ยานยนต์/สันติ จิรพรพนิต/’ฮอนด้า ซีอาร์-วี’ ที่สุดยานยนต์ ‘Thailand Car Of The Year’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์
สันติ จิรพรพนิต
[email protected]

‘ฮอนด้า ซีอาร์-วี’ ที่สุดยานยนต์

‘Thailand Car Of The Year’

แม้จะประกาศผลรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2560” (Thailand Car of the year 2017) ไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว แต่ผมไม่มีโอกาสนำข้อมูลมาเสนอเนื่องจากให้พื้นที่กับงาน “มอเตอร์โชว์ 2018” และรถหลากหลายรุ่นที่อวดโฉมในงานนี้
ฉบับนี้จึงขอเสนอรายละเอียดของรางวัลดังกล่าว ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (TAJA)
ความน่าสนใจและศักดิ์ศรีของรางวัลนี้คือมอบให้รถเพียง “รุ่นเดียว” เท่านั้น
ปีนี้ที่ได้ไปคือ “ฮอนด้า ซีอาร์-วี”
กว่าจะได้รางวัลนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะการตัดสินกำหนดให้มีคณะกรรมการรอบตัดสินไม่น้อยกว่า 25 คน ซึ่งในปีนี้มีนักทดสอบที่เป็นสมาชิกของสมาคม และมีคุณสมบัติเป็นกรรมการ 45 คน
คุณสมบัติหลักๆ ของกรรมการต้องมีผลงานการทดสอบรถยนต์/รถจักรยานยนต์ เผยแพร่ต่อสาธารณชน เป็นผู้ปฏิบัติงานในฐานะสื่อมวลชนสายยานยนต์และจักรยานยนต์ 3 ปีต่อเนื่อง
เรียกว่าเป็นรางวัลที่ได้จากกลุ่มผู้สื่อข่าวและนักทดสอบรถยนต์ตัวจริง เสียงจริง ที่เคยลองขับรถยนต์มาแล้วเกือบทุกรุ่นที่ขายในเมืองไทย
โดยรอบสุดท้ายมีรถผ่านการคัดเลือกรวม 7 รุ่น (วางจำหน่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2559 – 30 กันยายน 2560) ประกอบด้วย


1. นิสสัน โน้ต (Nissan Note)
2. เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส (Mercedes-Benz E-Class) รุ่นประกอบในประเทศ
3. ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก (Honda Civic Hatchback)
4. ฮอนด้า ซีอาร์-วี (Honda CR-V)
5. เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คูเป้ (Mercedes-Benz GLC Coupe) รุ่นประกอบในประเทศ
6. บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์5 (BMW 5 Series)
และ 7. โตโยต้า ยาริส เอทีฟ (Toyota Yaris Ativ)

การให้คะแนนอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์สำคัญ คือ การออกแบบ การขับขี่และควบคุมสมรรถนะ ความปลอดภัย ความพึงพอใจของผู้ขับขี่ นวัตกรรม คุณค่าและความคุ้มค่า รวมถึงการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กรรมการแต่ละคนมีทั้งหมด 25 คะแนน โดยเลือกให้คะแนนกับรถอย่างน้อย 3 รุ่น โดยรุ่นที่ชื่นชอบที่สุดจะได้ 10 คะแนน ที่เหลือกระจายให้กับรถที่ชอบลดหลั่นกันลงไป โดยห้ามให้คะแนนรถรุ่นอื่นๆ 10 คะแนน เท่ากับรถที่ชอบที่สุด
ผลในปี 2017 ที่ออกมา อันดับ 1 ฮอนด้า ซีอาร์-วี 228 คะแนน, อันดับ 2 โตโยต้า ยาริส เอทีฟ 192 คะแนน, อันดับ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 157 คะแนน, อันดับ 4 ฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก 155 คะแนน, อันดับ 5 เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส 150 คะแนน, อันดับ 6 เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซี คูเป้ 132 คะแนน และอันดับ 7 นิสสัน โน้ต 130 คะแนน
โดยก่อนหน้านี้ 2 ปีที่เริ่มแจกรางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี” ที่ได้ไปปีแรกคือ “ฟอร์ด เอเวอเรสต์” และปีถัดมาเป็นของ “มาสด้า ซีเอ็กซ์-3”
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่ารางวัลนี้นับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติ เพราะได้มีการตัดสินและมอบรางวัลให้กับรถยนต์เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น และนับเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้าสามารถคว้ารางวัลมาครองได้
“ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเสนอยนตรกรรมคุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้ามาโดยตลอด”

