‘ปีบ’ ไม้ดอกหอมไทย ทางเลือกใหม่ของ ‘คนเลิกเหล้า’

โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง
มูลนิธิสุขภาพไทย www.thaiof.org (เผยแพร่ครั้งแรก พ.ย. 2559)

 

หลังวันออกพรรษาสิ้นกฐินกาลแล้ว โครงการรณรงค์เลิกเหล้าเข้าพรรษาคงต้องหากิจกรรมอื่นต่อไปเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเลิกเหล้าอย่างต่อเนื่อง 365 วัน เพราะวันนี้เมืองไทยยังติดอันดับ 5 ของโลกประเทศขี้เหล้า

ซึ่งขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของสังคมที่สมาทานศีลข้อ 5 ที่ให้งดเว้นการดื่มสุรายาเมา

แต่ก็ต้องขอปรบมือให้กับทุกคนที่สามารถงดเหล้าช่วงเข้าพรรษามาได้ตลอด 3 เดือนเต็ม

และขอให้รักษาสุราวิรัติต่อไปเพื่อความผาสุกของครอบครัวและสุขภาพของตัวท่านเอง

อันที่จริงคนที่เลิกเหล้าได้ต้องถือว่าเป็นวีรกรรมที่ยอมเสียสละความสุขส่วนตัวทางอารมณ์ เพราะอันว่าสุรานั้นเมื่อกรึ๊บเข้าไปก๊งแรก (ราว 50 ซีซี) ก็จะเริ่มรำวงสนุกสนานครื้นเครง เนื่องจากระดับแอลกอฮอล์ในเลือดประมาณ 15-30 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะออกฤทธิ์กระตุ้นสมองให้หลั่งสารโอปิออยด์ (Opioids) ซึ่งเป็นสารคล้ายยาเสพติด เช่น เอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ทำให้ร่างกายสดชื่นอารมณ์ดี

แต่ถ้าเหล้าเข้าปากเป็นก๊งที่ 3 ปีศาจสุราจะเริ่มเข้าสิง อารมณ์ดีก็จะแปรเป็นอารมณ์ร้าย ผู้ดื่มเริ่มสูญเสียการควบคุมตัวเอง

และถ้าดื่มเข้าไปเป็นแก้ว (250 ซีซี) หรือเป็นแบน (300 ซีซี) ซึ่งมีระดับแอลกอฮอล์ 300 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

เหล้าจะเริ่มออกฤทธิ์กดประสาทให้เซื่องซึม สลบไสลหรืออาจหยุดหายใจถึงตายได้

ยิ่งคนที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง การเลิกเหล้าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะอาจเกิดอาการลงแดง เช่น มือสั่น ใจสั่น เหงื่อออกมาก คลื่นไส้ อาเจียน จนถึงขั้นตาค้างนอนไม่หลับ ประสาทหลอน และเกิดอาการชักได้ เนื่องจากเกิดภาวะเลือดคั่งในสมอง

เพราะฉะนั้น การให้คนเลิกเหล้าจึงต้องมีสิ่งทดแทนเพื่อแก้อาการลงแดงหรืออาการไม่พึงประสงค์ต่างๆ ทางเลือกหนึ่งคือ การใช้สมุนไพรบำบัดในกระบวนการเลิกเหล้า

ซึ่งมีสมุนไพรหลายชนิด

หนึ่งในนั้นก็คือ ปีบ ไม้ไทยมีดอกรูปทรงแตรจิ๋ว สีขาวนวล กลิ่นหอมชื่นใจ ที่คนไทยทุกภาครู้จักกันดี

 

ปีบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Millingtonia hortensis L.f. หรือก้องกลางดงในชื่อเรียกภาคกลาง ก็คือชื่อ กาสะลองหรือกาดสะลองของภาคเหนือ และชื่อ กางของ ในภาคอีสาน

สรรพคุณของปีบที่หมอไทยทุกภาครู้จักกันดีก็คือ ดอกปีบนำมาตากแห้งประมาณ 10 ดอก แล้วมวนเป็นบุหรี่แก้หืดหอบ รักษาริดสีดวงจมูกและไซนัสอักเสบได้ผลดีเป็นที่ประจักษ์มาช้านาน

