เรื่องสั้น : เพรงเมือง

เดือน 12 ศักราช 1129 ปีกุน นพศก

– เห็นว่าเตลิดขึ้นทางช่องพระยาไฟไปแล้วพี่

– เออข้าเสียดายนักหัวมันไม่ทันขาด

– ไอ้พระครูโชติก็ด้วยนะ

– ฮึ๊! มันหนีไปด้วยกันกะพวกไอ้มองย่ารึ?

– เขาว่ากันยังงั้นแหละ

– ไอ้พระห่านี่ก็แปลกพิลึก ข้าฉงนมานานนักแล้วว่าอยู่ๆ มันจู่มาโพธิ์สามต้นได้ไง ซ้ำไอ้พระนายกองนั่นยังเอาเป็นพวก เลี้ยงดูปูเสื่อดีนักแล้วก็กินอยู่กันยังกะไม่ใช่พระไม่ใช่เจ้า

– เขาว่ามันพวกเดียวกันมาแต่ก่อนกรุงแตกแล้วนี่พี่

– เฮ้ยใช่จริงหรือวะไอ้ผง

– ใช่พี่ ไอ้น้อยมันรู้จากพวกฟากขะโน้น มันบอกไอ้พระครูห่านี่แหละที่ทำน้ำมนต์เบื่อพวกบ้านระจันสิ้นกันไปทั้งบ้าน

– ฮ๊ะ! ยังงั้นเทียวรึมึง

– ใช่พี่ อยู่นั่นเขาเรียกมันหลวงพ่อธรรมโชติ

– อ้าว! ไอ้ชิบหาย แต่มันก็ไอ้พระห่านี่เองมิใช่รึวะ ที่เขาว่ามันทำของปลุกเสกให้พวกบ้านระจันยันทหารอังวะไว้ได้ตั้งนานน่ะ

– มันก็ใช่พี่ แต่…

– เอ๊ะ! เอ็งดูซิวะ ไอ้ผง

– ฮื๊อ ยังไม่ใช่นาพี่

– เออ…

– ก็ตอนนั้นน่ะ พี่จำได้ไหมเล่า ว่าไอ้คนที่อังวะส่งไปตีบ้านระจันนั่นมันก็มิใช่ใครอื่นหรอก ก็ไอ้พระนายกองนั่นแหละ

– เออใช่ เอ็งจะว่าไอ้พระนายกองมันสมคบกะไอ้พระธรรมโชตินั่นตั้งแต่ตอนนั้นรึ?

– เขาว่ากันยังงั้นแหละพี่ฝุ่น แล้วไอ้พระนั่นก็คงดูแล้วเห็นทีบ้านระจันแตกแน่เพราะมันล้านักแล้วก็ไม่มีอะไรจะแดก มันเลยแปรพักตร์มาเข้ากับไอ้พระนายกองลับๆ

– ที่เอ็งว่ามันเบื่อน้ำมนต์คนตายทั้งบ้านนั่นน่ะรึ

– ใช่ ไม่งั้นบ้านระจันมันจะแตกเอาง่ายๆ งั้นรึพี่

– ไอ้ดิรัจฉานมันเลวเหลืออาศัยผ้าเหลืองสมณะ

– สมณะห่าอะไรกั๊นพี่ฝุ่น เห็นแม่งทำตัวยังกะนักเลงมีพวกล้อมถือมีดถือไม้ตลอด

– วันก่อนแม่งยังเดินปล้นเบี้ยชาวบ้านเขาดะไปทั่วตลาด ไอ้ระยำเอ๊ย!

– เตลิดไปแล้วไง แค่เห็นท่าว่าสู้เขาไม่ได้เท่านั้นแหละ แม่งหนีตายเปิดไปพร้อมไอ้มองย่ายังกะหมูกะหมา

– เออแล้วทำไมนายทัพเขาไม่ฟันไอ้พระนายกองห่านี่ให้มันยับไปด้วยวะ?

