่าฉันรักเป็น แต่ฉันไม่สามารถให้เขาได้มากกว่านั้น ฉันอยากให้ครั้งแรกของเราดีกว่านี้ แม้จะอยากเอื้อมมือไประงับเสียงพิศวาสมากล้นใต้กางเกงขายาวเนื้ออ่อน

ปรากฏว่าหลังจากเขากลับไป ฉันพบอุบัติเหตุเล็กน้อยบนท้องถนน สองสามวันถัดมาฉันชวนเขามาร่วมพิธีกรรมเล็กๆ ที่ย่าทำให้ด้วยความหวังดี เพราะฉันผิดที่พาเขาเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ผูกข้อไม้ข้อมือเป็นมั่นเหมาะ นั่นจะนำเคราะห์ ลางร้ายมาสู่บ้านและตน ขึด ไม่เป็นมงคลด้วยการกระทำซึ่งขาดความเคารพผี ทำผิดต่อผี ละเมิดกฎเกณฑ์ทางสังคม

ปล่อยให้เขาสัมผัสคลึงเคล้าเนื้ออก ดอมดมกลิ่นกายในบ้านจนเราเป็นมากกว่าคนรักแสนโรแมนติกที่ไม่ต้องเนื้อตัวลงลึกไปแล้ว

ฉันชอบสวมชุดนักศึกษาไปหาเขาที่บ้านเสมอ เสียงกางเกงเขาหลงใหลชัดเจน แน่ว่าทุกครั้งฉันยิ้มมีสุข ยิ่งเพิ่งหมดรอบระดู ฉันยิ่งร้อนแรง แทบข่มปรารถนาไว้ไม่มิด ความฉ่ำแฉะจากเลือดกายกลั่นหยาดเยิ้มรสหวาน เมื่อเขาถอดแว่นอันสุขุมอุ่นเย็น วางดวงหน้าเปี่ยมโหยหาไปทั่วร่างบางเปราะที่พร้อมจะแตกละอองโอยละมุนอยู่ทุกขณะ รสสัมผัสนั้น จังหวะอันวูบไหว ก็ทำให้ลืมคำติดใจว่าเขาเคยใช้ทุกสัดส่วนอันสวยและผ่าวร้อนนี้กับหญิงสาวคนใดมาบ้าง เหลือเพียงคำอยากคราง ความพร่ำพรรณนาปนเปกับสิ่งตระเตรียมเพื่อตัวฉันเอง

“ตัว ตัวทำเค้าติดอ่ะ ตัวทำให้เค้านึกถึงตลอดเลย จะบ้าตาย”

ได้ผลเสมอ เขาสร้างเสียงเราให้ปับปับ อักอึด ฉันร่ายร่อนราวกับนางฟ้าติดปีกเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเก็บกักคำซึ่งจะโหมเขาให้ลุกและแผดเผาฉันได้ดังดวงอาทิตย์ไว้คราวหน้า อีกครั้ง และอีกครั้ง…

ฉันอิ่มกับเซ็กซ์เรา สงบ มีสมาธิในการเรียนภาคบ่ายหลังจากใช้ใคร่จนแห้งผาก ละการมองไมค์ตรงปากอาจารย์ เมินสุ้มเสียงแผ่วจางของกางเกงอื่น ฉันมีกางเกงของฉันรออยู่ เพื่อนๆ สาวว่าฉันเซ็กซ์จัด ตัวเขาก็เช่นกัน ดูเข้ากันดีกับหนุ่มแว่นผู้หมกมุ่นอยู่กับตำรับตำรา เราหมายถึงฉันกับเพื่อนๆ สาวเคยมองรูปกายของบรรดาแฟนของแต่ละคน

เขาทำให้ฉันอวดเพื่อนสนิทได้บ้างเพราะเป็นผู้ฟังมาตลอด ด้วยแทบจะเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่มีผัว ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่าตัวเองก็สวยและน่ารักอยู่ใช่หยอก หนำซ้ำยังไม่เคยใช้ถุงยางเลยสักครั้ง เราเมามันจนเพื่อนเก็บอารมณ์ในเสียงไว้ในคอ ฉันเคยเทียบขนาดของเขากะความยาวกับม้วนกระดาษให้เพื่อนเห็นทั้งขำเขิน เล่าถึงแรงที่เราโถมใส่กันไม่บันยะปานฝีจักรปักผ้า และฉันไม่เสียดายพรหมจงพรหมจรรย์อะไรเมื่อการชำแรกกายคือสิ่งสามัญ

