เส้นทางสู่ดวงดาว: การเดินทางคว้ามิชลินสตาร์ของ “ฮ่องกง”

ดื่มด่ำอาหารพร้อมบรรยากาศ

สำหรับนักชิมที่ให้ความสำคัญกับรสชาติของอาหารมากกว่าสิ่งอื่นใด ฮ่องกงมักเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่นักชิมนึกถึงในฐานะหนึ่งในเมืองหลวงแห่งอาหารของโลก ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาเมนูสุดพิเศษรสชาติโอชะอย่างห่านย่างนุ่มลิ้น บะหมี่เนื้อซี่โครงหมูเด้ง หรือติ่มซำนึ่งรสชาติสดใหม่ อาหารท้องถิ่นจานโปรดที่ชา ชัง เตง (ร้านกาแฟในท้องถิ่น) อาหารกวางตุ้งรสชาติดั้งเดิมตามไดไป่ดง (แผงขายอาหารริมถนน) ไปจนถึงไวน์ชั้นเลิศ และร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ฮ่องกงก็พร้อมที่จะเติมเต็มความต้องการของคุณได้อย่างครบครัน

ตึกระฟ้าละลานตาของฮ่องกงที่ส่องประกายท่ามกลางหมู่ดาว

ในปี 2552 ชื่อเสียงของฮ่องกงในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับยอดนักชิมยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกระดับ เมื่อมิชลินไกด์บินลัดฟ้าข้ามทวีปมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก การปูทางสู่ระดับโลกของร้านอาหารในเมืองนี้เริ่มต้นจากดาว
มิชลินรวม 31 ดวง ซึ่งมอบให้กับร้านอาหารชั้นนำ 22 แห่ง เรียกได้ว่าเป็นตัวจุดกระแสใหม่ในหมู่นักชิมเพียงช่วงข้ามคืน และทำให้ฮ่องกงกลายเป็นศูนย์กลางอาหารระดับแนวหน้าของเอเชีย รวมถึงเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับเชฟที่ต้องการจะเดินตามความฝันและประกาศชื่อเสียงของตนให้ลือเลื่องไปทั่วโลก

มิชลิน ไกด์ ย้ำถึงความเป็นหนึ่งในการรังสรรค์มื้ออาหารของเชฟทั่วฮ่องกง โดยการให้ความสำคัญกับมาตรฐานระดับสูงในการปรุงอาหารกวางตุ้ง ในปี 2552 มิชลิน ไกด์ มอบดาวมิชลินให้กับร้าน Lung King Heen ถึงสามดวง ถือเป็นร้านอาหารจีนแห่งแรกและแห่งเดียวในขณะนั้นที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก และส่งผลให้อาหารกวางตุ้งเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นนิโคลาส อาชาร์ด กรรมการผู้จัดการกลุ่มมิชลินประจำภาคพื้นเอเชีย กล่าว

อาหารกวางตุ้ง ณ Lung King Heen ร้านอาหารมิชลินระดับสามดาว

จนถึงวันนี้ Lung King Heen ยังคงรักษาคุณภาพของรสชาติไว้ในทุกมิติ ในฐานะร้านอาหารที่ได้รับดาว
มิชลินถึง 3 ดวง มาแล้วถึง 12 ปีต่อเนื่อง รางวัลที่ไม่มีร้านไหนจะเทียบเทียมได้นี้เป็นสิ่งที่ช่วยผลักดัน Lung King Heen และอาหารกวางตุ้งสู่ระดับภัตตาคาร ซึ่งผ่านการสร้างสรรค์ด้วยการใช้ส่วนผสมที่สดใหม่ที่สุดและใช้เทคนิคการทำอาหารที่ไม่เหมือนใครเพื่อเพิ่มรสชาติที่เป็นธรรมชาติผ่านการนึ่ง ผัด คั่ว และเคี่ยว ทักษะการทำอาหารเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้ในชั่วข้ามคืน แต่ต้องเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายปีและการเรียนรู้จากเชฟยอดฝีมือระดับปรมาจารย์

มิชลิน ไกด์ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับความเป็นเลิศในด้านการทำอาหารของฮ่องกงและส่งเสริมธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเมืองแห่งนี้เท่านั้น แต่มิชลิน ไกด์ ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟรุ่นใหม่หลายคนกล้าที่จะคว้าโอกาสในการทดลองส่วนผสมใหม่ๆ และคิดค้นเทคนิคการทำอาหารอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

อายุน้อย…พร้อมเผชิญโลก

านอาหาร VEA ของเชฟวิกกี้ เชง ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว

เชฟวิกกี้ เชง เกิดในฮ่องกง และผ่านการฝึกปรือฝีมือมาอย่างเข้มข้นในสาขาวิชาการจัดการด้านการปรุงอาหารที่ George Brown College ในโทรอนโต หลังจากที่เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงในปี 2554 เขาได้สานความฝันด้วยการเปิดร้านอาหาร VEA ในปี 2561 และได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ตั้งแต่ปีแรกที่เปิดตัว ด้วยอายุเพียง 36 ปี เชงสามารถปลุกกระแสในกลุ่มนักชิมด้วยแนวคิดแบบผสมผสานของ “อาหารจีนในสไตล์ฝรั่งเศส”