ก่อนที่จะมีการพบว่าในดอกปีบมีสารหอมระเหย “ฮีสไปดูลิน (Hispidulin)” ที่มีฤทธิ์ขยายหลอดลมได้ดีกว่า “ยาอะมิโนฟิลลีน (Aminophyllin)” ซึ่งเป็นยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคหืด

และข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ สารสำคัญในดอกปีบไม่พบความเป็นพิษเลย

แต่เรื่องที่หมอยาชาวไทยน้อยอย่างเราๆ ยังไม่ค่อยรู้ แต่หมอชาวไทยใหญ่และหมอชาวล้านนารู้จักกันดีก็คือ ฤทธิ์ยับยั้งการดื่มสุราของ “กาสะลอง” และด้วยเคล็ดวิชา “กาสะลอง” นี่เองช่วยให้ชาวเหนือสนุกสนานรื่นเริงตามประเพณีได้โดยไม่เมาจนหัวทิ่มบ่อ

ภูมิปัญญาง่ายๆ ของหมอชาวไทยใหญ่ก็คือใช้สมุนไพรกาสะลองเพียงตัวเดียว

โดยนำกิ่งแก่หรือแก่นต้นสดมาสับให้ป่นเท่าที่ทำได้ ตากแห้งแล้วตำเป็นผงเก็บไว้กินกับกระสายน้ำผึ้ง ครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 1-2 ครั้ง หรือจะปั้นเป็นลูกกลอนกินเป็นประจำครั้งละ 5 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ภายใน 7 วัน รับรองว่าอาการอยากเหล้าจะคลายไปเองโดยไม่มีอาการลงแดง มือสั่น ใจสั่น

แถมยังช่วยลดความดันโลหิตสูงอีกด้วย

ถ้าไม่ทำเป็นผงหรือลูกกลอนก็อาจนำแก่นแห้งมาต้มกินก็ได้

 

ตั้งแต่ออกพรรษามาจนบัดนี้ ต้นปีบ-กาสะลองยังออกดอกสะพรั่งและร่วงหล่นเกลื่อนพื้นดินหอมฟุ้งขจรขจาย แต่ปีบ-กาสะลอง ไม่ใช่มีดีเพียงแค่เป็นไม้ประดับดอกหอมเท่านั้น บ้านไหนถิ่นไหนมีต้นปีบ-กาสะลองก็น่าจะเก็บเอาดอกมาใช้ทำยาแก้หืดหอบ ไซนัส หรือริดสีดวงจมูก

ที่สำคัญคือคุณแม่บ้านน่าจะลองใช้เคล็ดวิชาของชาวไทยใหญ่โดยนำต้นปีบ-กาสะลองมาเป็นยาเลิกเหล้าสำหรับสามีขี้เมา

หรือเดี๋ยวนี้สลับกันเห็นสตรีชนแก้วดื่มเหล้าไม่แพ้ชายก็ปรุงยาให้หญิงหน่ายสุราบ้างก็ได้

ถ้าไม่มีเวลาทำยาผงหรือลูกกลอน ก็สามารถนำแก่นแห้งมาต้มให้เจ้าประคุณสามีหรือภรรยาที่ชอบน้ำเมาดื่มเป็นน้ำสมุนไพรปีบ-กาสะลองแทนเหล้ารับรองได้ผลดีแน่

ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีดอยสูงชื่อดอยแม่สลอง ซึ่งมีความหมายว่า “ดอยสันติภาพ” ถ้าหากคำว่า “กาสะลอง” สื่อถึงความหมายสันติภาพด้วยเช่นกัน ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีว่าฤทธิ์แอนตี้แอลกอฮอล์ของปีบ-กาสะลอง จะมีส่วนช่วยให้สังคมไทยปลอดเหล้า ปลอดความรุนแรง เป็นสังคมที่สงบสุขที่ทุกคนปรารถนา

เข้าพรรษา ออกพรรษา ชวนกันงดเหล้าได้ทั้งปีจร้า