‘ขี้เหล็กแคปซูล’ สมุนไพร ก็มี ‘ภัย’ ได้

น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
[email protected] http://www.balavi.com

ยุคนี้เป็นยุคของการคืนสู่ธรรมชาติ และเมื่อพูดถึงธรรมชาติใครๆ ก็มักจะนึกถึงสมุนไพร มีผู้รักสุขภาพจำนวนไม่น้อยที่หนีจากการกินยาแผนปัจจุบัน แล้วหันไปกินยาสมุนไพรโดยคิดอย่างเถรตรงว่า ขึ้นชื่อว่าสมุนไพรแล้ว ย่อมไม่มีผลร้ายแต่ประการใด นั่นนับเป็นความเข้าใจผิดประการหนึ่ง

แท้ที่จริงขึ้นชื่อว่ายาสมุนไพรก็หมายถึง สิ่งที่กินเพื่อบำบัดรักษาโรค แต่นำมาจากพืชและสัตว์ ถ้ามาจากสัตว์ก็เรียกว่า สัตว์สมุนไพร ถ้ามาจากพืชก็เรียกว่า พืชสมุนไพร ในสัตว์และพืชย่อมมีสารอินทรีย์จำนวนหนึ่งซึ่งอาจจะออกฤทธิ์ช่วยบำบัดรักษาโรคให้กับคนเรา สารอินทรีย์เหล่านี้ย่อมต้องการปริมาณที่พอเหมาะ ไม่น้อยเกินไป ไม่มากเกินไปในการออกฤทธิ์รักษาโรค

ทีนี้เมื่อจะใช้สมุนไพรในการรักษาโรค จึงต้องศึกษาวิธีการใช้ และปริมาณการใช้ให้ถ่องแท้เสียก่อน ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีกรณีใหญ่ๆ ที่ใช้สมุนไพรรักษาโรคอย่างไม่ถูกวิธี จนถึงขั้นเกิดอันตรายร้ายแรงกับผู้ใช้ เช่น การใช้ผลมะเกลือคั้นน้ำกะทิเพื่อถ่ายพยาธิ ถ้าทำอย่างผิดวิธีก็ถึงขั้นทำให้เด็กที่กินถึงกับตาบอดได้

อีกกรณีหนึ่งคือ การใช้ใบขี้เหล็กรักษาอาการนอนไม่หลับ แกงขี้เหล็กที่คนไทยรู้จักกันดี สามารถกินกันได้อย่างสนิทใจ และมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ ช่วยไม่ให้ท้องผูก และนอนหลับสบายอีกด้วย ต่อมามีการค้นพบว่าใบขี้เหล็กยังมีสารยาซึ่งออกฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ จึงมีความพยายามที่จะทำใบขี้เหล็กให้เป็นยา สมุนไพรสำเร็จรูปที่ใช้ง่ายเป็นชนิดเม็ด และกระบวนการผลิตก็กระทำกันอย่างง่ายๆ โดยใช้ใบขี้เหล็กตากแห้ง บดเป็นผงแล้วทำเป็นเม็ดขึ้นมาเลย ซึ่งแม้แต่องค์กรรัฐวิสาหกิจทางด้านเภสัชกรรมก็ยังเป็นผู้นำหน้าในการผลิตขี้เหล็กเม็ดขึ้นมาวางจำหน่ายในท้องตลาด

อย่างไรก็ดี เมื่อขี้เหล็กแคปซูลเหล่านี้ เข้าถึงผู้บริโภคอยู่พักใหญ่ ก็เริ่มมีข้อสังเกตจากแพทย์ระบบทางเดินอาหารหลายท่านว่า เริ่มพบผู้ป่วยด้วยโรคตับอักเสบที่ไม่พบสาเหตุอื่นนอกจากประวัติที่ว่า ได้กินขี้เหล็กแคปซูลมาพักหนึ่ง

หลังจากได้ติดตามค้นคว้ากันอยู่พักหนึ่ง ก็มีผลยืนยันออกมาว่า ผู้คนที่มีเอนไซม์ตับเพิ่มขึ้นสูงเหล่านั้นต้องพิษจากสารบางอย่างในใบขี้เหล็กนั่นเอง เป็นผลให้ต้องมีการประกาศให้เลิกใช้ยาเม็ดขี้เหล็กไปทั่วประเทศ

อย่างไรก็ดี คำถามมีว่า เหตุใดคนโบราณจึงกินแกงขี้เหล็กโดยไม่ปรากฏอันตรายขึ้น เหตุผลน่าจะอยู่ที่ว่า บรรพบุรุษของเรากินขี้เหล็กโดยเอามาแกง ความร้อนได้ทำลายสารพิษบางอย่างในขี้เหล็กไปแล้ว จึงปลอดภัยในการกิน แต่เมื่อนำใบขี้เหล็กผงมาทำเป็นเม็ด ไม่ได้ผ่านกระบวนการทำความร้อน สารพิษจึงยังคงอยู่

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การกินอยู่อย่างบรรพบุรุษ ได้แฝงไว้ซึ่งภูมิปัญญาในการเลือกกินเลือกอยู่ในปลอดภัยไร้โรค แต่เมื่อคนสมัยใหม่คิดจะสุขภาพดีทางลัด โดยลัดภูมิปัญญาของท่านด้วยกรรมวิธีสมัยใหม่ อันตรายก็อาจเกิดขึ้นได้ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์