นอกจากนี้ เชฟรุ่นใหม่ๆ ยังได้รับการผลักดันให้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ออกมามากขึ้น เห็นได้จากเชฟหญิงเพียงหนึ่งเดียวในเอเชียอย่างวิกกี้ เลา จากร้าน Tate Dining Room ซึ่งได้รับสองดาวมิชลินไปเมื่อปี 2564 เชฟวิกกี้ เลา มีฮ่องกงเป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจ จึงได้รังสรรค์เมนูพิเศษแด่ฮ่องกง ที่เน้นส่วนผสมที่ถือเป็นเอกลักษณ์สำหรับอาหารจีน และเปิดประสบการณ์ผู้รับประทานเข้าสู่โลกแห่งชา เต้าหู้ และซีอิ๊ว

Ode to Fruits บทกวีแด่ผลไม้ เมนูใหม่ของวิกกี้ เลา ที่ Tate Dining Room

เชฟชาวฮ่องกงแต่กำเนิดอย่างวิกกี้ เลา และวิกกี้ เชง ซึ่งผ่านการฝึกฝีมือในการทำอาหารฝรั่งเศสมาอย่างเต็มที่ ต่างกระหายที่จะยกระดับอาหารท้องถิ่นในเมืองที่ตนถือกำเนิดผ่านการทดลองส่วนผสมและเครื่องปรุงต่างๆ ที่หาได้จากในเมือง เพื่อรังสรรค์รสชาติระหว่างตะวันออกและตะวันตกที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว โดยอาจเป็นเมนูง่ายๆ อย่างวาฟเฟิลไข่กับไอศกรีมราดซอสช็อกโกแลต ซาลาเปาไส้คัสตาร์ดครีมไข่เค็ม ไปจนถึงปลิงทะเลย่างของ
เชฟวิกกี้ เชง ที่วางบนซอสกุ้งรสชาติเยี่ยม

 

มีมากกว่าแค่อาหารกวางตุ้ง

8 ½ Otto e Mezzo BOMBANA

8 ½ Otto e Mezzo BOMBANA คือร้านอาหารอิตาเลียนนอกประเทศอิตาลีแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับรางวัลมิชลินถึงสามดาว หัวหน้าเชฟ Umberto Bombana ซึ่งอาศัยอยู่ในฮ่องกงมาเกือบสามทศวรรษ ตกหลุมรักความเป็นไป ความสะดวกสบาย และความรู้สึกหลากหลายแต่เป็นหนึ่งเดียวของฮ่องกงนี้เป็นอย่างมาก

ร้านอาหารที่โดดเด่นอีกแห่งคือ New Punjab Club ซึ่งเป็นร้านที่ยกระดับมาตรฐานอาหารปัญจาบขึ้นอีกขั้น เสิร์ฟเมนูอย่างเนื้อกวางย่างแบบแทนดอรี แล้วล้างปากด้วยเมนูลาซซี่มะม่วงแสนสดชื่น ร้าน New Punjab Club ยังเป็นร้านอาหารปากีสถานแห่งแรกของโลกที่ได้รับดาวมิชลินอีกด้วย

มื้ออาหารที่มีชีวิตชีวาเป็นสิ่งที่ดึงดูดเชฟจากทั่วโลกมาที่แห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือเชฟเชน ออสบอร์น ที่เดินทางมาฮ่องกงในปี 2555 และเปิดร้าน St. Betty ตามด้วยร้าน Arcane ของตัวเองในอีก 2 ปีต่อมา และในปี 2561 ทางร้านก็ได้รับดาวดวงแรกจากมิชลิน

 

เชฟเชน ออสบอร์นแห่ง Arcane, Cornerstone และ Moxie ร้านอาหารเปิดใหม่ในฮ่องกง

ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติอย่างแท้จริง ที่มาพร้อมวัฒนธรรมอาหารที่หลากหลายและไม่หยุดนิ่ง ผู้คนชอบสำรวจและลองสิ่งใหม่ๆ อีกทั้งยังเปิดกว้างเป็นอย่างมากเมื่อเป็นเรื่องของร้านอาหาร คุณสามารถหารับประทานอาหารได้ทุกประเภทในฮ่องกง และถ้ามองในมุมของร้านอาหารหรือเชฟ เมืองแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นจริงๆเชฟเชน ออสบอร์น กล่าว

เชฟเชนเพิ่งก่อตั้ง The Arcane Collective โดยเพิ่มตัวเลือกร้านอาหารของเขาจาก Arcane ระดับ หนึ่งดาว
มิชลิน ไปจนถึง Cornerstone และ Moxie ซึ่งเสิร์ฟอาหารมังสวิรัติและอาหารทะเล ตั้งอยู่ใน The Landmark

 

