เรื่องสั้น : พัทลุง (ตอนจบ)

ทะเลน้อย

คลื่นลมบางเบาพัดไล่ริมฝั่ง ซึ่งเรียงรายไปด้วยเรือหางยาว ลำเรือส่ายไปมาเล็กน้อยราวกำลังกระซิบกระซาบกับระลอกคลื่นบางเบา ไกลออกไปกลางเวิ้งน้ำ เรือลำหนึ่งแล่นฉิวบนผืนน้ำใต้เงาแสงของยามเย็น ผ่านเงาตะคุ่มของกอสวะที่เหมือนถูกจัดวางอยู่กลางความโดดเดี่ยวอันอ้างว้าง และดูแปลกประหลาดเมื่อเทียบกับกอบัวที่มีดอกประดับละลานตา ทุกเช้าดอกบัวจะบาน ครั้นพอแดดเริ่มแรงมันก็หุบกลีบดอกหลบซ่อน บานอีกหนก็เย็นย่ำไปแล้ว เหมือนบางสิ่งแหลกสลายไปหวนคืนแล้วพลันหวนคืนกลับมามีชีวิตที่ก่อกำเนิดลมหายใจรอบใหม่ วนเวียนอยู่เป็นวงจรของเวลาจนกว่าจะร่วงโรยไป

ก่อนนั้นไม่นาน

เราใช้ช่วงวันหยุดเดินทางไปรอบๆ ทะเลสาบสงขลา เริ่มต้นจากหาดแสนสุขลำปำ จากจุดนี้เรามองเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ ฝั่งทางขวาเป็นทะเลสาบสงขลา ทางซ้ายเห็นเงาตะคุ่มของเกาะแก่งน้อยใหญ่เป็นทะเลน้อย จากนั้นเราขับรถลัดเลาะผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาและประมง ไปถึงบ้านพนางตุง หยุดยืนอยู่ริมฝั่งทะเลน้อย มองออกไปจากจุดนี้เราไม่อาจมองเห็นทะเลสาบสงขลา จะเห็นเพียงสะพานข้ามไปฝั่งระโนดพาดขวางอยู่ใจกลางทะเลสาบราวเป็นเส้นแบ่งเขตแดน ซึ่งทอดยาวสุดตาเชื่อมเมืองพัทลุงกับสงขลาเข้าด้วยกัน

เช่นเดียวกับเมื่อเราเดินทางไปถึงทะเลสาบลงขลา ผ่านเมืองเก่าสทิงพระ ลัดเลาะไปตามเส้นถนนซึ่งตัดผ่านท้องทุ่งเขียวขจี ทิวแถวต้นโตนดสูงลิบลิ่วเรียงรายอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่า ราวเป็นปะติมากรรมที่ถูกหลงลืม เราตื่นใจกับบ้านเรือนทรงโบราณ ยกเสาสูง หลังคาปั้นหยา มุงกระเบื้องชายธง ต่างเก็บภาพจากกล้องในมือ แล้วจากมาอย่างรู้สึกโหยหา คล้ายเหมือนว่าเรากำลังค้นหาบางสิ่งที่ตกหล่นไปจากความทรงจำ แต่เปล่าเลยเราเป็นคนต่างถิ่น ซึ่งกำลังเดินทางอยู่รอบๆ ทะเลสาบ ทุกที่ที่เราไปถึงแทบจะปะติดปะต่ออะไรได้ไม่มากนัก รู้เพียงว่าทะเลสาบนั้นช่างกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยรายละเอียด และเรื่องเล่ามากมายเหลือเกิน

เรายืนอยู่ตรงนั้น ที่เดิมของวันก่อน

ผืนผิวน้ำเต้นระยิบในแดดบ่าย ผมบอกว่าผิวน้ำเหมือนดวงตาของคุณ ร้อนแรงในแดดบ่าย ทว่ากลับเย็นชุ่มเมื่อสัมผัส-โลกของผมแคบลงอย่างไม่น่าเชื่อ เหมือนผิวน้ำที่ค่อยๆ เหือดแห้ง ทะเลสาบนั้นกว้างใหญ่สุดตา สรรพชีวิตใช้พึ่งพิงอาศัย แต่ตำนานเรื่องเล่าอันเก่าแก่ล่องลอยลับหายไปสิ้นแล้ว

ผมเคยเล่าให้คุณฟังถึงตำนานอันน่าเหลือเชื่อของพระนางไหมสุหรี และเจ้าหญิงผู้มีตัวตนอยู่จริงที่เดินทางมาจากภูเก็ต ดวงตาของเจ้าหญิงเต้นระริกเหมือนผิวน้ำในแดดสาย เธอหัวเราะที่คุณเชื่อในตำนานเก่าแก่เหล่านั้น พระนางไหมสุหรีเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ และอีกเรื่องเล่าที่พระนางเดินทางมาจากเกาะลังกาวี