อีกทั้งเขาค่อนข้างแตกต่างไม่เหมือนบรรดาแฟนเพื่อนฉัน เขาใส่ใจราคะในอกฉันอย่างคนเยือกเย็น มีน้ำอดน้ำทนให้ฉันเสร็จสมมากครั้งก่อนเขาจะหอบกระเส่าเผยสร้อยละโมบ จะเอาอีก เพื่อนฉันว่าใหม่ๆ ก็แบบนี้ แต่เขาก็ลากฉันยาวให้กลายเป็นอีกคน ซึ่งต้องหาสิ่งใหม่มาปรนเปรอตอบแทนจากทั้งหนังโป๊ของเขา ปรารถนาต้องการที่เขาไม่กล้าเอื้อนเอ่ย การกลืนกินสายสัมพันธ์

คู่เราเป็นไปด้วยดีจากเดือนเป็นปี เขายังคงเก็บชั้นในทั้งบนล่างให้ฉันเรียบร้อยเช่นทุกครั้งตั้งแต่แรกชิมรสกรุ่น เสียแต่ว่าฉันไม่เคยก้าวตามความคิดความอ่านเขาทัน ไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่มีเวลา การเรียนการงานของฉันซึ่งเขามองผ่านๆ ก็รู้และเปรยเสมอว่าระบบมันดำเนินไปในทางที่ผิด ที่ทำได้ตอนนี้คือยกระดับตัวเอง ซึ่งทำฉันเอียงอาย ยอมรับ และจะอ่านมากขึ้น ทั้งที่เขาจบมหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน และกำลังเรียนต่ออยู่คณะเดียวกัน

ฉันย้ายมาอยู่ข้างนอก ให้เขาตามมาอยู่กับฉัน เราได้อยู่เช่นคู่ผัวตัวเมียเป็นเรื่องเป็นราว นั่นทำให้ฉันเห็นว่าเขาคลั่งไคล้ในเสียงกระโปรงของฉัน แววตาเขาพาฝันทุกครั้งที่สะบัดน้ำออกจากกระโปรง เป็นเสน่ห์ของผู้ชาย เหมือนที่พวกเขาแสดงมุมอารมณ์อ่อนโยนกับหมาแมว

ฉันเองก็ไม่เคยรู้สึกแหนงหน่ายเสียงบ๊อกเซอร์โทงเทง ไหวหวามทุกตัวที่เขาใส่ อยากจะดึงทึ้งลงเสียตรงนั้น ระเบียงสูงวิวเมือง

ครั้งหนึ่งเขาพาฉันไปฟังเสวนาเกี่ยวกับอ้อมกอดแห่งรักอันรุนแรง ฉันเข้าใจดีอย่างน่าประหลาด มันขยายต่อยอดจากสิ่งที่ฉันอ่าน เปิดโลกกว้างให้กับฉันจนได้ยินเสียงของความคับข้อง อัดอั้น และโกรธขึ้ง ฉันจึงไม่เพียรมอง ฟัง และสัมผัสโลกในแง่ดีเกินไปนับแต่นั้น

“ตัว แรงอีกหน่อย” ฉันออดอ้อน ลากเสียงยาว ก่ายกอดร้องบอกเขา นี่น่าจะเป็นคำสุดท้ายก่อนที่เขาจะขอเลิก ซึ่งฉันก็ไม่ยินดียินร้ายอะไรเพราะเขาก็เป็นเสียงอึดอัดหนึ่งในงานเสวนาในวันนั้น

ฉันยังคงเป็นเด็กสาวหอมกรุ่น โลกก็ยังแคบ มีผู้คนอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้ เช่นเขาคนใหม่ซึ่งเข้าหาฉันในขณะที่นักเขียนคนเก่ากำลังทุกข์โศกกับความเป็นมนุษย์ เขากำลังเป๋ ฉันเห็นใจ แต่ไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากกับคนเงียบๆ สันโดษ รู้จักวางตัวในสังคม นอกจากยั่วล้อเขา นักเขียนของฉันด้วยว่าที่วิศวกรหนุ่มเสื้อแน่นกว่า แต่กางเกงไม่คับติ้วเท่า