ร้านอาหารริมทางสู่ดวงดาว

ฮ่องกงไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักกันในมิติของร้านอาหารหรูระดับภัตตาคารเท่านั้น แต่ร้านอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้มีงบน้อย หรือนักชิมสายลุยที่ต้องการลิ้มลองรสชาติอาหารตามข้างทางก็โด่งดังไม่แพ้กัน นอกจากร้านอาหารชั้นเลิศระดับสามดาวแล้ว ฮ่องกงยังมีร้านอาหารมิชลินสตาร์ราคาสบายกระเป๋าอีกด้วย อย่างร้าน Tim Ho Wan ตั้งอยู่ในย่านชนชั้นแรงงานของซัมชุยโปนั้นก็มีราคาไม่แพงและได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ถึง 10 ปีติดต่อกัน

บะหมี่เกี๊ยวกุ้งกุลาดำชื่อดังของ Mak Man Kee

ฮ่องกงถือเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองที่อาหารริมทางได้รับการยอมรับจากมิชลิน ไกด์ ย่านจอร์แดนและ
เหยามาเต่ยมีร้านอาหารข้างทางหลายแห่งที่ได้รับดาวอันทรงเกียรตินี้ สำหรับคนชอบเมนูเส้น ร้าน Mak Man Kee ที่เปิดมานานกว่าหกสิบปี ยังคงเสิร์ฟบะหมี่ไข่เด้งพร้อมเกี๊ยวกุ้งกุลาดำชิ้นใหญ่จุใจ ส่วน Kai Kai Dessert ก็เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องขนมหวานกวางตุ้งแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น ซุปงาดำบด ซุปอัลมอนด์ หรือบัวลอยงาดำ

 

อนาคตสีเขียว

เชฟมิชลินอย่างไซมอน โรแกน แห่งร้าน Roganic ที่ได้รับ Green Star เพื่อยกย่องการยึดหลักความยั่งยืน

ในมิชลิน ไกด์ ฉบับปี 2563 มีการนำระบบ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” หรือ Green Star มาใช้เพื่อเป็นการยกย่องร้านอาหารที่ ยึดถือและนำหลักความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินงานในแต่ละวันสำหรับในฮ่องกงนั้น ร้าน Roganic ของเชฟชื่อดังชาวอังกฤษ ไซมอน โรแกน คือร้านอาหารที่ได้รับเกียรตินี้ โดยทีมงานของเชฟจะใช้ส่วนผสมทุกส่วนไปปรุงอาหารเพื่อลดขยะ นอกจากนี้ ทางร้านยังปลูกพืชผักสวนครัวและสมุนไพรไว้ใช้เอง รวมถึงใช้เทคนิคการบ่มหรือหมักดองเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์

ด้วยอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่กำลังเติบโต เชฟต่างหันมาส่งเสริมด้านความยั่งยืนของอาหาร โดยร้านอาหารหลายร้าน ณ ที่แห่งนี้จะเลือกใช้ส่วนผสมที่ผลิตหรือเพาะปลูกในท้องถิ่น เช่น ไก่เหลือง ผักออร์แกนิก และสมุนไพร การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทำให้ผู้ที่มารับประทานอาหารจากทั่วโลก ได้รับรู้ถึงภาคเกษตรกรรมของฮ่องกงที่กำลังเฟื่องฟูอย่างเงียบๆ มากกว่าที่เคย

คงจะน่าทึ่งมากทีเดียวที่เราจะได้เห็นรายชื่อร้านอาหารใหม่ๆ ในมิชลิน ไกด์ ฉบับปี 2565 โดยในปี 2552 ฮ่องกงได้รับการการันตีด้วยดาวมิชลิน 31 ดวงสำหรับร้านอาหาร 22 แห่ง จนถึงวันนี้ ฮ่องกงได้รับดาวมิชลินถึง 95 ดวงสำหรับร้านอาหาร 69 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฮ่องกงมีความพร้อมสรรพด้วยความสามารถ ประสบการณ์ และเหมาะสมแก่รางวัลที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง

ดื่มด่ำอาหารพร้อมบรรยากาศ

แม้จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่วงการอาหารของฮ่องกงก็ยังคงเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง พร้อมร้านอาหารใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัว เพราะฮ่องกงสามารถจำกัดจำนวนผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นให้อยู่ที่เลขเพียงหลักเดียวตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ และด้วยจำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ผู้คนจึงรู้สึกมั่นใจและอุ่นใจที่จะรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านอาหารชั้นเลิศที่ต้องจองคิวล่วงหน้าสองถึงสามเดือน และเมื่อถึงวันที่ได้เปิดพรมแดน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนจะมีตัวเลือกร้านอาหารอันโอชะมากมายขนาดไหน

เรื่องราวสุดพิเศษของเชฟฮ่องกง หรือ Hong Kong Chefs’ Playbook” คือซีรีส์วิดีโอชุดใหม่ที่บอกเล่าเรื่องราวของเชฟระดับมิชลินสตาร์และฮ่องกงที่พวกเขาหลงรัก ท่านสามารถรับชมสองตอนแรก “เดินเที่ยวย่านเหยามาเต่ยกับวิกกี้ เลาและ เยือนย่านหว่องไทชินกับเชน ออสบอร์นได้แล้วที่นี่ Discover Hong Kong