คุณบอกว่าคุณปวดร้าว และเจ็บปวดกับชีวิตมาชั่วชีวิต เรื่องเล่าเหล่านั้นเกี่ยวกับคุณตรงไหน คุณขอร้องผมให้เช่าเรือล่องทะเลน้อยออกไปหาดอกบัวที่ใจกลางบึงน้ำกว้างใหญ่

ก่อนจากกันในเช้าวันที่ผืนทะเลสาบกลายเป็นสีแดงเรื่อ คุณบอกว่า ความเจ็บปวดของคุณมากมายพอๆ กับปริมาณน้ำในทะเลสาบ ส่วนผมก็เหมือนเกาะแก่งที่นับวันจะถูกสายลมแห่งโชคชะตาพัดลอยจมหายไปในวันหนึ่ง

นานนับจากนั้นผมสูญก็เสียคุณไปตลอดกาล

สิบปีหลังจากนั้นผมก็ย้ายตัวเองจากเมืองหลวงกลับมาบ้านเกิดที่พัทลุง เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็ผุดขึ้นมาจากเรื่องเล่าของผมอีกหน

ผมกลับไปทะเลน้อยอีกครั้ง และนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่เงียบเหงาที่สุดในโลก เจ้าของร้านที่สำเนียงพูดเหมือนคนที่มาจากสงขลา ชงกาแฟในท่วงท่าอันเนิบช้า แต่ทรงพลังราวกำลังผลิตสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเมื่อเขาก้าวเข้ามาหาผม ด้วยถาดใบเล็ก พร้อมถ้วยกาแฟ เมื่อนั้นแหละที่ผมจะตกอยู่ในมนต์สะกดของกลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูก ประสาททุกส่วนในกายผมเหมือนหยุดทำงานไปในทันที

ผมนั่งละเลียดกาแฟในร้านที่ดูประหลาดที่สุดในโลกไปแก้วที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ ชายเจ้าของร้านจมตัวเองอยู่กับการเขียนบันทึกอะไรของเขาเงียบๆ นาทีก่อนนั้นเขาเล่าให้ผมฟังถึงตำนานเก่าแก่เรื่องหนึ่ง บอกว่าในอดีต เมืองแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมาก เมื่อครั้งที่พระนางไหมสุรีเป็นเจ้าครองเมือง พระนางไหมสุรีที่ตายายคู่หนึ่งพบเธอจากกระบอกไม้ไผ่

เขาบอกผมอีกว่าได้รู้จักกับชายผู้หนึ่งที่ทุกวันเขาจะล่องเรือออกไปหาปลาถึงเกาะยอ เขาบอกว่าเคยเห็นเธอ แวะมาที่นี่เพื่อเฝ้าดูนกเป็ดน้ำเล่นน้ำในทุกเย็นของวันอาทิตย์

ดูเหมือนร่องรอยบางอย่างบอกผมว่า คำบอกเล่าของชายหาปลาเป็นเรื่องจริง และคุณอาจยังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักที่ในเขตทะเลน้อยแห่งนี้ แต่มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว

เหมือนที่ยายเคยบอกผมนั่นแหละ

“ยังไงยายก็ต้องตาย ตายที่พัทลุงนี่แหละ และจะไม่ไปไหนไกลจากที่นี่ แม้ตอนนั้นพัทลุงจะไม่เหมือนเช่นวันนี้”

ผมจิบกาแฟที่หอมลึกล้ำ และคิดถึงเวิ้งน้ำที่เราเคยล่องเรือไปด้วยกัน เป็นวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าโปร่งโล่ง เรือของเราแล่นไปบนผิวน้ำนิ่งสงบ อาณาเขตกว้างไกลสุดตาร้างไร้นักท่องเที่ยว ราวกับว่ามันคือดินแดนในนิทานที่ผุดขึ้นมาเพื่อเราสอง เหนือเวิ้งน้ำที่มีดอกบัวละลานตา สีขาว สีแดง สีม่วง คุณบอกว่าคุณหลงรักดอกบัวทุกดอก อยากล่องลอยเพื่อเฝ้ามองมันไปตลอดชีวิตของคุณ