– คงเลี้ยงไว้ก่อนมั้งพี่ เห็นว่ามันคุมทหารมอญมาอ่อนน้อมด้วยนี่

– อ่อนน้อมห่าอะไร สู้เขาไม่ได้ จะเปิดหนีก็ตามไปไม่ทันไอ้พวกมองย่า แม่งอ้วนอุ้ยอ้ายยังกะหมู

– ฮ่าๆ ฉันว่ามันคงด่าไอ้พระธรรมโชติกะมองย่าชิบหายแหละที่เอะอะก็เผ่นหนีไปไม่รั้งไม่รอมันมั่งเล้ย

– นายทัพท่านก็เมตตานักไว้ชีวิตมันได้ไอ้คนสารเลวชาติหมาแดกข้าววัด

– เฮ้อ รู้ๆ กันอยู่ว่ามันกลับกลอกเหลือนาพี่ ทั้งหนังหน้าก็หนานัก

– เออใช่ๆ ไอ้ผงเอ็งจำไอ้ตอนนั้นได้ไหมเล่า

– ตอนไหนรึพี่?

– ก็ตอนที่ไอ้พวกอังวะมันจับได้ว่าไอ้พระนายกองนี่มันลักทองที่ขุดได้ไว้เองน่ะ

– อ๋อจำได้สิพี่

– เออแล้วไอ้มองย่าเลยถึงกับต้องมาต่อว่ามันน่ะ ว่าข้าวของเงินทองของจะส่งไปอังวะทั้งนั้น ไอ้พระนายกองมาลักไปเฉยๆ ยังงี้ได้ไง

– แล้วไอ้พระนายกองนี่ก็ตอบหน้าตาเฉยใช่ไหมพี่ว่ามันไม่ได้ลักน่ะ ซ้ำยังโกหกเอาหน้าด้านๆ ว่าทองนั่นของแม่มันฝังไว้ตั้งแต่ก่อนกรุงแตกแล้ว

– ฮ่าๆๆ เออ ใช่ หน้าด้านชิบหาย ใครๆ ก็รู้ว่าแม่มันอยู่เมาะตะมะโน่นแล้วยังตายห่าไปก็นานโข มันจะมามีสมบัติบ้าอะไรฝังอยู่ในพระนครวะ

– เออใช่พี่ แล้วพูดไปพูดมาแม่งก็เฉไฉกลายเป็นว่าทองนี่ไม่ใช่ของมัน แต่เป็นของเพื่อนมันทั้งนั้น มันแค่ยืมมาดูเล่น

– ฮ่าๆ แล้วไอ้มองย่านั่นก็โง่ชิบหาย อังวะเขาให้อำนาจส่งมันมาคุมไอ้พระนายกองแท้ๆ เสือกโง่เชื่อไอ้พระนายกอง

– โถ! ไอ้มองย่ามันจะไปรู้เรื่องอะไร๊พี่ โง่ก็ปานนั้น ดูมันพูดมันจาออกมาแต่ละคำนี่อย่างคนบ้าๆ บอๆ

– เฮ้ยตะขาบ! ตัวเขียวอื๋อเลยมึง!

– ไป!

– อ้าว เอ็งมิกลัวตะขาบแล้วรึไอ้ผง?

– ไม่กลัวละพี่

– แต่ก่อนเห็นกลัวชิบหาย

– นั่นน่ะซีมันพิลึกนักพี่ฝุ่น ไอ้ฉันเองก็หลากใจเหมือนกัน อยู่ดีๆ ก็หายกลัวเสียยังงั้น ดูเหมือนจะหลังจากที่พ่อแกตายนั่นแหละ

– งั้นรึวะ เออ พิลึกจริง

– พี่…

– อะไร?

– พี่รู้ใช่ไหมไอ้ไผ่มันกลับมาอยู่บ้านมันแล้วนะ

– ข้ารู้แล้ว ตั้งแต่วันที่ไอ้มองย่ากะพวกแตกหนีไปแล้วใช่ไหม

– ใช่พี่ พระยาพิชัยท่านให้ปล่อยสิ้นเลย ทั้งพวกที่ถูกแกล้งถูกขังลืมทั้งหลาย

– แม่งน่าโมโหชิบหายเรื่องไอ้ไผ่ แกล้งกันชัดๆ ไอ้พวกกรมการจังไร

– แหงละพี่ ไอ้ไผ่มันก็แค่พูดเรื่องจริง แต่แม่งเสือกทนฟังกันไม่ได้ก็เลยแกล้งยัดมันเข้าคุกเสียยังงั้น ไอ้พวกกรมการสันขวานเอ๊ย