หลายๆ ท่านคุ้นเคยกับฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็นอย่างดี แต่เพื่อให้เข้ากับรางวัลที่ได้รับ ขอนำท่านผู้อ่านไปเจาะลึกรถรุ่นนี้อีกสักครา
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เปิดตัวในเมืองไทยเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 เป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 และเป็นครั้งแรกที่ส่งเครื่องยนต์ดีเซล 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ควบคู่ไปกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC พร้อมเกียร์ CVT
ไฟหน้าและไฟท้ายใหม่แบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light กระจังหน้าแบบพรีเมียมได้รับการออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ ลายดูสวยมาก
ห้องโดยสารของซีอาร์-วี ออกแบบได้ดีทีเดียว ดูกว้างขวางแม้จะใช้โทนดำ แผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยเส้นสายลายไม้และวัสดุสี Piano Black ดูหรูหรา เบาะหนังและมีปีกโอบกระชับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 4 ทิศทาง
พวงมาลัยขนาดเหมาะมือพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น และปุ่มควบคุมความเร็วที่ใช้งานได้ง่ายมาก มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ i-Dual Zone มีระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay
ระบบเกียร์ ซึ่งเป็นแบบปุ่มดูแปลกตาพอสมควร แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องการเชนจ์เกียร์ช่วยเวลาเบรก หรือต้องการลดความเร็วตอนเข้าโค้ง เพราะมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) มาให้
การ “เชนจ์” เพื่อลดความเร็วตอนเข้าโค้ง ช่วยเบรก หรือเพิ่มอัตราเร่ง มีแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่หลังพวงมาลัย (Paddle Shift) ให้กดเล่นด้วย

มาพร้อม 2 ขุมพลังขับเคลื่อน เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 1.6 ลิตร i-DTEC DIESEL TURBO 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire) ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมัน
ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ ให้กำลัง 173 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT รองรับพลังงานทางเลือก E85
ฟังก์ชั่นการใช้งาน อาทิ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติแบบไฟฟ้าด้วยระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) พร้อมควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมต และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ และเบาะนั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับผู้โดยสารและการใช้งานที่หลากหลาย
ความปลอดภัยอันล้ำสมัย อาทิ ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ (Driver Attention Monitor) ผ่านการควบคุมพวงมาลัยและแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT พร้อมการสั่นเตือนที่พวงมาลัย ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist) ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) และระบบ Auto Brake Hold (Automatic Brake Hold) ฯลฯ

ส่วนเรื่องอารมณ์การขับขี่นั้นเท่าที่เคยทดสอบมาบอกได้เลยว่า ครบถ้วนทั้งความเร็ว อัตราเร่งที่แรงพอตัว รวมไปถึงทัศวิสัยการขับขี่ เนื่องจากโปร่งโล่งทั้งด้านหน้า และด้านข้าง
แต่แน่นอนว่าเครื่องยนต์เบนซินนั้นให้ความกระฉับกระเฉงกว่า แต่รุ่นเครื่องดีเซลก็ไม่อืดเนื่องจากติดเทอร์โบมาให้ด้วย เสียงเครื่องเองไม่ดังจนน่ารำคาญ
ด้วยความครบเครื่องของ “ฮอนด้า ซีอาร์-วี” ไม่น่าแปลกใจที่จะคว้ารางวัล “รถยนต์ยอดเยี่ยมประจำปี 2560”