นักเขียนของฉันไม่แสดงท่าทีใด ไม่เดือดไม่ร้อน นอกจากเวลาไม่มีเงินดื่ม ฉันหวนคิด ทบทวน มันหนีไม่พ้นคำที่เขาเคยบอก วางใจ ถ้าฉันอยากมีคนใหม่ ฉันก็มีสิทธิ์เลือก เขาช่างน้ำเน่า เจียมตัวเกินเหตุ แต่ก็น่ารักดี ฉันจึงขอเพื่อนคนหนึ่งผู้ดูจะมีใจทำทีเข้าหาเขา จุนเจือด้วยเหล้าจากเงินของฉัน ฉันไม่อยากพูดเลยว่า แค่ไม่นานฉันก็จูบดูดปากกับว่าที่วิศวกรผู้มีสุ้มเสียงอาภรณ์เบาหวิวไร้สิเน่หาชนิดหาไม่ได้

สำหรับฉัน โลกใบนี้มีชายหนุ่มประเภทนี้ดำรงอยู่มาก เขาอาศัยจังหวะที่ฉันประชดประชันแนบลำมากับคำรัก หวังจะเสียบกล่องใจ ช่องว่างระหว่างทางในนามของคนแอบรักมาแล้วเนิ่นนานและพร้อมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อให้ฉันปันเศษเสี้ยวดวงใจให้เขาสักนิดด้วยน้ำตาแห่งการอ้อนวอนร้องขอ ซึ่งกำลังจะเปื้อนกระโปรงตรงตักฉัน

นักเขียนของฉันไม่อ่อนแออย่างเขา ตักฉันเคยแต่เปื้อนน้ำลายและสายสัมพันธ์ ไม่ใช่การลวงด้วยคำกลวงเปล่า ฉันโตขึ้น รู้ผิดรู้พลาด ขออภัย ฉันจึงกลับไปหาเขา นักเขียนหนุ่มของฉันซึ่งกำลังเผชิญกับการเอาใจไปผูกกับสภาพสังคมอันทุกข์ยากเกินตัว ฉันมิรู้จะช่วยอย่างไร ความเป็นชายของเขาอ่อนแรง ต้องรุกเร้านานกว่าเคย เป็นผู้กำกับแสนดีในเกมกามกรีฑา โอบอมกลืนกินรสชาติแปลกประหลาดของชายเป็นครั้งแรก ปลอบประโลมเขาว่ากล่องฉันยังคับแน่น

“ตัว เค้ายังเหมือนเดิมไหม”

ฉันคิดว่ามันแค่บางช่วงบางตอนของเซ็กซ์ ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้ความเป็นใหญ่ของชาย หนำซ้ำฉันยินดีและออกจะชื่นชอบ ที่เขาโหมใส่ดวงหน้าทั้งสองของฉันอีกครั้ง ไม่มีกักกั้นผ่อนปรน สิ่งสำคัญคือความยาวนาน เนิบนานจนฉันแห้งผาก กรังเกาะจากเบื้องล่างถึงลำคอ คล้ายฉันแกมบังคับให้เขาสวาปามแพไหมผืนหนา

เผื่อเขาจะแทรกร่างเข้าในฉันได้ ซึ่งไม่ได้บกพร่องเลยแม้แต่น้อย

ฉันกำลังจะแต่งงานกับอาจารย์ที่จบเมืองนอกเมืองนาผู้ยอมรับว่าตกอยู่ภายใต้วาทกรรมความสะอาดด้วยความเคารพต่อสิ่งและคนที่มีวินัยตามมาโดยไม่ต้องเรียกร้องถามหา เขามีอาชีพเหมือนพ่อที่เป็นครูในยุคเร่งผลิต ซึ่งทั้งสองประกอบขึ้นจากนิสัยอันต่างราวฟ้าดิน เขาบอก ไม่เคยทนได้กับความมูมมาม สกปรกซกมกของพ่อบนโต๊ะอาหารและเม็ดข้าว เศษปลาชิ้นเนื้อซึ่งเกลื่อนพื้นใต้โต๊ะทุกครั้งนับสิบยี่สิบปี

เขาร่ำอยู่เสมอว่าอยากจะถามแม่อยู่เหมือนกันว่าเคยเดตกับพ่อไหม แม่เขากลัวพ่อ แต่ก็บอกว่าเป็นสันดานไปแล้วขณะเช็ดรีโมตทีวีเปื้อนมันกลิ่นน้ำแกง และเขาทำความสะอาดสิ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องเกิด ฉันไม่แปลกใจกับเขาเท่าไหร่กับการเลี่ยงมื้ออาหารที่บ้านเมื่อพ่อไม่คิดจะปรับตัวเพียงนิด รวมถึงแม่ซึ่งไม่เคยสนับสนุนต่อหน้าพ่อ เขาถึงอยากจะไปให้ไกล ทิ้งแม่ไว้กับสิ่งซึ่งแม่เลือกเอง

