อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ความบริสุทธิ์ของลมหายใจ

เมืองในหมอก (6)

การหายใจที่บริสุทธิ์นำพามาซึ่งหัวใจที่บริสุทธิ์

หัวใจที่บริสุทธิ์นำพามาซึ่งจิตใจที่บริสุทธิ์

หญิงสาวผู้นั้นไม่ได้พบการหายใจที่บริสุทธิ์เช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว

เธอรู้สึกราวกับว่าได้เกิดใหม่ขึ้นมาบนโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง

เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้เกิดใหม่ขึ้นมาในเมืองนี้อีกครั้งหนึ่ง เบื้องนอก รอบๆ ตัวเธอ อากาศขมุกขมัว เบื้องนอกรอบๆ ตัวเธอ อากาศช่างซึมเซา

แต่เธอกลับรู้สึกแจ่มใส

เธอกลับรู้สึกสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าหน้ากากป้องกันมลพิษเพียงอันเดียวจะเปลี่ยนแปลงโลกของเธอไป เธอกลายเป็นบุคคลใหม่ เป็นหญิงสาวคนใหม่ด้วยผลจากหน้ากากป้องกันมลพิษเพียงอันเดียว

เมื่อพบว่าตนเองเป็นหญิงสาวคนใหม่ หญิงสาวผู้นั้นละทิ้งความคิดที่จะไปยังสถานที่ทำงานของเธอ ในวันที่การหายใจปลอดโปร่ง ในวันที่หัวใจปลอดโปร่ง ในวันที่จิตใจปลอดโปร่ง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการละทิ้งการทำงาน ในวันเช่นนี้ที่ทุกอย่างแจ่มใส ไม่มีอะไรดีไปกว่าการเดินทางไปที่อื่นนอกจากสถานที่ทำงาน

หญิงสาวผู้นั้นหยุดยืนอยู่ชั่วครู่ เธอพยายามทบทวนว่าสถานที่ใดที่เธอควรไปเยือน สถานที่ใดที่เธอไม่ได้ไปเยือนมันเนิ่นนานแล้ว สวนสาธารณะ สวนสัตว์ ท้องทะเลชานเมือง เธอพบว่าหลังจากหมอกสีเทาซึมเซาเข้าครอบคลุมเมือง เธอและบุคคลอื่นในเมืองแทบไม่ได้เดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นเลย การพบว่าเธอสามารถไปถึงที่นั่นได้ในสภาพที่ร่าเริงเช่นนี้เป็นสิ่งที่ให้ความสุขแก่เธออย่างมาก

การหยุดยืนนิ่งของหญิงสาวผู้นั้นสร้างความกังวลใจให้แก่นายหมอกสีเทา เขาเกิดความกังวลว่าเธอรู้สึกตัวหรือ เธอรู้สึกตนว่ามีใครติดตามเธอหรือ แม้ว่านายหมอกสีเทาจะแน่ใจว่าเขาไม่ใช่บุคคลที่อันตรายหรือมีอะไรน่าหวาดหวั่นใจสำหรับบุคคลอื่น

แต่ท่ามกลางหมอกสีเทาซึมเซาเต็มเมืองเช่นนี้ ใครจะไว้ใจใครได้เล่า

 

แต่ดูเหมือนความเข้าใจของนายหมอกสีเทาจะเป็นความเข้าใจผิด หญิงสาวผู้นั้นดูจะไม่ได้รับรู้ถึงการติดตามของนายหมอกสีเทาเลย หรืออันที่จริงแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของนายหมอกสีเทาด้วยซ้ำไป เธอหยุดยืนอยู่กับที่ แหงนมองท้องฟ้า มองไปรอบๆ ราวกับว่าเธอกำลังขบคิดถึงบางสิ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปและเมื่อเธอขบคิดถึงมันจนพอใจ เธอก็เริ่มต้นออกเดินอีกครั้งหนึ่ง

นายหมอกสีเทาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพบแล้วว่าความกังวลคือศัตรูที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ แต่ว่าทำไมเขาจึงกังวลเกี่ยวกับเธอ มนุษย์เราควรกังวลในเรื่องที่สำคัญต่อตนเอง ควรกังวลในสิ่งที่สำคัญต่อตนเอง ควรกังวลในเรื่องราวของบุคคลที่สำคัญต่อตนเอง แต่เขาเพิ่งได้พบเธอ เพิ่งได้พบหญิงสาวผู้นั้น เหตุไฉนใดเล่า เธอจึงกลายเป็นบุคคลสำคัญสำหรับเขาไปได้เล่า

