เปิดหู : Lawrence  Living Room ห้องนั่งเล่นที่มีครบทุกรส โซล-ป๊อป ฟั๊งค์ อาร์แอนด์บี 

อัษฎา อาทรไผท

ยามค่ำคืน ณ กรุงโตเกียว ในปี 2018 เมื่อครั้งที่ผมเดินทางไปทำงานที่ญี่ ปุ่นคนเดียว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆ แล้ว ก่อนนอนได้แวะไปคลาย ความเหงาที่ทาวเวอร์เรคคอร์ด ร้านซีดีฉายา No Music, No Life! (ที่น่าจะ ยังเหลือที่ญี่ปุ่นเพียงที่เดียวในโลกที่ยังเปิดแบบเต็มรูปแบบ) ตั้งแต่ราวๆ 3 ทุ่มถึงเวลาปิดร้าน 5 ทุ่ม เพื่อร่ำเสียงดนตรีใหม่ๆ

เวลา 2 ชั่วโมงไม่เคยพอเพียง เพราะเขามีเพลงมากมาย แบ่งเป็นหมวดหมู่ ต่างๆ ตามชั้นต่างๆ ให้ได้ค้นหาเลือกฟังตามรสนิยมใครรสนิยมมัน และที่นี่ นี่เอง ในมุมทดลองฟังเพลง Soul-Funk ที่ผมได้สัมผัสกับ Lawrence เป็น ครั้งแรก ในอัลบั้ม Living Room ซึ่งเป็นผลงานชุดที่ 2 ของพวกเขาที่เพิ่ง ออกมาสดๆ ร้อนๆ ชนิดซีดียังไม่ออก แต่มีให้ลองฟังก่อน

ตั้งแต่หยิบหูฟังขึ้นมาประกบหู แค่เพลงแรกที่ชื่อสั้นๆ ว่า More ก็สะกดให้
ผมกระหายที่จะฟังอีกเหมือนชื่อเพลง เป็นเพลงเปิดอัลบั้มที่เผยให้ผู้ฟังได้ ทราบทันทีเลยว่าในอัลบั้มนี้จะพบกับจริตดนตรีแบบไหน เสียงประสาน เนียนๆ เสียงเครื่องเป่าเท่ๆ เสียงกีตาร์มิวท์บิวท์อารมณ์ เบสและกลองกรู๊ ฟกระจาย และความจัดจ้านของการเรียบเรียงดนตรี ที่มีรสชาดของ โซลป๊อป ฟังค์ และ อาร์ แอนด์ บี ยุค70’s-80’s ครบถ้วน เป็นเหมือนการต้อ นรับคอดนตรีแนวนี้สู่ห้องนั่งเล่นของ Lawrence ที่แม้มีคีย์บอร์ดเป็นพระเอก แต่เครื่องดนตรีอื่นก็มีสีสันโดดเด่นอย่างลงตัว

สำหรับวงดนตรีวงนี้ ดูเผินๆ จะเหมือนเป็นวงดูโอ โดยมี Clyde ( อายุ 26 ขณะบันทึกเสียง ทำหน้าที่คีย์บอร์ดและร้องนำ) และ Gracie (อายุ 22 ขณะ บันทึกเสียง ทำหน้าที่ร้องนำ) สองพี่น้องตระกูล Lawrence เป็นหน้าตาของ วง แต่แท้ที่จริงเขามีกันถึง 8 คน โดยเป็นเพื่อนสมัยเรียนกันมาก่อน ที่ผม ชอบมากๆ คือมีตำแหน่งเครื่องเป่าถึง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย ทรัมเป็ท เทเนอร์แซ็กโซโฟน และ อัลโตแซ็กโซโฟน พวกเขาร่วมกันเรียบเรียงเสียง ประสาน brass section ได้อย่างมีสไตล์มากๆ ส่วนอีก 3 คน กีตาร์ เบส กลอง ล้วนเป็นนักดนตรีสายกรู๊ฟ เล่นดนตรีลื่นไหล ให้ฟังแล้วอดแอบขยับ ตามไม่ได้