เขาไปร่ำเรียนนานถึงห้าหกปี หนำซ้ำยังมีงานเขียนออกมาให้อ่านทุกปี ชิ้นใหญ่บ้าง ชิ้นเล็กบ้าง จะว่าไปเราห่างกันนานๆ แค่ไม่กี่เดือน ปีๆ หนึ่ง เราได้ใช้เวลาร่วมกันไม่น้อย เขาไปๆ กลับๆ ฉันไปหาเขาบ้างอย่างน้อยปีละครั้ง ถือว่าได้เปิดโลกซึ่งไม่เคยเห็น อันมีรายละเอียดให้ใส่ใจพอๆ กับความซ้ำซากในชีวิตประจำ แต่เบาสบาย คงเพราะได้ใช้ใคร่ ได้ใกล้เสียงพัสตราภรณ์อันไพเราะจากชายผู้พิถีพิถันกับความคิดความอ่าน รวมถึงฉัน

ส่วนงานที่ฉันทำ ใช้ความสวยมากกว่ามันสมองที่มีอยู่ เขาบอกว่าฉัน “สลิด” แสร้งทำเป็นตอแหล กวนตีนฉิบหาย เป็นแบบที่เขาว่าได้ยาก ในเมื่อเพื่อนร่วมงานก็สาวสวยอวดผัวรวยหล่อ ถามฉัน ก็ตอบไปตามเนื้อผ้า ไม่เอียงอาย ไม่อวด นิ่งเฉยเสียดีกว่าโดนหมั่นไส้ กับบางคนเปลี่ยนผัวเหมือนเปลี่ยนโทนเสื้อจังหวะดุมดอกใต้กางเกงมากพอๆ กับต้นฉบับงานเขียนผัวฉันเสียอีก ซึ่งไม่ผิดอะไรถ้าไม่เกินขอบเขต ฉันละห่วงแทน ขนาดฉันยังยับย่น แต่อย่างว่ารีดให้เรียบเนียนได้

“รู้ว่าอยากเปรยกับสิ่งอื่น ทำมาเนียน ทำมานูน” เขาชอบเข้ามากวนความคิดเวลาฉันยียวน น่าหมั่นเขี้ยวเสียจนอยากฟอนหาที่มาของเสียงกางเกงยกใหญ่ ให้เหมือนรื้อปัญหาขึ้นมาทบทวนในตอนที่แม่ฉันเผชิญสิ่งไม่คาดฝัน

แม่ถูกยิง เสียงปืนดังก้อง ควันลอยฟุ้งรอบปืนกระบอกดำของตา ซึ่งตาเองเป็นผู้เหนี่ยวไก ไม่มีใครกล้าถามตาว่าตาตั้งใจยิงให้เฉี่ยวหรือตั้งใจยิงให้โดน แต่พลาด แม่บอกว่าพอเห็นตาเหน็บปืนมา แม่ก็ไหวตัวทันจึงหลบได้ โดยคมโกรธ มาดร้ายผ่านดวงหน้าไปเพียงเสี้ยว กระนั้นก็เจ็บหูจนต้องกุม ฉันหลุบตาลง ในหัวปรากฏแค่สุ้มเสียงทำร้ายกัน เรื่องของเรื่องคือแม่ฉันไปถามตาเกี่ยวกับไม้แบบทำบ้านใหม่ของฉันที่หายไปบนที่ดินซึ่งตายกให้แม่

ตาคิดว่าแม่กล่าวหาว่าตาเป็นขโมย ผู้รับเหมาผู้ผ่านงานมาโชกโชนยืนยันว่าเขานับไม้แบบ จดบันทึกข้าวของอย่างดี เพราะมันคือกำไรขาดทุน มีคนเอาไป ส่วนฉันก็เห็นว่าทุกวันอาทิตย์ที่คนงานหยุดงาน ไม่มีใครอยู่บ้านยกเว้นฉันที่ปิดบ้านเงียบ ฉันมักจะเห็นตาเดินมาแต่ไกลจากบ้านของแกเอง ในมือมีกระสอบ ฉันแอบมอง ตาเดินวนอยู่รอบบริเวณก่อสร้าง เก็บไม้ ขนอิฐ และอะไรอีกหลายอย่าง แต่ไม่เห็นตาแบกไม้แบบขึ้นบ่าจากไป