– อีแพงมันดีใจตายห่าล่ะสิ

– โอ๊ยดีใจชิบหายเลยพี่

– มิน่าเล่ามึงเองก็ยิ้มกริ่มมาแต่เช้าหือไอ้ผง

– ฉันก็ดีใจกะมันด้วยนิพี่ ก็พี่ชายมันพ้นเคราะห์พ้นคุกเสียทีนี่นะ

– มันดีใจแล้วมื้อนี้เอ็งก็ปล้ำมันเสียทีเหอะวะไอ้ผง ป้อไปป้อมาข้าเห็นแล้วเกะกะลูกตานัก

– เดี๋ยวซีพี่ฝุ่นนี่เอ๊อ เอะอะก็จะให้ฉันจับปล้ำมันไปเรื่อย

– ก็มึงมันชักช้า

– ตัวมันไม่ใช่เล็กๆ นิพี่

– มึงมันคนไม่มีปัญญา

– เฮ้อ แต่จะว่าไปวันนี้ฉันก็คิดถึงอีแพงมันนักหนาแหละพี่เอ๋ย โอ้ว่า ป่านฉะนี้หนอ ออเจ้า…

– ออเจ้าพ่อมึงสิ! อย่าชักช้า!

– ย่ะพี่ๆ

– หมามึง…

– ฮ๊ะ อะไรนะพี่

– หมามึงมันล้อเรารึวะ?

– ฮ่าๆ พี่นี่ก็ฮิ ตรองไปได้ หมามันก็ขุดของมันไปเรื่อยอยู่แล้ว เออเฮ้ย! ไอ้สมิง! มึงจะขุดอะไรของมึงหวา!

– มันได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า?

– โอ๊ยพี่ ไอ้ตัวนี้น่ะมันได้กลิ่นก็แต่ของแดกแหละ

– เออ ไอ้ผง ข้าว่านะ

– อะไรรึพี่

– ถึงจะเจอก็ไม่แน่หรอกมั้งวะ ว่าจะเป็นขุนหลวง

– อ๋าย! จะเจอหรือเปล่ายังไม่รู้เล้ยพี่

– แต่ข้าเห็นพวกกรมการถางทุ่งทำท่าจะปลูกพระเมรุกันแล้วนี่สิ

– ช่างแม่ง

– เออ ช่างแม่ง

– พี่ฝุ่น

– อะไร?

– เรื่องไอ้มองย่าน่ะ พี่เคยได้ยินไหม ตลกชิบหาย

– เรื่องไหนวะ?

– ก็เรื่องที่มันถูกไอ้พวกพม่าลูกน้องมันเองหลอกเอาตำราอะไรของครูโหรมาให้มันนั่นไงพี่ ว่าเป็นของวิเศษของสำคัญนัก

– อ๋อ! ข้าได้ยินมามั่ง อะไรนะ ไอ้ตำราจินดาๆ อะไรนั่นใช่ไหมวะ?

– ใช่พี่ แล้วมันก็ต้องอ่านไม่ออกใช่ไหมล่ะ

– ฮ่าๆ ก็แหงละไอ้ห่า กระทั่งในวังจะอ่านออกกันซักกี่คนมิรู้รึ!

– นั่นไงพี่ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้มองย่านี่มันอ่านมันเดามั่วเปะปะเอายังไง จนสุดท้ายมันคิดว่ามันอ่านรู้เรื่องของมันแน่ะพี่!

– มันน่ะรึจะอ่านรู้เรื่อง ไอ้บ้า!

– จริงพี่ แล้วแม่งก็แต่งโคลงห่าอะไรไม่รู้ออกมาโครมๆ ตั้งเยอะตั้งแยะ

– โคลงอะไรวะ?

– ฉันก็ไม่รู้พี่ แต่เขาว่าพวกทหารมันเอามานินทาเอามาหัวเราะกันชิบหาย เพราะมันถูกบังคับให้ท่องกันทุกคน

– ยังงั้นเลยหรือวะ

– ใช่พี่ เห็นว่ากันให้อึงไปว่าโคลงห่าอะไรไม่รู้มีแต่เรื่องสัปดน

– ฮ่าๆๆ

– เอ๊ะ! เสียงใครมานั่นแน่ะ

– ทหารมา เออพวกไหนวะ มึงปรามหมามึงเร็ว!

– พวกพระยาพิชัยนี่พี่…

– มึงมานี่มึงหมอบเร็วไอ้ผง ไอ้ห่า! ทำเร่อร่ามึงไม่เห็นหรือว่าเจ้าตากท่านมาด้วย!