นายหมอกสีเทาไม่อาจหาคำตอบในสิ่งนี้ได้ เขารู้สึกเหมือนดังมีบางสิ่งมากระทบในอก ปวดร้าว เศร้าใจและปราศจากคำตอบ

เขารู้ดีว่าการใช้คำง่ายๆ อย่างคำว่า “ตกหลุมรัก” นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นสำหรับเขา สำหรับคนผู้ปราศจากความรักมาเนิ่นนาน

 

หลังจากความรักแบบเพ้อฝันในวัยรุ่นแล้ว นายหมอกสีเทาไม่มีเหตุการณ์หรือเรื่องราวใดที่ใกล้เคียงกับคำว่าความรักเลย เขาชอบเพศตรงข้าม นั่นเป็นของแน่ แต่สิ่งอื่นเล่า เขาไม่อาจแน่ใจได้ เขาไม่น่าจะเป็นบุคคลที่มีความรักได้ เขาไม่น่าจะเป็นบุคคลที่คิดถึงความรักได้ โดยเฉพาะเมื่อเขามองว่าตนเองนั้นเป็นบุคคลที่มีแต่อุดมคติและอุดมการณ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อหญิงสาวผู้นั้นออกเดิน นายหมอกสีเทาก็ออกเดิน เมื่อหญิงสาวผู้นั้นหยุดอยู่กับที่เพื่อทำการใคร่ครวญ นายหมอกสีเทาก็หยุดอยู่กับที่และทำท่าทีใคร่ครวญเช่นกัน

ไม่ช้าก็เร็ว ท่ามกลางแสงแดดอ่อนในยามเช้า นายหมอกสีเทาได้เปลี่ยนสภาพจากผู้ที่ออกเดินติดตามหญิงสาวผู้หนึ่งไปเป็นเงาของหญิงสาวผู้นั้นแทน

การมีสภาพเป็นเงาดูจะเป็นสิ่งที่นายหมอกสีเทาไม่คุ้นเคย กระนั้นด้วยความเพลิดเพลินกับการติดตามหญิงสาวผู้นั้น ไม่ช้านาน นายหมอกสีเทาก็ยอมรับสภาพที่ว่านั้นอย่างเต็มใจ เขาเดินตามหญิงสาวผู้นั้น หยุดเมื่อเธอหยุด เดินเมื่อเธอเดิน หายใจแรงเมื่อเธอหายใจแรง หายใจเบาเมื่อเธอหายใจเบา

สภาพพฤติกรรมของเขาเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกโปร่งสบาย เมื่อมีคนกำหนดในสิ่งที่คุณทำและจำต้องทำ คุณก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระแห่งการตัดสินใจอีกต่อไป คุณได้กลายเป็นใครบางคนที่ต้องรับผิดชอบโลกนี้ เมืองนี้ คุณเป็นเพียงเงา

แต่เป็นเงาที่มีชีวิตชีวายิ่ง

 

หญิงสาวผู้นั้นเดินออกไปนอกเมือง เธอนึกถึงสวนสัตว์ที่เธอเคยไปเยือนในยามเด็ก หลายปีเนิ่นนานที่เธอไม่ได้ไปเยือนดินแดนแห่งนั้น แม้ว่าหมอกสีเทาซึมเซาจะเพิ่งรุกรานเมือง แต่ก่อนหน้านั้น หญิงสาวก็หลงลืมสวนสัตว์แห่งนั้นไปแทบจะหมดแล้ว

ไม่มีอะไรน่าสนใจที่นั่น ไม่มีอะไรน่าเพลินตาเพลินใจที่นั่น มีแต่ความเงียบเหงาและสัตว์เกียจคร้าน

เธอมักพูดกับตนเองเสมอเมื่อเธอคิดถึงสวนสัตว์ที่ว่า และเหตุผลเหล่านี้เองทำให้เธอไม่เคยคิดไปเยือนมัน

ทว่าหลังการรุกรานของหมอกสีเทาซึมเซา สถานที่แห่งนี้กลับเป็นสถานที่ที่เธออยากไปเยือนเป็นที่ยิ่ง เธอนึกถึงคำร่ำลือที่ได้ยินมา ในสวนสัตว์แห่งนั้นมีสัตว์หลายชนิดที่ยังมีชีวิตอยู่

ในสวนสัตว์แห่งนั้นมีสัตว์จำนวนมากที่ยังมีชีวิตอยู่

แต่คำยืนยันในเรื่องราวเหล่านี้ไม่เคยมี ในหมู่เพื่อนร่วมงานของเธอ ไม่มีใครไปเยือนสวนสัตว์แห่งนั้น ในหมู่คนรู้จักของเธอไม่มีใครไปเยือนสวนสัตว์แห่งนั้น