ฉันเองก็ยืนยันกับแม่อย่างนั้น มันไม่ใช่ของตา

ฉันจำเป็นต้องเกลียดตาไหม แผ่นดินของตาที่ยกให้แม่ ถ้าแม่ตาย แผ่นดินก็จะเป็นของฉันกับน้อง แต่ใครจะช่วยฉันใช้หนี้ พอคิดถึงอนาคต เรื่องสมมุติอันเกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ซึ่งเพิ่งเกิด อดีตก็ผุดตาม ยายตายหลังจากฉันเกิดไม่นาน พอฉันรู้ความ ตาก็แต่งงานใหม่ สิ่งที่ฉันจำได้ดีคือตาเคยเสียงใหญ่ คอเป็นเอ็น เอ็ดตะโรตบหน้าแม่จนเลือดคั่งในดวงตาซ้าย แดงก่ำจนฉันกลัวเพียงเพราะตาที่เพิ่งถอดชุดแต่งงานได้ไม่นานนักมักจะไปเกี้ยวพาราสีหญิงลูกบ้านของตนเอง หนำซ้ำผัวของเธอยังกลับบ้านตรงเวลาทุกวี่วัน

มันตีกลับขึ้นมาหมด โหมแรงในใจฉันเสียด้วยซ้ำ ตาเป็นเจ้าของชีวิตแม่หรือไร แม่เป็นเพียงเสื้อผ้า นึกจะมีก็ซื้อ นึกจะหน่ายก็ทำเป็นผ้าขี้ริ้วเช็ดถูสิ่งสกปรกให้สะอาด เสียงของแม่ไร้ความหมาย ใครจะสนใจเสียงขัด ถ้าเครื่องประดับเงางาม ผีและกฎเกณฑ์ทางสังคมในระบบคิดของผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านไปอยู่ไหน หรือตาคือผู้ถือ จะทำอย่างไร ใช้อย่างไรก็ได้ แค่เปลื้องปลด สวมใส่เครื่องบ่งสถานะใหม่ ตัวตนเดิมก็จะปลาสนาการโดยพลัน

ส่วนฉันแค่ให้คนรักจับนมดมร่องอก ซึ่งฉันยินยอม ฉันกลับถูกพิธีกรรมประณามกลางลานบ้าน ถ่มถุยน้ำลายตนลงกระทงเสียบประจานทั้งสี่ทิศ ประหนึ่งชั้นในที่ถูกตากหน้าตลาดให้แดดลามเลีย ล้างน้ำขายได้จริง แผ่นดินอื่นโดยแท้ เมื่อเรื่องของตาจางลงไปพร้อมพวยควัน แผ่วเบาไปกับเสียงปืน ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีการขอขมาผี ไม่ขึด เสมือนขึดถูกสร้างมาเพื่อฉัน แต่กับความรุนแรงในบ้านซึ่งจริงจังด้วยการทำร้าย ตบตี ถึงขั้นจะเอาชีวิตเป็นเพียงการสั่งสอนลูกหลานแสนสามัญ ไม่นานก็ลืมเลือน ไม่นานก็ต้องพูดถึงอีกในนามของเรื่องใหม่แต่ใจความเดิม

ฉันจะจับมือผัวสู้ นำเสนอ ค่อยๆ ไปกันตามแบบฉบับนิยายกำลังภายใน ไม่ยอมง่าย เช่น หลายคนลุยเดี่ยว หรือในความสัมพันธ์อื่น ในขณะที่คนเราเป็นอื่นเป็นอยู่เสมอ บางครั้งไม่ถึงกับเป็นอัตลักษณ์ใหม่ พร้อมกันนั้นสิ่งที่ทำให้เราดำรงตัวตนอยู่ได้ท่ามกลางสรรพสิ่งที่เกื้อหนุน เทียบเคียง หรือปฏิเสธคือหลักการ ซึ่งบอกเราได้แง่หนึ่งว่าเราเป็นใคร เช่นเขา เป็นคนที่เฝ้าอ่านฉันอย่างใส่ใจ

“แกก็ฟังเค้าตลอดนะ ว่าแต่แกเปลี่ยนใส่กระโปรงมะ เค้าอยาก…ได้ยินเสียงกระโปรง คิดถึงไงไม่รู้” สายตาเขาช้อนลึก ช่างทรมานใจเสียนี่กระไร

“แหม แอบชอบก็ไม่บอก ลองใส่ดูมะ”