ควบฟอร์ด ‘RAPTOR’ ตะลุยกรุง ปิกอัพตัวตึง-ขับสบายกว่าที่คิด

สันติ จิรพรพนิต

“ไม่น่าจะเหมาะหรือเปล่า”??

คำถามแรกของผมที่พึมพำออกมาหลังได้รับรถปิกอัพ 4 ประตูตัวแกร่ง “ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” (Ford Ranger Raptor) สีส้มแปร๋น มาอยู่ในครอบครอง

เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีภารกิจต้องเดินทางไปหลายจุดของเมืองกรุง

ทำให้เดิมผมอยากถือโอกาสนี้ทดสอบรถยนต์ หรือเอสยูวี ขนาดเล็ก-กลางมากกว่า

ที่สำคัญความใหญ่โตโอฬารของแร็พเตอร์ ทำให้ผมหวั่นใจนิดๆ ว่าอาจไม่สะดวกนัก เพราะตามปกติหากได้รถขนาดบิ๊กไซซ์มาจะเน้นทดสอบต่างจังหวัดหรือถนนนอกเมืองมากกว่า

แต่ได้รับคำยืนยันจากน้องทีมข่าวโต๊ะรถยนต์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าขับไม่ยากอย่างที่คิด

เอาน่ะ…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เพราะรับรถมาเรียบร้อย ครั้นจะทิ้งรถทดสอบไว้แล้วขับรถส่วนตัวไปก็กระไรอยู่

แต่หลังจากเริ่มตระเวนกรุงแค่หนึ่ง-สองเป้าหมายแรก

รู้สึกผิดคาดสุดๆ เพราะการขับแร็พเตอร์ ฝ่าการจราจรในเมืองกรุงสบายอก สบายใจและสะดวกอย่างมาก

ก่อนไปลงรายละเอียดการขับขี่ มาดูภาพลักษณ์แบบคร่าวๆ กันก่อน แน่นอนที่พลาดไม่ได้คือความดุดันในการออกแบบ โดยเฉพาะด้านหน้ากระจังขนาดใหญ่พร้อมตัวหนังสือ FORD สีดำ บนขอบกระจังจะมีกล้องพร้อมตัวฉีดน้ำล้าง เพื่อให้ทำงานแม่นยำตลอดเวลา

ไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งรูปตัว C

ไฟตัดหมอก LED

ใต้ท้องด้านหน้าติดตั้งแผ่นกันกระแทกซูเปอร์อัลลอย

จุดลากจูงด้านหน้า 2 ตำแหน่ง

ซุ้มล้อสีเทาเข้มขนาดใหญ่ตัดกันดีกับสีส้มของตัวรถ

มีช่องระบายอากาศด้านข้างสีเทาเข้มเช่นกัน

บริเวณกระบะด้านข้างแปะสติ๊กเกอร์และตัวอักษร “RAPTOR” เพื่อให้รู้ว่านี่คือรุ่นท็อปพิเศษแต่งแบบจัดเต็มทุกระบบ

มีบันไดข้างเพิ่มความสะดวกเวลาขึ้น-ลง เพราะตัวรถค่อนข้างสูง

ไฟท้าย LED ตัดขอบสีดำ

ฝากระบะท้ายมีระบบช่วยผ่อนแรงเปิดปิดเบามือ และมีระบบความปลอดภัยไม่สามารถเปิดฝาท้ายได้หากไม่ปลดล็อกรถ

ด้านในกระบะติดตั้งช่องจ่ายไฟ 12V. และปลั๊ก 3 ตาให้ด้วย

ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง All Terrain BF Goodrich ขนาด 285/70

ปีนบันไดเหวี่ยงตัวขึ้นไปภายในรถ เน้นโทนดำแต่มีเส้นสีส้มแทรกอยู่ตามจุดต่างๆ เพิ่มความสปอร์ตมากขึ้น

พวงมาลัย 4 ก้านจับกระชับมือเดินด้ายสีส้ม มีแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย(On-centre mark) และแป้นเปลี่ยนเกียร์ หรือแพดเดิลชิฟต์ทำจากแมกนีเซียม

เช่นเดียวกับเบาะนั่งทรงสปอร์ตที่ได้ไอเดียมาจากเครื่องบินรบ F22 พร้อมโลโก้ Raptor

แผงหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลต่างๆ

ตรงกลางเป็นหน้าจอสัมผัสแนวตั้งขนาด 12 นิ้ว วางแทรกอยู่ระหว่างช่องแอร์ พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย

กระหึ่มสุดๆ ด้วยลำโพง Bang & Olufsen 10 ตำแหน่ง

ต่ำลงมาเป็นระบบควบคุมแอร์ออโต้ 2 โซน แยกอิสระซ้าย ขวา

แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wiless Charge

หัวเกียร์ขนาดใหญ่คล้ายของรถยุโรปหรูๆ ใกล้กันเป็นเบรกมือไฟฟ้า

พร้อมปุ่มควบคุมเปิด-ปิดระบบความปลอดภัยต่างๆ และปุ่มเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน

หลังกดปุ่มสตาร์ตเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมา แต่เมื่อปิดประตูทุกบานความเงียบถือว่ามีมากพอสมควร

หัวเกียร์ทรงเหลี่ยมจับกระชับมือดี เรือนไมล์ดูล้ำสุดๆ แสดงข้อมูลสำคัญครบถ้วน

สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือทัศนวิสัยที่กว้างไกล และโปร่งโล่งอย่างมาก เรียกว่าแทบหาจุดบอดไม่พบ

บวกกับเทคโนโลยีกล้องมองภาพรอบคันส่งจากกล้องบริเวณกระจกหน้า-ดเานหลัง และที่ใต้กระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่ง และสัญญาณเตือนต่างๆ ทำให้ยักษ์ใหญ่บนถนนคันนี้ขับได้สบายใจมากขึ้น

เบาะนั่งทรงสปอร์ตโอบกระชับลำตัวได้ดี ปุ่มควบคุมต่างๆ อยู่ใกล้มือ

ขุมพลัง 3.0 ลิตร V6 EcoBoost เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 397 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 583 นิวตัน-เมตร

เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

มีให้เลือกถึง 7 โหมดขับขี่ 4 โหมดปรับแต่งท่อไอเสีย รวมถึงปรับระบบช่วงล่างได้อีก

พูดถึงระบบช่วงล่างต้องถือว่าชั้นเลิศจริงๆ ใช้โช้กอัพ FOX ขนาด 2.5 นิ้ว Internal Bypass พร้อมเทคโนโลยี Live Valve ปรับอัตราการดูดซับแรงสั่นสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของตัวรถโดยอัตโนมัติถึง 500 ครั้งต่อวินาที

ระบบคาลิปเปอร์แบบลูกสูบคู่ และดิสเบรกแบบมีร่องระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบ ABS และหม้อลมเบรกไฟฟ้า

การบุกไปยังเส้นทางทุรกันดารไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับแร็พเตอร์เลย

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกว่าทริปนี้ผมเน้นขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ในใจรู้สึกเสียดายเล็กๆ เพราะระบบต่างๆ ที่อัดแน่นของรถคันนี้ น่าจะขี่ตะลุยป่าเขาเสียมากกว่า

แต่การขับขี่ในเมืองแม้ไม่ได้ใช้ทุกระบบเต็มศักยภาพ แต่สิ่งหนึ่งคือการเหลียวมองของเพื่อนร่วมถนน เพราะทั้งรูปลักษณ์บึกบึนสูงใหญ่

และความเป็น “แร็พเตอร์” ที่บอกเลยว่าเป็นปิกอัพพรีเมียม ทำให้เป็นเป้าสายตาอย่างมาก

แม้ตัวรถที่ค่อนข้างสูงแต่เป็นรถที่ผมกล้าเข้าโค้งหนักๆ หรือขับแบบสวิงสวายเล็กน้อยในยามถนนโล่ง

รถคันนี้เก็บอาการได้ชะงัดทั้งหมด

ส่วนอัตราเร่งหายห่วง ทันใจทุกย่านความเร็ว

ข้อเสียของการขับขี่ในเมืองคือความใหญ่โตนี่แหละ ยิ่งเวลาเข้าห้างสรรพสินค้า ถ้าให้ดีเลือกที่มีลานจอดรถมากกว่าจะเป็นที่จอดในอาคาร เพราะหากเป็นมือใหม่อาจลำบากในการหาที่จอด รวมถึงการหักเลี้ยวขึ้นลงในแต่ละชั้น

แม้จะมีระบบช่วยจอดอัตโนมัติมาให้ ทั้งจอดแบบถอยเข้าซอง และจอดขนานฟุตปาธ แต่ระบบทำงานยังไม่ทันใจเท่าผู้ขับขี่ควบคุมเอง

อีกหนึ่งจุดที่อาจเป็นข้อสังเกตคืออัตราการสิ้นเปลืองค่อนข้างดุทีเดียว แต่สำหรับผู้ตัดสินใจซื้อรถราคาระดับนี้ การบริโภคน้ำมันอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ

“ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” สีส้มพิเศษพร้อมชุดแต่งเต็มยศราคา 1,889,000 บาท •

 

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ | สันติ จิรพรพนิต

[email protected]