หากเธอจะพิสูจน์คำร่ำลือที่ว่า เธอต้องไปเยือนมันด้วยตนเอง

ด้วยแรงปลุกเร้าดังกล่าว หญิงสาวผู้นั้นตัดสินใจเดินทางไปยังสวนสัตว์

เธอใช้เส้นทางที่คุ้นเคย ฝ่าหมอกควันระหว่างทางไปทีละน้อยตามก้าวเดิน ไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีความเชื่องช้า เป็นเพียงความรู้สึกสบายใจ

เธอเดินไปตามขอบถนน ไม่มีใครสวนทางมา อากาศในปอดของเธอปรอดโปร่ง เธอเดินอย่างช้าๆ ไปตามความรู้สึกและความพึงใจ ไม่ช้าก็เร็ว เธอจะไปถึงที่นั่น หญิงสาวผู้นั้นบอกกับตนเอง

 

นายหมอกสีเทาก็ทำดังกล่าวเช่นกัน เขาเดินตามหญิงสาวผู้นั้นไปอย่างช้าๆ ไม่มีความเร่งรีบ ไม่มีความอ้อยอิ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะก้าวของหญิงสาวผู้นั้น เขาในฐานะเงาของเธอมีหน้าที่เพียงการติดตามเท่านั้นเอง หากหญิงสาวผู้นั้นเชื่องช้า เขาก็เชื่องช้าตาม หากหญิงสาวผู้นั้นเร่งรีบ เขาก็เร่งรีบตาม โลกนี้ช่างน่าสนใจนักเมื่อคุณเป็นเงา นายหมอกสีเทาพูดกับตนเอง โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นเงาของหญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม

ราวครึ่งชั่วโมง หญิงสาวผู้นั้นหยุดยืนอยู่หน้าประตูสวนสัตว์ แผ่นป้ายหน้าประตูทางเข้าที่เป็นเหล็กหนาหนักบอกว่ามันเป็นประตูสวนสัตว์ แต่ไม่มีร่องรอยของสัตว์ ไม่มีร่องรอยของผู้คน

หญิงสาวผู้นั้นตั้งคำถามกับตนเอง เธอควรเข้าไปในสวนสัตว์นั้นหรือไม่

หากเธอเข้าไปและไม่มีสิ่งใดที่น่าสนใจเล่า

เธอจะสูญเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์หรือไม่

เธอขบคิดเช่นนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจ ไม่มีอะไรต้องเสียเวลา ฉันเสียเวลามามากแล้วในเมืองอันสิ้นหวังแห่งนี้จนไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป

หญิงสาวผู้นั้นคิดก่อนที่เธอจะก้าวเท้าผ่านประตูเหล็กหนาหนักตรงทางเข้าไป

 

ข้างในสวนสัตว์แห่งนั้นยังคงหลงเหลือร่องรอยของสถานที่พักพิงของสัตว์จำนวนมาก กรงต้นไม้สำหรับลิง กรงกิ่งไม้สำหรับงู บ่อน้ำสำหรับแรด กรงขนาดใหญ่สำหรับเสือ ทว่าไม่มีสัตว์ที่ว่าเหล่านี้ในสถานที่พักพิงเหล่านั้น หญิงสาวออกเดินไปรอบๆ ไปตามที่ต่างๆ ของสวนสัตว์แต่ไม่มีร่องรอยใดๆ ของสัตว์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่นี่อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวพูดกับตนเอง อากาศอันเลวร้ายได้คร่าทุกชีวิตในที่นี้ไป อากาศอันเลวร้ายได้คร่าทุกชีวิตที่เคยมีมาในที่นี้ไป

แต่ขณะที่เธอกำลังสิ้นหวังนั้นเอง

หญิงสาวก็ได้ยินเสียงนกร้อง มันดังแผ่วเบามาจากอีกมุมหนึ่งของสวนสัตว์ ไล่กวาดไปทั่วบริเวณ จากขอบฟ้าหนึ่งไปจรดอีกขอบฟ้าหนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นกวาดสายตาตามเสียงนั้นไป หากแต่ว่าแม้เธอจะกระทำเช่นนั้น เธอก็หาได้เห็นตัวของ “นกไร้รูป” ตัวนั้นไม่

น่าเสียดายที่หญิงสาวผู้นั้นไม่กวาดสายตามายังด้านหลังของเธอ ที่ด้านหลังของเธอเองนั้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีตัวตนจริงกำลังจ้องมองเธออยู่