เรียบเรียงสิ่งที่คุณเคยบอกผมไว้ ทำนองว่า

ชีวิตคือการค้นหามิจบสิ้น ฉันคงไม่ใช่นักเดินทางที่คอยเก็บเกี่ยวความทรงจำเหล่านั้นไว้ด้วยภาพถ่ายหรือการบันทึกใดๆ มีเพียงถ้อยคำที่บ่นเพ้อ และความรู้สึกคะนึงหาที่พร่ำบ่นอยู่ในความรู้สึกอันบิดเบี้ยวของตัวตน ฉันเคยหลงรักดอกบัวกลางทะเลสาบเวิ้งว้าง เคยนั่งนับจำนวนของนกน้ำที่บินขึ้นลงอยู่ตามพงหญ้าในพื้นที่ชุ่มน้ำ ชีวิตก็เหมือนเรือลำหนึ่ง มิใช่การลอยเคว้งคว้างอยู่ใจกลางมหาสมุทร แต่คือการหยุดนิ่งของน้ำหนักที่กดทับลงไปในความขุ่นข้น และแสนจะเบาหวิว เมื่อมันแล่นฉิวด้วยความเร็วไปบนพื้นผิวอันเงียบสงบของน้ำ วงจรชีวิตของทะเลสาบแห่งนี้คือดอกบัวยังคงบาน นกน้ำยังคงเกาะเกี่ยวต้นไม้ใบหญ้า แต่ฉันไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ฉันกลายเป็นเรือที่มิยอมกลับคืนฝั่ง เคว้งคว้างอยู่ในกระแสลมอันเดียวดายแห่งท้องทะเล ฉันจอดเรือแห่งความคิดคำนึงเอาไว้ที่ไกลแสนไกล และเฝ้ามองผืนน้ำกลางทะเลน้อย เพียงเพื่อจะได้เห็นดอกบัวสักดอกเริ่มบานออกทีละน้อยรับแสงยามเช้า

พัทลุง

ถ้าแผนที่เดินทางเป็นสิ่งที่บอกนัยถึงความลับของชีวิต มันก็คงเหมือนเส้นถนนทุกสายที่โยงเข้าด้วยกันตรงปลายที่เรายังเดินทางไปไม่มีจุดสิ้นสุด ยากลำบากด้วยหลุมหล่มของอุปสรรคที่มองไม่เห็น ทั้งบางครั้งมันอาจคือทางตันที่ลากจุดจบของมันไปกระทั่งเราสิ้นสุดลมหายใจ

ผมไม่เคยคาดเดาว่าพัทลุงจะเป็นแบบไหน ไม่ว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้ สิ่งที่ยายเคยบอกผม และผมจำได้คือเราจะโบกมือให้ขบวนรถไฟเที่ยวใดเที่ยวหนึ่ง เพื่อมองหาใครสักคนที่โบกมือตอบ จากนั้นเราก็ระบายรอยยิ้มออกมา แล้วก็ยืนมองจนขบวนรถลับตาไป

หรือพัทลุงคือเมืองในแบบที่คุณเป็น เริ่มจากเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง พัฒนาตัวมันเองจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมาจนกลายเป็นความทรงจำจากรุ่นสู่รุ่นที่พวกเขาล้วนเดินทางออกไปจากจุดเริ่ม จากนั้นบินหายลับไปเหมือนนกบางชนิดที่ไม่เคยกลับคืนถิ่นแม้ว่าที่แห่งนั้นจะอุดมสมบูรณ์เช่นไรในรู้สึกของนกอีกหลายชนิด หรือพัทลุงเป็นคล้ายภาพถ่ายเก่าๆ ในลิ้นชักของคนที่หลงลืม เมื่อเขาพบมันอีกครั้งโดยบังเอิญ เขาก็ได้แต่นั่งทบทวนถึงเรื่องราวในนั้น เพื่อกลับไปหาที่มาที่ไปของมัน ซึ่งสุดท้ายมันก็เป็นได้แค่ความพยายาม

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อเสมอว่า เราคือผลผลิตที่มาจากเหตุผลของการเดินทางในอดีตของเราเอง

ตลอดช่วงสิบปีที่ผ่าน ผมไม่ได้กลับไปเยือนทะเลน้อยอีกเลย กลับไปอีกหน ผมก็ยังรู้สึกว่าบ้านของยายหายไปจากแผนที่เมืองพัทลุงจริงๆ เหมือนที่เคยรู้สึกแล้วจริงๆ

และนั่นคือความรู้สึกเดียวที่ผมเข้าใจในเหตุผลของมัน ซึ่งแน่นอนว่าคุณเองหรือใครต่อใครต่างก็รู้กันดี ว่าไม่ว่าที่แห่งใดในโลกมันย่อมถูกกลืนเข้ากันจากการมองเห็นของเราผ่านกาลเวลาที่ไม่เคยมีจุดสิ้นสุด