หลังจากได้ละเลียดฟังไปทีละเพลงจนครบทั้ง 13 เพลง อัลบั้มชุดนี้มีเพลงน่า ฟังหลายเพลง ด้วยความที่เนื้อที่จำกัด ผมขอเลือกมาเล่าก่อน 4 เพลง นั่นคือ เพลงแรกที่ชื่อว่า More ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ตามด้วยเพลง Whoever You Are เพลงคู่ที่ร้องโดยสองพี่น้อง Lawrence ที่ดึงเอาบรรยากาศเหงาๆ เฝ้า รอใครสักคนออกมามาได้อย่างอบอุ่นหัวใจกัน แบบนั่งไทม์แมชชีนไปซึ้ง ในยุคปลายๆ 70’s

ตามด้วยเพลง Make A Move ร้องโดย Gracie ที่วาร์ปแนวดนตรีให้สมัย ใหม่ขึ้นมาด้วยแนว มินิมัล กับซาวด์คล้ายอิเลคโทรนิค แต่ยังอบอวลไปด้วย กลิ่นของ Lawrence ที่แม้เพลงนี้จะเรียบเรียงออกแนวสมัยใหม่ แต่ก็หาจัง หวะใส่เครื่องเป่ามาได้อย่างถูกที่ถูกทาง (เพลงนี้ผมได้ชม MV แล้วชอบไอ เดียมาก) ผสมกับจังหวะจะโคนดนตรีที่เท่มากๆ สำหรับนักร้องน้องรักคนนี้ มีดีกรีเป็นถึงนักแสดงบรอดเวย์ด้วยนะครับ เสียงเธอคั้นออกมาได้แซ่บเวอร์ จริงๆ

เพลงที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้มนี้ ให้อารมณ์เหมือนเราเดินเข้ามาในห้องเพื่อน แล้วเขาตั้งวงเล่นดนตรีให้ฟังตรงหน้า คือเพลง Probably Up ที่ร้องโดยผู้พี่ Clyde เพลงเริ่มด้วยเสียงเปียโนเหงาๆ ตามด้วยเครื่องเป่า แล้วกระชากอา รมณ์เป็นเพลงสนุกๆ เมื่อจังหวะกลอง เบส เข้ามาเสริม พร้อมเสียงกีตาร์กระ ชับจับใจ เสียงร้องของ Clyde แม้จะเป็นเสียงของคนผิวขาว แต่เนื้อเสียงเขา สู้กับนักร้องผิวดำได้ทั้งด้านพลังและความสะเด่า ซึ่งเข้ากันดีกับการเรียบ เรียงดนตรีที่ลงตัวเหลือเกิน ใครชอบฟังรายละเอียดดนตรี จะพบว่าแม้จะมี หลายชิ้น แต่เขาสลับกันออกมาเด่นได้อย่างกล่มกล่อมและไม่ทับไลน์กันเลย

ความน่าสนใจของวงนี้อีกเรื่องคือ พวกเขา 7 ใน 8 สมาชิก เป็นศิษย์เก่า Brown University มหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ของอเมริกา ที่ต้องเรียน เก่งด้วย เก๋าด้วย จึงจะเข้าได้ ไม่แปลกใจว่าทำไมลีลาเรียบเรียงดนตรีของ พวกหนุ่มสาวยี่สิบต้นๆ กลุ่มนี้ ถึงเข้มข้นได้ขนาดนี้ พวกเขามีของจริงๆ ครับ ผมมั่นในว่าที่ไปเรียนที่ Brown มา น่าจะไม่ได้เรียนดนตรีกันที่นั่น แต่ก็จบ ออกมาเป็นนักดนตรี (ส่วนน้องสาว Gracie นั้นลาออกมาเป็นนักดนตรีก่อน จบเสียอีก) พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตคนรุ่นใหม่ออกมาอย่างมีกลิ่น อายเรโทร

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นทางดนตรีของพวกเขาเท่านั้น ผมเชื่อว่าชื่อเสียงของ Lawrence จะค่อยๆ กระจายออกไปในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีคนได้ฟังผล งานของพวกเขาเยอะขึ้น ล่าสุดเขายังคงออกผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และเปิดแสดงคอนเสิร์ตเล็กๆ ตามเมืองต่างๆ ในอเมริกา มีกลุ่มแฟนคลับให้ การต้อนรับอย่างดีในระดับอินดี้ และมีอัลบั้มบันทึกการแสดงสดออกมาด้วย นับเป็นความโชคดีของผม ที่ได้ผ่านไปฟังผลงานของพวกเขาในวันนั้น และ ผมหวังว่าสักวันจะโชคดีได้ไปยืนอยู่หน้าเวทีคอนเสิร์ตของพวกเขาด้วย สัก ครั้งก็ยังดี